ผึบ, ผึบ, ผึบ ……
หน้าของเอกสารพลิกไปมาอย่างช้าๆ เมื่อคำถามสัมภาษณ์ทั้งหมดถูกถาม
ดงซูบินรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาทันที่ แต่เขาไม่สามารถระเบิดมันออกมาได้ ในตอนนี้ดงซูบินทำได้ดีที่สุดคือต้องทนอยู่กับมัน
ผู้สัมภาษณ์ที่เป็นชายร่างสูงแตะไปเอกสารที่อยู่ด้านหน้าด้วยนิ้วของเขาและไม่พูดอะไรสักคำ ผู้สัมภาษณ์คนนี้อาจจะให้คะแนนการสัมภาษณ์ของดงซูบินอยู่ในระดับที่แย่ก็เป็นได้
ในวันถัดมาหลังจากที่พึงผ่านการสอบข้อเขียนไป ชายคนนี้ได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าของเขา หัวหน้าของเขาคนนั้นบอกชื่อของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จะต้องไปสัมภาษณ์กับเขา แม้ว่าหัวหน้าจะไม่พูดอะไรเลยแต่ผู้สัมภาษณ์ชายร่างสูงคนนี้ เขาก็รู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นหลานชายของหัวหน้าของเขา หัวหน้าของเขากำลังบอกให้เขาปล่อยให้หลานชายของเขาผ่านสัมภาษณ์และเข้ารับตำแหน่งในหน่วยงานนี้
หลังจากตรวจคะแนนทั้งหมดแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นที่ถูกฝากฝั่งจากหัวหน้าเขาอยู่ในระดับที่ห้าของผลคะแนนรวม แสดงว่าเขาเองต้องพยายามกำจัดหนึ่งในสี่คนแรกที่จะต้องมาสัมภาษณ์ในวันนี้ให้ได้จึงจะสามารถเลือก ผู้สัมภาษณ์คนที่ห้าได้
เนื่องจากผู้ถูกสัมภาษณ์สามคนแรกนั้นสามารถตอบคำถามได้เป็นอย่างดี ดังนั้นผู้สัมภาษณ์คนนี้จึงต้องถูกวางตัวไว้ว่าจะโดนคัดออกซึ่งนั้น คือ ดงซูบิน เขาคนนี้ไม่มีภูมิหลังและมาจากครอบครัวทั่วไปถึงแม้คะแนนของดงซูบินนั้นสูงกว่าอันดับที่ห้าก็ตามแต่มันก็มากกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากเขาระงับผลการสัมภาษณ์ของดงซูบิน ดงซูบินจะกลายเป็นอันดับที่หกหรือที่เจ็ดแทน นี่คือสาเหตุที่เขาพยายามทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับดงซูบิน ผู้สัมภาษณ์คนอื่นก็รู้ว่าชายคนนี้กำลังพยายามทำอะไรอยู่
แต่นั้นกับกลายเป็นปัญหาขึ้นมา
แม้ว่าคำตอบของดงซูบินนั้นอาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมที่สุด แต่เขาก็ไม่ตอบผิดพลาดเลย หากชายร่างสูงผู้นี้ให้คะแนนต่ำเกินไปโดยไร้เหตุผล เขาอาจจะมีปัญหาถ้าเขาถูกตรวจสอบขึ้นมา เขาตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่คำถามสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย จากขั้นตอนการสัมภาษณ์คำถามสุดท้ายของการสัมภาษณ์ขึ้นอยู่กับผู้สัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์สามารถถามอะไรก็ได้
ดงซูบินไม่รู้ว่าเมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามาในห้องสัมภาษณ์นี้เขาถูกกำหนดให้ไม่ผ่านการสัมภาษณ์นี้ตั้งแต่ต้นแล้ว
“ เอ่อนี่เป็นคำถามสุดท้าย……” ชายร่างสูงคนนั้นกำลังคิดอย่างหนักเกี่ยวกับคำถามที่จะถาม
เพียงตอนที่ดงซูบินกำลังเตรียมฟังคำถามสุดท้ายมีกลุ่มคนเดินผ่านห้องสัมภาษณ์
หญิงสาวหัวเราะและพูดว่า:“ หากคุณต้องการซื้อโทรศัพท์คุณควรซื้อไอโฟนนะมันคือมือถือที่ทันสมัยที่สุด”
ชายสูงอายุคนหนึ่งตอบกลับมาว่า:“ ฉันยังคุ้นเคยกับโนเกียอยู่เลย”
“ เราควรสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในประเทศของเราสิ” ชายอีกคนในวัย 30 กล่าว
เสียงของพวกเขาค่อนข้างดังดงซูบินและผู้สัมภาษณ์ 3 คนดูพวกเขา เมื่อผู้คนเหล่านั้นเดินไปไกลชายร่างสูงซึ่งอยู่ใกล้ประตูมากที่สุดยืนขึ้นและปิดประตู เขากลับไปนั่งข้างหลังโต๊ะและถามว่า:“ นี่เป็นคำถามสุดท้ายของการสัมภาษณ์ครั้งนี้ สีและยี่ห้อของเสื้อผ้าและรองเท้าของกลุ่มคนที่เดินผ่านมาตอนนี้คืออะไร?”
“ อ๊ะ?” ดงซูบินคิดว่าเขาได้ยินผิด “ คุณช่วยทวนคำถามอีกที่ให้ผมได้ไหม?”
ชายร่างสูงถามคำถามของเขาซ้ำ ๆ อย่างหงุดหงิด:“ สีและยี่ห้อของเสื้อผ้าและรองเท้าของคนเหล่านั้นที่เดินผ่านมาตอนนี้คืออะไร?”
ดงซูบินตกตะลึง ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ผู้สัมภาษณ์ที่อยู่ต่อหน้าเขา เขาไม่ได้สังเกตคนที่เดินผ่านมาไปตะกี้เลย
ชายร่างสูงมองเขา:“ นายไม่สามารถบอกสีเสื้อผ้าและรองเท้าของคนใดคนหนึ่งเลยได้ใช่ไหม”
ใบหน้าของผู้สัมภาษณ์หญิงก็เปลี่ยนไป เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอหยุดและส่ายหัว
‘นี้มันคำถามอะไรกัน เราจะจดจำเสื้อผ้าและรองเท้าของคนเหล่านั้นโดยไม่ต้องเตรียมตัวได้อย่างไร นี่เป็นการสัมภาษณ์และใครที่กล้าที่จะหันเหความสนใจไปที่คนเหล่านั้น นี่มันมากเกินไปแล้ว’ ดงซูบินไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้วถามว่า:“ ขอโทษครับผมไม่รู้ว่าสีเสื้อผ้าและรองเท้าของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์ของผมอย่างไร”
ชายร่างสูงมองเขาอย่างไร้อารมณ์:“ เราพิจารณาปัจจัยหลายอย่างในระหว่างการสัมภาษณ์ ตัวอย่างเช่นการสังเกตความทรงจำการโฟกัส ฯลฯ นายไม่สามารถตอบฉันได้เลย” เมื่อเห็นหน้าซีดของดงซูบิน ชายร่างสูงก็เขียนบางอย่างลงในเอกสารของเขาและกล่าวว่า อย่างงั้นเดียวเราจะติดต่อไปภายหลัง”
แค่นั้นแหละ?
‘ฉันไม่ผ่านใช่ไหมเนี่ย’
‘จะเอายังงี้ใช่ไหม!’ ดงซูบินเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ ‘นายต้องการทดสอบการสังเกตความทรงจำทักษะการโฟกัสของฉันใช่ไหม? ได้!’
‘ย้อนกลับ!’
……
ฉากเริ่มเปลี่ยนไป
ดงซูบินได้ยินเสียงฝีเท้า““ …ซื้อไอโฟนเป็นโทรศัพท์ที่ทันสมัยที่สุด”
ชายสูงอายุคนหนึ่งตอบกลับมาว่า:“ ฉันยังคุ้นเคยกับโนเกียอยู่แล้ว”
“ เราควรสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในประเทศของเราสิ” ชายอีกคนในวัย 30 กล่าว
หญิงสาวหัวเราะและพูดว่า:“ หากคุณต้องการซื้อโทรศัพท์คุณควรซื้อไอโฟนนี่คือโทรศัพท์ที่ทันสมัยที่สุด”
“ ฉันยังคุ้นเคยกับโทรศัพท์โนเกีย…..”
“ เราควรสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในประเทศของเรา……..”
ชายทั้งสองและผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านหน้าห้องสัมภาษณ์อีกครั้งดงซูบินจ้องไปที่พวกเขาทันที
ชายร่างสูงปิดประตูแล้วกลับไปนั่งที่:“ นี่เป็นคำถามสุดท้ายของการสัมภาษณ์นี้ สีและยี่ห้อของเสื้อผ้าและรองเท้าของคนเหล่านั้นที่เดินผ่านมาตอนนี้คืออะไร?” ผู้สัมภาษณ์มั่นใจว่าดงซูบินไม่สามารถตอบเขาได้ แม้แต่ผู้ที่พยายามจดจำสิ่งที่คนเหล่านั้น เขาก็มองไม่เห็นรองเท้าของพวกเขาเหล่านั้นได้ชัด แบรนด์รองเท้าของพวกเขาก็คงไม่มีใครที่ควรรู้
ผู้สัมภาษณ์หญิงไม่สามารถทนต่อไป คำถามสัมภาษณ์แบบนี้คืออะไร? อย่างไรก็ตามเนื่องจากหัวหน้าของพวกเขาแจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับหลานชายของเขา ให้กับชายร่างสูงแล้วมันทำให้เธอยังคงนิ่งเงียบและไม่ได้หยุดสัมภาษณ์นี้
ดงซูบินหลับตาและไม่พูดอะไรเลย
ชายร่างสูงมองเขาและถามว่า“ ตกลง นายตอบฉันไม่ได้ใช่ไม? การสัมภาษณ์ครั้งนี้จบลงแล้ว เดียวพวกเราจะติดต่อกลับไปในภายหลัง” เมื่อเขาพูดเสร็จแล้วและเขากำลังจะเขียนผลการสัมภาษณ์
ดงซูบินค่อยๆเปิดตาของเขาแล้วพูดด้วยการหรี่ตาลงเล็กน้อย:“ เด็กผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อชั้นในทำจากผ้าฝ้ายสีส้มและกระโปรงจีบสีขาว เธอสวมรองเท้าส้นสูงเปิดนิ้วเท้าสีเทาและสีขาว มีลวดลายดอกไม้สีม่วงพิมพ์บนส้นรองเท้า” ผู้สัมภาษณ์ทั้งสามคนตกใจดงซูบิน กล่าวต่อ:“ ชายวัย 30 ปีเขาสวมเสื้อยืดลายทางสีน้ำตาลและขาวอีกทั้งเขายังสวมสร้อยคอทองคำ กางเกงของเขาเป็นสีดำและรองเท้าของเขาเป็นรองเท้าหนังเท้าแหลมสีดำ ตรงส่วนที่แหลมถ้ารองเท้ามีฝุ่นเกาะอยู่บางๆ”
ชายร่างสูงคนนั้นหย่อนปากกาของเขาลงบนโต๊ะและปากกาก็กลิ้งไปที่ขอบแล้วตกลงบนพื้น
ดงซูบินสูดหายใจลึก ๆ และพูดต่อ:“ ชายคนสุดท้ายสวมเสื้อเชิ้ตที่มีลวดลายปัก เสื้อมีสีดำและลายปักเป็นรูปมังกร รูปแบบการปักมีหลายสี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีทองและสีขาว กางเกงของเขาเป็นกางเกงยีนส์สีเทา วัสดุเป็นวัสดุที่อ่อนนุ่มและรองเท้าของเขาเป็นวัสดุผ้าใบ ส่วนบนของรองเท้าเป็นสีเหลืองน้ำตาลและส่วนด้านล่างเป็นสีขาวอมเทา เชือกผูกรองเท้าที่เท้าทั้งสองมีสีแตกต่างกัน เท้าซ้ายเป็นสีแดงและด้านขวาเป็นสีเขียว” ดงซูบินฝึกฝนความทรงจำของเขาเพื่อโกงการสอบข้อเขียนมา มันทำให้เขาสามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้สัมภาษณ์:“ เอ่อมม……นั่นคือทั้งหมด”
ชายร่างสูงคนนั้นวิ่งออกจากห้องทันทีเพื่อออกไปมองกลุ่มคนเหล่านั้น
3 นาทีต่อมาเขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์อีกสองคนมองเขาและเขาพยักหน้าอย่างไม่มีเหตุผล
พวกเขาหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อทำใจให้สงบ
ชายร่างสูงคนนั้นมองไปที่ดงซูบิน ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด “ เอ่อ … ดีมาก นาย…เอ่อ… .. นายกลับไปแล้วเดียวพวกเราจะติดต่อกลับไป”
ดงซูบินยืนขึ้นและคำนับผู้สัมภาษณ์ “ ขอบคุณสำหรับการสัมภาษณ์ครับ”
หลังจากดงซูบินออกไปชายร่างสูงคนนั้นก็จุดบุหรี่ “ไม่น่าเชื่อ.”
“ เห็นด้วย” ชายร่างเตี้ยพูด “ ฉันไม่เคยพบใครเหมือนเขาเลย เขาจำรายละเอียดทั้งหมดเหล่านี้ได้อย่างไร”
“ ดิฉันต้องการทราบเช่นกัน” ผู้สัมภาษณ์หญิงกล่าว “ เขาไม่รู้ว่าคุณจะถามอะไรล่วงหน้าและมองไปที่คนเหล่านั้น ทำไมเขาถึงจำสีของเชือกผูกรองเท้าและฝุ่นที่ปลายรองเท้าได้? สิ่งนี้ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามีทักษะการสังเกตและความจำดี นี่เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อเกินจริง”