ทันทีที่ลูเซียนสวมแหวนลงบนนิ้วกลางข้างขวา เขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ราวกับว่าร่างกายได้รับการชำระล้างจากน้ำพุใสสะอาด และบาดแผลบนดวงจิตเขาก็สมานกันจนหายดี พลังจากแหวนช่างมากมายเสียจนลูเซียนแอบคิดไปครู่หนึ่งว่าทั้งพลังนักเวทและอัศวินของเจ้าเพิ่มขึ้นไปหนึ่งระดับ
เห็นได้ชัดว่า แหวนระดับเจ็ดขั้นสมบูรณ์แบบวงนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ ลูเซียนที่ชอบเงินมากจึงไม่อาจหุบยิ้มบนใบหน้าได้เลย เขารู้ว่าเมื่อไม่ ‘แหวนเวทธาตุ’ การจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นนักเวทระดับสามคงใช้เวลาเพียงสองถึงสามปีเท่านั้น และยิ่งมีน้ำยาช่วย ก็หวังว่าเขาจะกลายเป็นนักเวทระดับกลางก่อนอายุยี่สิบปีได้
แม้ว่าลูเซียนจะฉลาด เพราะมีพรสวรรค์จากพลังวิญญาณ แต่เขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับอัจฉริยะบุคคลเหล่านั้นเลย ดังนั้น ถ้าเขาไม่มีตัวช่วยอื่นนอกจากตำรา ‘โหราศาสตร์และเวทธาตุ’ เขาก็อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบถึงสามสิบปีกว่าจะเลื่อนขั้นเป็นนักเวทระดับกลางได้ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นโชคดีสำหรับเขามากแล้ว ถ้าเขาเลือกที่จะไม่ใช้พิธีกรรมเวทมนตร์แสนชั่วร้ายเพื่อเปลี่ยนร่างกายและดวงจิตของเขาแล้วล่ะก็
แต่ทว่า ด้วยความรู้ด้านสถิติและคณิตศาสตร์ที่เก็บไว้ในห้องสมุดห้วงจิต ลูเซียนจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องง่ายเวลาจำเป็นต้องวิเคราะห์โครงสร้างแบบจำลองเวทมนตร์สุดซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับเส้นโค้งและรูปทรงกลม จึงใช้พลังวิญญาณน้อยกว่าน้อยกว่าที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างแบบจำลองระดับกลาง ในกรณีนี้ แค่สิบปีก็น่าจะเพียงพอให้ลูเซียนเลื่อนระดับขั้นได้ แต่ตอนนี้ ลูเซียนมีวิธีเข้าฌานแบบบรูค แหวน น้ำยาหลากหลายประเภท คะแนนอาร์คานาอีกเยอะแยะและหัวข้องานวิจัยของเขาเอง เขาจึงมั่นใจว่าหนึ่งหรือสองปีให้หลัง เขาจะสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้ในฐานะนักเวทระดับกลาง
แน่นอนว่า ทุกความพยายามในการเลื่อนขั้นจะมาพร้อมกับความเสี่ยง และความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้นเมื่อนักเวทจำเป็นต้องเลื่อนขั้นขึ้นเป็นนักเวทระดับสูง ผู้วิเศษ หรือกระทั่งผู้วิเศษระดับตำนาน ในกรณีที่แย่ที่สุดก็คือ นักเวทอาจเสียชีวิตไปเลย
ลูเซียนรู้ดีว่าแหวนเวทมนตร์อย่าง ‘เวทธาตุ’ จะต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหลายแสนธาเลหรือคะแนนอาร์คานา ซึ่งสามารถซื้อเมืองที่มั่งคั่งพร้อมกับบริเวณรอบๆ เมืองกับหมู่บ้านได้เลย ในขณะที่ ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ กับ ‘สถาบันเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม’ ใจกว้างมากๆ สภาเวทมนตร์กลับดูจะขี้งกไม่น้อย
ขณะจ้องมองแหวน ความคิดมากมายก็แล่นผ่านในหัวลูเซียน เขารู้ว่ามีอีกหลายรางวัลที่ก่อตั้งขึ้นตามรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ที่จะมอบของรางวัลเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ขั้นเจ็ดระดับสมบูรณ์แบบให้กับผู้ชนะเช่นกัน ซึ่งได้แก่ สร้อยคอหรือเครื่องรางจากรางวัล ‘บัลลังก์นิรันดร’ เหรียญจากรางวัล ‘จันทราเงิน’ กับ ‘น้ำแข็งและหิมะ’ มงกุฏกับเครื่องประจำศีรษะแบบอื่นๆ จากรางวัล ‘มาลัยนักเวท’ และไม้เท้าจากรางวัล ‘ไม้เท้าอาร์คานา’…ลูเซียนนึกสงสัยว่ามันจะเป็นอย่างไรหากสามารถชนะรางวัลทั้งหมดนี้ได้…
หลังจากรู้ตัวว่าตนเองกำลังยิ้มเหมือนคนโง่ เขาก็กระแอมไอและพยายามจะสงบใจลง
มอร์ริสรู้ดีว่าลูเซียนกำลังคิดอะไรอยู่เมื่อครู่นี้ตอนที่เขาจ้องมองแหวน ไม่มีใครจะรู้ดีไปกว่าผู้สร้างแหวนอย่างเขาว่าแหวนวงนี้มีค่ามากเพียงใด โชคดีที่ ในทางเทคนิคแล้ว จะมีผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ เพียงหนึ่งคนทุกๆ สิบปีเท่านั้น
หลังจากจบพิธีมอบรางวัล จอมเวทส่วนใหญ่ต่างออกไปจากห้องโถงภายในห้านาที ด้วยอดใจรอไม่ไหวที่จะไปทำการทดลองตามที่ลูเซียนแนะนำ
ตอนที่ลูเซียนกำลังจะกลับไปที่นครอัลลินพร้อมกับลาซาร์ แกสตันกับสุภาพสตรีผู้งดงามก็เดินมาหาเขา
“อีวานส์ เจ้าอยากเข้าร่วมกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ’ ของเราหรือไม่” แกสตันโพล่งถามออกมาตรงๆ
นั่นคือสิ่งที่ลูเซียนต้องการ เขาจึงตอบตกลงไปโดยตรงเช่นกัน “ข้ายินดีอย่างยิ่งขอรับ”
แกสตันพยักหน้ารับด้วยความพอใจ จากนั้นจึงเหลือบมองไปทางมอร์ริส
มอร์ริสหัวเราะร่า ก่อนที่เขาจะยื่นมือขวาออกมาตรงหน้าลูเซียน “ยินดีต้อนรับ อีวานส์ เรามีของขวัญจะมอบให้เจ้าด้วย หลังจากนี้เจ้าสามารถไปที่สำนักงานใหญ่ขององค์กรที่ ‘หอคอยเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์ม’ เพื่อเลือกอุปกรณ์เวทมนตร์ น้ำยา หรือวัตถุดิบส่วนผสมได้ไม่เกินสองพันคะแนนอาร์คานา”
สำหรับนักเวทระดับต่ำแล้ว ของขวัญที่จะได้รับมักมีมูลค่าเพียงห้าสิบถึงสองร้อยคะแนนอาร์คานา ทว่า แม้ลูเซียนจะยังไม่ได้ไปเลื่อนระดับเหรียญตรา ในสายตาทุกคนก็ว่ามองเขาคือจอมเวทระดับสี่ผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ไปแล้ว!
หลังจากจับมือกับมอร์ริส ลูเซียนจึงถามว่า “มีภารกิจหรืองานอะไรมาพร้อมกับของขวัญหรือเปล่าขอรับ”
มอร์ริสจัดเสื้อคลุมสีม่วงของตนเล็กน้อยแล้วส่งยิ้มให้ “ใช่ พอมีอยู่บ้าง เราคุ้มครองสมาชิกของเรา และเราก็อยากให้สมาชิกทุกคนให้การช่วยเหลือ แต่ถ้าเจ้ารู้สึกว่าภารกิจบางอย่างเสี่ยงเกินไป เจ้าสามารถเปลี่ยนไปทำภารกิจอื่นที่ให้ผลตอบแทนเท่าเทียมกันได้ สำหรับเจ้าแล้ว อีวานส์ เราจะคุ้มครองเจ้าให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเจ้าเพียงต้องจดจ่อกับการวิจัยของเจ้าในตอนนี้”
“ขอบพระคุณขอรับ ท่านมอร์ริส” ลูเซียนค้อมศีรษะลง หลังจากครุ่นคิดอีกครั้ง ลูเซียนก็หยุดตนเองจากการนำแหวนที่ได้รับจากนาตาชามาแสดงต่อหน้าผู้อำนวยการ
“พยายามเข้าล่ะ อีวานส์” มอร์ริสตบบ่าลูเซียน “เอาล่ะ เจ้าสามารถไปเลือกของขวัญจาก ‘หอคอยเวทมนตร์ราชสำนักโฮล์ม’ ได้แล้วล่ะ และฟลอเรนเซียจะบอกเจ้าว่าภารกิจที่เจ้าจะได้รับต่อไปคืออะไร”
มอร์ริสหลุบตาลงมองแหวนบนมือลูเซียน แล้วจากนั้นเขาก็ออกไปจากห้องโถงพร้อมกับแกสตัน ปล่อยให้ลูเซียนรับมือกับฟลอเรนเซีย สุภาพสตรีเปี่ยมเสน่ห์ดูเป็นผู้ใหญ่ตามลำพัง
ฟลอเรนเซียแย้มยิ้ม แล้วดวงตาสีเขียวของนางก็กวาดมองลูเซียนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “หน้าตาดี สง่า สุภาพ ฉลาด น่านับถือ ถ่อมตน มีชื่อเสียง เจ้านี่ช่างเป็นคนรักในอุดมคติเสียจริงๆ อีวานส์ บอกตามตรงเลยนะ ลูเซียน ข้าจะรู้สึกยินดีอย่างยิ่งถ้าได้ออกเดตกับเจ้า”
ลูเซียนขัดเขิน หรือพูดให้ถูกคือ เขารู้สึกหวาดกลัวนิดๆ
ฟลอเรนเซียขบขัน “โถ่ พ่อหนุ่มน้อย ไม่ต้องกังวลไป ข้าแต่งงานแล้วล่ะ แต่เจ้าควรจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับผู้หญิงมากขึ้นนะ”
ลูเซียนเค้นรอยยิ้มออกมาอย่างขัดเขิน
“เจ้าคือจอมเวทระดับสี่แล้ว ลูเซียน” ฟลอเรนเซียมีท่าทางจริงจังขึ้น “และตามที่กฎของสภาว่าไว้ เจ้าจะต้องออกจากสำนักดักลาส เว้นแต่ว่าเจ้าอยากจะเป็นผู้อำนวยการประจำสำนัก เจ้ารู้ไหม การมีผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ทำงานอยู่ในสำนักนับเป็นข่าวที่น่าประหลาดใจสุดๆ”
เมื่อเทียบกับอีกฝั่งทวีปแล้ว อุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์ที่นี่พัฒนาไปไกลมาก
“ข้าไม่ติดขัดอันใดกับการทำงานที่สำนักนะขอรับ” ลูเซียนตอบ รู้สึกสะเทือนอารมณ์นิดๆ
“เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้ข้ามีภารกิจจะมอบให้เจ้า ลูเซียน” ฟลอเรนเซียกล่าวอย่างเคร่งเครียด “อย่าโทษข้าเลยนะที่กดดันเจ้าแบบนี้ แต่หากข้าไม่ให้ภารกิจเจ้าเสียก่อน เจ้าจะไม่มีวันรู้เลยว่าเจ้าพวกน่ารังเกียจนั่นจะโยนภารกิจใดมาให้เจ้าเพื่อทำให้เจ้าลำบากน่ะ”
“เป็นภารกิจอะไรหรือขอรับ ท่านหญิงฟลอเรนเซีย” ลูเซียนเองก็มีท่าทางจริงจังขึ้นเช่นกัน
“อย่าห่วงเลย… เป็นภารกิจง่ายๆ” ฟลอเรนเซียเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ “มัลฟิวเรียน นักบวชระดับตำนานของนิกายดรูอิดและยังเป็นผู้เฒ่าของเหล่าดรูอิดจากป่าสตรู๊ปทางตะวันออก กำลังจะมาเยือนอัลลินเพื่อมาร่วมโครงการวิจัยที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างพวกเขากับทางสภา ผู้เฒ่าได้อุทิศชีวิตเพื่อปกป้องคุ้มครองป่าและดินแดนทั้งหมด และสิ่งที่ชาวดรูอิดพวกนี้กำลังพยายามทำอยู่คือการช่วยเหลือชาวนาน่าสงสารที่ต้องทำงานอย่างหนักมาตลอดชีวิตเพียงเพื่อจะมีชีวิตรอด พวกนั้นพยายามจะใช้พลังเวทของตนเองในการเพิ่มผลผลิตบนดินแดนของพวกเขา แต่ว่า มัลฟิวเรียนมีนักบวชฝึกหัดชาวดรูอิดเพียงไม่ถึงพันคน เขาจึงไม่มีพลังมากพอ พวกเขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือชาวไร่ชาวนาได้สักอาณาจักร”
“แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังไม่เพียงพอ แต่พวกเขาก็กำลังทำเรื่องดีงามอยู่จริงๆ” ลูเซียนพยักหน้า
ฟลอเรนเซียเห็นดีเห็นงาม “ใช่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะหาทางร่วมกับเราเพื่อเปลี่ยนพลังเวทมนตร์ของพวกเขาเป็นวัสดุอุปกรณ์จากการเล่นแร่แปรธาตุที่จะเพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่องและสามารถสร้างได้ง่าย”
“ฟังดูไม่เหมือนภารกิจง่ายๆ อย่างที่ท่านว่าเมื่อครู่นี้เลยนะขอรับ” ลูเซียนขมวดคิ้ว
“ไม่เลย สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือวิเคราะห์เวทมนตร์ของพวกดรูอิด ทำความเข้าใจพลัง จากนั้นจึงทำให้มันใช้การได้ง่ายและแพร่หลายขึ้น และงานนี้ก็ต้องการผู้ที่มีความรู้ด้านอาร์คานาอย่างลึกซึ้ง ท่านเฟอร์นันโด บราสตาร์ ท่านหญิงแฮททาเวย์ และท่านวิเซนเต มิรันดา คือผู้ดูแลโครงการนี้ ท่านราเวนติกับท่านแกสตันเองก็มีส่วนร่วมด้วย ฉะนั้น ถึงแม้ว่าโครงการจะล้มเหลวในท้ายที่สุด เจ้าก็จะไม่ถูกถือโทษใดๆ”
พลังของดรูอิดนั้นแตกต่างจากพลังของศาสนจักรและสภาเวทมนตร์อย่างมาก และดูจะจัดอยู่ระหว่างทั้งสองสายพลัง ทางสภาได้พยายามศึกษาพลังของดรูอิดมาหลายปีแล้ว ตอนนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีงามอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนจึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการนี้ และยังเป็นเหตุผลว่าทำไมมหาจอมเวททั้งสามถึงดูแลโครงการนี้ร่วมกัน
ลูเซียนทราบดีว่าเขาจำเป็นต้องทำภารกิจนี้เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเขาอาจฉวยโอกาสอันยอดเยี่ยมเพื่อสร้างมนตราคาถาบทใหม่จากเวทมนตร์พิเศษของชาวดรูอิด
“ข้าจะไปรับภารกิจจากโซนภารกิจทันทีที่ทำได้หลังจากจัดการกับเรื่องที่สำนักเสร็จนะขอรับ”
“เยี่ยม” ฟลอเรนเซียพยักหน้ารับ “ข้าต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเพื่อใส่ชื่อเจ้าลงไปในนั้น หากเจ้าไม่ใช่ผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ แล้วล่ะก็ เจ้าพวกดรูอิดหัวรั้นนั่นคงไม่ยอมรับเจ้าแน่”
ในตอนนั้นเองที่ราเวนติเดินมาหาทั้งสอง เขานำกระดาษหนึ่งแผ่นออกมาอย่างรวดเร็วแล้วยื่นให้กับลูเซียน “อีวานส์ นี่คือรายการตำราที่ข้าเขียนมาให้เจ้า อ่านตำราพวกนี้ แล้วเพิ่มพูนพื้นฐานศาสตร์แห่งอาร์คานาให้แน่นเสีย”
ลูเซียนเหลือบมองรายการนั้น และเห็นว่ามันมีอย่างน้อยสี่สิบหรือห้าสิบเล่มเลยทีเดียว
ก่อนที่ลูเซียนจะทันได้ตอบอะไร ราเวนติก็นำกระดาษปึกหนาออกมา “อีวานส์ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับวิธีการสอนของเจ้า และข้าก็ชื่นชมอย่างยิ่ง พวกนี้คือแบบฝึกหัดที่ข้ารวบรวมมา และพวกมันเหมาะกับเจ้า รับไปสิ แล้วทำให้เสร็จอย่างรอบคอบเล่า”
ลูเซียนพลันเบิกตาโต เวรกรรมแท้…
…
ไม่นานหลังจากนั้น คนจากทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะจอมเวท บาทหลวง และกระทั่งขุนนางคนสำคัญในอาณาจักรโฮล์มก็ทราบข่าวว่ามีผู้ชนะรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ คนใหม่เพิ่มมาแล้ว
ลูเซียนคือผู้ชนะรางวัลคนที่ยี่สิบหกนับแต่ที่มีรางวัลนี้ขึ้นมาเมื่อสองร้อยเจ็ดสิบปีที่แล้ว และแน่นอนว่า เขาได้รับความสนใจมากมายทีเดียว
…………………………
Related