สุดปลายทางเดินชั้นที่สิบสามของ ‘หอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์ม’ มีประตูเหล็กสีเทาดูหนักอยู่บานหนึ่ง เมื่อร็อดแฮมขยับกลไกเปิดมัน ลูเซียนกลับมองสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเงามืดนั้นได้เพียงเลือนราง
“ที่นี่เป็นของ ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ กับ ‘สถาบันเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม’ หารกันครึ่งๆ” ลาซาร์บอกให้ลูเซียนทราบ “ข้าได้ยินมาว่าหอคอยเวทมนตร์ของท่านผู้หญิงแฮททาเวย์ ก็เป็นมิติพิเศษเช่นกัน”
ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ ลาซาร์จึงเคยมาที่นี่แล้ว
แม้ว่าลูเซียนจะพยายามมองฝ่าม่านหมอกด้วยสายตาเฉียบคมของเขาจากพลังของพร เขาก็ยังไม่สามารถระบุอะไรได้
“เชิญขอรับ ท่านอีวานส์” ร็อดแฮมเอ่ยขึ้นพลางผายมือบอกทางด้วยความเคารพนบน้อม ชัดเจนว่าเขาได้รับการฝึกฝนมาดีมาก
ลูเซียนพยักหน้า จากนั้นจึงเดินผ่านประตูเข้าไป
ท้องนภาพร่างพราวซ้อนตัวอยู่หลังม่านหมอกหนา แสงจากดวงดาวมากมายส่องลอดเพดานแก้วใสลงมายังคลังสมบัติแสนกว้างใหญ่ ซึ่งไกลสุดลูกหูลูกตาของลูเซียนเลยทีเดียว
แต่ว่า ไม่มีสิ่งใดอยู่ในนั้นสักอย่าง จนกระทั่งลูเซียน ลาซาร์และร็อดแฮมก้าวเท้าเข้าไป ฉับพลันนั้นคลังสมบัติก็คล้ายกับจะมีชีวิตขึ้นมา
“ร็อดแฮม เจ้ามาทำอะไรที่นี่” เสียงเย็นชาไร้อารมณ์ดังมาจากทั่วทุกมุมของคลังสมบัติ ทำให้บรรยากาศโดยรอบของที่แห่งนี้ดูเคร่งขรึมและชวนอึดอัด ราวกับว่าจะมีบทลงโทษเลวร้ายกับพวกเขาทันทีหากว่าร็อดแฮมพูดอะไรพลาดไป
ร็อดแฮมหยิบเหรียญตราหน้าตาลึกลับที่มีสัญลักษณ์ของธาตุมากมายจากสมัยจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณออกมา “ท่านไซเดอร์แมน นี่คือเหรียญตราจากท่านมอร์ริสขอรับ และมันมีคำสั่งถึงท่านโดยตรง นอกจากนี้แล้ว ข้าเชื่อว่าท่านย่อมเห็นแหวนบนมือขวาของท่านลูเซียนได้อย่างง่ายดาย นั่นเป็นแหวนจากรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ขอรับ”
“โอ้?” เสียงเย็นชาตอบกลับมา แล้วเหรียญตราในมือร็อดแฮมก็พลันอันตทานหายไป ลูเซียนไม่รู้เลยว่าไซเดอร์แมนทำเช่นนั้นได้อย่างไร แต่มันดูเหมือนกับว่าการทำอะไรในคลังสมบัตินี้เป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่งสำหรับเขา
หากให้พูดตามตรง ลูเซียนที่มีห้องสมุดห้วงจิตกับองค์ความรู้จากโลกเดิมนั้น บางครั้งเขาก็ไม่ค่อยเคารพนับถือนักเวทที่นี่เสียเท่าไร แต่ว่า ณ เวลานี้ จู่ๆ เขาก็ค้นพบว่าตนเองกำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลังสมบัตินี้ด้วยความหวั่นเกรง ลูเซียนรู้ว่าตัวเขายังใหม่มากในเรื่องของเวทมนตร์ และเขาก็ไม่ควรยโสโอหังและมั่นใจในตนเองจนเกินไป
แต่แน่นอนว่า ลูเซียนจะยังเดินหน้าเปลี่ยนองค์ความรู้จากโลกเดิมมาเป็นอาร์คานาศาสตร์และเวทมนตร์ให้ได้ เพราะ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ดี และคงมีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะปล่อยโอกาสนี้ไป นอกจากนี้แล้ว ลูเซียนก็อยากศึกษาเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ความสามารถทางจิตใจ และพลังวิญญาณเช่นเดียวกัน เพื่อที่เขาจะได้เป็นนักเวทที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
“เหรียญตราได้รับการยืนยันแล้ว เอาล่ะ ท่านอีวานส์ ท่านสามารถเลือกอะไรก็ได้จากที่นี่ นั่นรวมถึงน้ำยา วัตถุดิบ อุปกรณ์เวทมนตร์ กับดักวงแหวนเวท ตำราหายาก และอื่นๆ โดยห้ามเกินสองพันคะแนนอาร์คานา” ขณะที่ไซเดอร์แมนอธิบาย แสงจากดวงดาวก็ค่อยๆ เปิดเผยชั้นวางของแต่ละแถวๆ ที่มีตัวเลขกำกับไว้ และในแต่ละชั้นก็อัดแน่นไปด้วยข้าวของนับไม่ถ้วน และจากทั้งหมดนั้น บางอันก็ดูหน้าตาธรรมดาๆ บางอันก็ดูชวนตะลึงและเปล่งประกายวูบวาบชวนฝัน…
ลูเซียนยิ่งรู้สึกตื่นเต้นกว่าตอนที่เขาเข้าไปในห้องทดลองของมัสเคลินย์เสียอีก เพราะว่าในห้องทดลองมีแต่วัตถุดิบกับส่วนประกอบเวทมนตร์เท่านั้น
ขณะเดินตามลาซาร์กับร็อดแฮมเข้าไป ลูเซียนก็พยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ตนเองใจเย็นลง และไม่นานเขาก็มาหยุดอยู่หน้าชั้นวางของแรกที่มีผ้าคลุมเวทมนตร์ เสื้อคลุมไม่มีแขน และหมวกจำนวนนับไม่ถ้วน
‘เสื้อคลุมเดวีย์ (จำลอง): จำลองจากเสื้อคลุมเวทมนตร์ระดับตำนานของเดวีย์ โรเดล ระดับเก้าขั้นสูง ลดเวลาการรอร่ายคาถาลงสามวินาที ทำให้ผู้สวมได้รับพลังป้องกันเทียบเท่าระดับอัศวินนภาขั้นที่หก และเพิ่มความทนทานต่อพลังเวทจนถึงมนตราระดับเก้าให้กับผู้สวม เงื่อนไข: พลังวิญญาณของผู้สวมต้องมีอย่างน้อยระดับเจ็ด มิเช่นนั้นจะกลายเป็นคนเบาปัญญาไปเสีย’
‘เดวีย์ โรเดล: แม้ว่าจะเป็นเพียงรูปแบบจำลอง มันก็ยังมีมูลค่ามาก ผู้ที่มีกำลังมากพอ (มูลค่าสิบล้านคะแนนอาร์คานาหรือราชรัฐหรือเขตการปกครองหนึ่ง) ก็สมควรได้มันไป’
เดวีย์ โรเดล คือสมาชิกสภาสูงสุด
ลูเซียนไม่อาจละสายตาไปจากเสื้อคลุมเวทมนตร์สีดำรูปแบบจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณตัวนี้ได้เลย นี่คือเสื้อคลุมเวทมนตร์ที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา! ลดเวลาการรอร่ายคาถาลงสามวินาทีหมายถึงผู้สวมใส่จะร่ายคาถาที่ต่ำกว่าระดับหกได้อย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด ทำให้ผู้สวมสามารถสังหารศัตรูได้ราวกับพายุอันทรงพลัง นี่จะต้องเป็นเสื้อคลุมที่นักเวทส่วนใหญ่เฝ้าฝันถึงเป็นแน่!
ทว่า ราคาของมันนั้นเหนือจินตนาการของลูเซียนไปไกล ตามที่ลูเซียนรู้ แม้แต่ตระกูลไวโอเล็ตก็ยังมีรายได้ต่อปีทั้งหมดเพียงแปดแสนธาเล แต่เสื้อคลุมตัวนี้กลับมีราคาสูงถึงสิบล้านคะแนนอาร์คานา
ในตอนนั้นเอง ลูเซียนก็เหลือบไปเห็นเสื้อคลุมระดับเจ็ดอีกตัวที่สามารถสะท้อนการโจมตีเป้าหมายเดียวจากระยะไกลได้ แต่เขาก็ไม่มีคะแนนพอจะใช้มันได้เช่นกัน
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ในที่สุดเขาก็พบสองตัวเลือกที่น่าจะเหมาะกับเขา ตัวหนึ่งคือ ‘นางไม้’ และอีกตัวคือ ‘จำแลง’ ตัวอื่นๆ ถ้าไม่แพงเกินไปก็ไม่ใช่แบบที่ลูเซียนต้องการ
ลูเซียนตรวจดู ‘นางไม้’ ซึ่งมีราคาหนึ่งพันห้าร้อยคะแนน มีเวทมนตร์สองบทที่เรียกใช้ได้คือ ‘ลวงตา’ กับ ‘มหาเสน่ห์’ และยังมอบการป้องกันระดับอัศวินขั้นที่สามให้กับผู้สวมอีกด้วย
‘ไม่ว่าผู้สวมใส่จะเป็นชายหรือหญิงก็จะมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมหาศาล และเสน่ห์นี้ก็จะส่งผลทุกเพศ ผู้สวมใส่จะได้รับส่วนลดมากมาย และยังกระทั่งได้รับของฟรี! คำเตือน ผู้ที่ตามติดท่านอาจคลุ้มคลั่งได้!’
ลูเซียนตัวสั่นเล็กน้อยหลังจากอ่านคำบรรยายนี้ ก่อนจะรีบวางมันลง จากนั้นจึงหยิบเสื้อคลุมอีกตัวที่ชื่อ ‘จำแลง’ ขึ้นมา
‘เสื้อคลุมเวทมนตร์ระดับสามขั้นกลาง สามารถเรียกใช้เวท ‘แปลงกาย’ มอบการป้องกันระดับอัศวินขั้นที่สองและต้านทานเวทมนตร์เทียบเท่านักเวทระดับสาม ผู้สวมจะสามารถจำแลงกายเป็นหนู นกฮูก และโทรลได้วันละครั้งเท่านั้น’
‘อัสซุนเซา ฟิลิเป: แปลงกาย มิใช่ใจ’
เสื้อคลุมตัวนี้มีมูลค่าหนึ่งพันเก้าร้อยหกสิบคะแนนอาร์คานา ถือว่าแพงกว่าเสื้อคลุมตัวอื่นๆ ในระดับเดียวกัน แต่ลูเซียนก็ยังเลือกมัน เพราะว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการแปลงร่างเลย แม้ว่าลูเซียนจะรู้เกี่ยวกับกายวิภาคซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเรียนศาสตร์แห่งการแปลงร่าง แต่ลูเซียนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าการแปลงร่างนั้นมีกลไกการทำงานอย่างไร
ลูเซียนมีความรู้สึกว่าเสื้อคลุมตัวนี้จะต้องมีประโยชน์กับเขาอย่างมากในสักช่วงเวลาหนึ่งในอนาคตนี้แน่
หลังจากบอกไซเดอร์แมนกับร็อดแฮมว่าเขาเลือกอะไร ลูเซียนก็ร่ายเวท ‘ปลดผนึก’ แล้วทิ้งสัญลักษณ์พลังวิญญาณไว้ในเสื้อคลุม ก่อนจะสวมมัน หลังจากเพ่งฌานสมาธิส่งพลังวิญญาณไปบนเสื้อคลุม ลูเซียนก็เปลี่ยนมันให้เป็นชุดสูทสีดำดูภูมิฐานกับรองเท้าหนังคู่หนึ่ง
ลูเซียนใช้คะแนนอาร์คานาอีกสี่สิบคะแนนเพื่อซื้อน้ำยาสีม่วงเข้มที่มีชื่อว่า ‘น้ำอมฤตแห่งฟลอเรนเซีย’ มาสิบขวด เขาวางแผนไว้ว่าจะใช้น้ำยานี้ที
ละขวดเป็นเวลาสิบเดือนต่อจากนี้เพื่อให้เขารับมือได้ดีกับความเร็วในการเข้าฌานที่พัฒนาขึ้นมากเพราะแหวน ‘เวทธาตุ’
เพียงเท่านี้ สองพันคะแนนอาร์คานาก็หมดลง เมื่อลูเซียนกำลังจะจากไปพร้อมกับลาซาร์และร็อดแฮม ไซเดอร์แมนก็พูดกับเขาว่า “ท่านอีวานส์ ในฐานะผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ และเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของ ‘สถาบันเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม’ ท่านจึงจะได้รับของขวัญเป็นตำราเล่มหนึ่งขอรับ”
ทันใดนั้น ตำราที่หุ้มปกอย่างดีก็ปรากฏขึ้นในมือลูเซียน มันคือตำรา ‘จับคู่อุปกรณ์เวทมนตร์’ โดยฟลอเรนเซีย แรนกา คอนสแตนติน
ลูเซียนเปิดดูผ่านๆ ตา หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการป้องกันการสวมใส่อุปกรณ์เวทมนตร์สองอย่างไม่ให้เกิดการข่มกันเวลาอยู่ใกล้กันเกินไป เช่น ถ้าลูเซียนอยากจะสวมแหวนไว้ทั้งสิบนิ้ว เขาก็จำเป็นจะต้องจัดเรียงมันให้เหมาะสม หรือสวมแหวนที่ส่งเสริมป้องกันไว้ระหว่างแหวนที่มีฤทธิ์ข่มกันเพื่อให้ปัญหาเบาบางลง แต่มันมักจะแพงเกินไป และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนักเวทส่วนใหญ่ถึงสวมแหวนมากสุดเพียงสองวง
หลังจากกวาดตามองคลังสมบัติเป็นครั้งสุดท้าย ลูเซียนก็จากไปพร้อมกับลาซาร์และร็อดแฮม
…
เช้าตรู่วันต่อมา สถานีดาวหกแฉก
ลูเซียนกับลาซาร์ที่สวมชุดสูทกระดุมสองแถวตัวยาวรูปแบบคล้ายกัน กำลังรอให้รถไฟเข้ามาเทียบจอดยังชานชลาด้วยมือที่สอดไว้ในกระเป๋าทั้งสองข้าง
เสียงหวูดดังแหลม แล้วรถไฟสีฟ้าเข้มก็ค่อยๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสอง
ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวดูภูมิฐานลงมาจากรถไฟ หลังจากจ้องมองลูเซียนหนึ่งวินาที เขาก็รีบเดินจากไปพร้อมกับคนอื่นๆ
ลูเซียนกับลาซาร์ขึ้นไปบนรถไฟแล้วเลือกสองที่นั่งติดกับหน้าต่าง
…
หลังออกมาจากชานชลา ชายวัยกลางคนก็ยิ่งสับเท้าเร็วขึ้น เมื่อเขาเข้ามาในตรอกเงียบสงบห่างไกล ก็หยิบเอาม้วนกระดาษออกมาแล้วทาบเข้ากับใบหน้าตน
แสงสว่างบริสุทธิ์เปล่งออกมาจากม้วนกระดาษ ฉับพลันนั้นชายวัยกลางคนก็คล้ายกับกำลังเจ็บปวดอย่างมาก แต่เขากลับไม่ส่งเสียงใดๆ เมื่อแสงสว่างหายไป ในมือเขาก็กลายเป็น ‘กระดาษ’ สีใสแผ่นหนึ่งที่มีรูปภาพของลูเซียนอยู่บนนั้น!
มนตราศักดิ์สิทธิ์นี้ดึงความทรงจำของเขาออกมาและบรรยายในสิ่งที่เขาเห็น!
จากนั้น ชายวัยกลางคนก็ตรงไปยังโบสถ์ที่อยู่ห่างไกลพร้อมกับกระดาษแผ่นนั้น เขานั่งลงบนเก้าอี้แถวหน้า และเริ่มสวดภาวนาเงียบๆ
หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปจากโบสถ์ แต่กลับทิ้งกระดาษแผ่นนั้นไว้บนที่นั่ง
บาทหลวงผู้หนึ่งเดินมาหยิบมันไป
กระดาษแผ่นนั้นส่งต่อไปอีกหลายทอดและในที่สุดก็ส่งมาถึงมือฟิลิเบลล์ พระคาร์ดินัลประจำสังฆมณฑลโฮล์ม
“ลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์. ผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ คนล่าสุด ดูยังเยาว์วัยนัก” เขาพึมพำ
จากนั้นเขาก็หันไปมองพระคาร์ดินัลคนอื่นๆ และหัวหน้าคณะไต่สวน “ยกระดับขึ้นเป็น ‘ต้องกำจัด’ เมื่อใดที่สบโอกาส จงส่งผู้พิทักษ์ราตรีไปจัดการเขาเสีย แล้วข้าจะรีบส่งข้อมูลไปให้ทาง ‘หอจำรัส’“
แม้ว่าลูเซียนจะเป็นผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ แต่เขาหาใช่ผู้แข็งแกร่งและทรงอิทธิพลมากพอจะอยู่ใน ‘รายชื่อชำระล้าง’ แม้แต่ฟิลิเป ผู้ชนะรางวัล ‘บัลลังก์นิรันดร’ ก็ไม่มีชื่อในรายชื่อนี้จนกระทั่งเขาไปหยามหน้าศาสนจักรเข้าจังๆ
“ความปรารถนาของท่านคือเจตจำนงของเราขอรับ” เจนดอนตอบอย่างนอบน้อม “แต่ข้าเกรงว่าการมองหาโอกาสเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างแรกก็คือ นักเวทอนาคตไกลอย่างเขาคงจะไม่ออกจากนครอัลลินง่ายๆ และสอง ผู้พิทักษ์ราตรีระดับกลางส่วนใหญ่คงถูกแหวนของเขากำจัดแน่ เว้นแต่ว่าจะส่งคนที่เก่งจริงๆ ไป แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ และสภาเวทมนตร์จะต้องแก้แค้นอย่างหนักแน่นอนขอรับ หากสบโอกาส ข้าจึงอยากประยุกต์ใช้อนุสรณ์ศักดิ์สิทธิ์ขอรับ”
อำนาจของสังฆมณฑลโฮล์มนั้นมีมากกว่าสังฆมณฑลไวโอเล็ตนัก มิเช่นนั้นพวกเขาคงจะถูกสภาเวทมนตร์กวาดล้างไปนานแล้ว พวกเขามีกำลังมากพอจะต้านทานจนกว่าจะเปิดประตูมิติเพื่อให้ทาง ‘นครศักดิ์สิทธิ์’ ส่งกำลังเสริมมาได้”
ฟิลิเบลล์พยักหน้าแล้วถอนหายใจ “สภาเวทมนตร์ไม่เคยขาดคนหนุ่มสาวมากสามารถ แม้แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราโชคดีที่บรรดาพระสันตะปาปาต่างเน้นย้ำเรื่องการพัฒนาเวทศักดิ์สิทธิ์ เราจึงไม่ทิ้งห่างจากพวกนั้น”
ได้ยินเช่นนั้น พระคาร์ดินัลคนอื่นๆ และหัวหน้าคณะไต่สวนทุกคนก็พยักหน้าด้วยความสะเทือนอารมณ์ พวกเขาต่างรู้สึกทั้งกังวลและโชคดี
…
นครอัลลิน สำนักงานใหญ่สภาเวทมนตร์บนชั้นที่สามสิบห้า
สมาชิกสภาสูงสุดสิบเก้าคนจากทั้งหมดยี่สิบสี่คน มหาจอมเวททั้งหมดเจ็ดท่าน และผู้วิเศษระดับตำนานทั้งแปดจากสิบเอ็ดท่านต่างมาร่วมการประชุม
“จากข้อมูลที่มัลฟิวเรียนบอกกับทางเรา มีผู้เฒ่าชาวดรูอิดหลายคนที่จะไม่ร่วมงานกับเรา ดังนั้น ในหมู่ชาวดรูอิดที่กำลังจะมาเยือนอัลลิน บางคนอาจมาจากกลุ่ม ‘กบฏธรรมชาติ’ ที่ต้องการจะก่อกวนโครงการของเรา แต่ด้วยมีบางคนที่มาจากราชวงศ์ของเผ่าพันธุ์เอล์ฟ มัลฟิวเรียนจึงทำได้เพียงแสร้งไม่รู้เห็นอันใด และเขาต้องการให้เราจัดการกับเรื่องนี้” ชายชราผมขาว ดวงตาสีฟ้าสดใสเป็นผู้เอ่ย เขาเป็นชายชราตัวสูงที่ร่างกายยังดูดีแข็งแรง และสวมชุดสูทสีดำผูกโบว์ไท
“ท่านประทานดักลาส ท่านเรียกพวกเรามาเพียงเพราะเรื่องนี้เช่นนั้นหรือ”
ผู้ที่เอ่ยถามเสียงห้วนหาเรื่องเป็นชายชราท่าทางภูมิฐานตัวเล็กสวมเสื้อคลุมสีแดงสด เส้นผมของเขามีทั้งสีดำและขาว และนัยน์ตาสีแดงของเขาก็ดูวาวโรจน์คมกริบ
……………………
Related