ในตอนเช้า เวลาเก้าโมง
หยด, หยด, หยด…น้ำเกลือถูกฉีดเข้าไปที่ข้อมือของดงซูบิน มันเป็นเรื่องน่าระทึกใจมากสำหรับเขา ส่วนฉูหยวนไม่มีอะไรให้ทำมากมายในห้องพักฟื้น เธอจึงขอกุญแจจากดงซูบิน เพื่อเธอจะเอาผ้าเช็ดตัว กางเกง ถุงเท้า ฯลฯ เพื่อจะได้เอามันไปซักให้ ส่วนชุดสูทและรองเท้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่นั้นมันได้รับความเสียหายจากเหตุไฟไหม้
หลังจากฉูหยวนออกไป พยาบาลที่มาใส่สายน้ำเกลือให้ดงซูบินก็หัวเราะออกมา:“ พี่สาวของคุณสวยมาก”
ชายชรายังกล่าวเสริมขึ้นมาอีกว่า:“ สาวสวยคนนี้ดีต่อหลานมากเลยนะเนี่ย”
ดงซูบินรู้สึกภูมิใจ ราวกับว่าพวกเขากำลังชื่นชมดงซูบินอยู่ ณ ขนาดนั้น
ฉูหยวนเธอกลับมาตอน 11.00 น. พร้อมกระเป๋าเดินทางเล็กๆ เธอนำเสื้อผ้า, แปรงสีฟัน, แชมพู, จาน, ฯลฯ มาด้วยและเก็บทุกอย่างไว้ในตู้เล็กๆข้างเตียงของดงซูบิน ตอนนี้เธอมีเหงื่อออกท่วมตัวและอยู่ในอาการหอบ แต่เธอก็ไม่หยุดที่จะจัดของต่อไป เธอยกผ้าห่มของดงซูบินและเปลี่ยนถุงเท้าให้เขา หลังจากนั้นเธอหยิบอ่างพลาสติกและสบู่ไปที่ห้องน้ำเพื่อซักถุงเท้าที่สกปรกของดงซูบิน
ดงซูบินเมื่อเขาเห็นอย่างงั้นเขาจึงบอกฉูหยวน ‘ฉูหยวน! เธอพักก่อนเถอะ”
ฉูหยวนหันมาและยิ้มให้ ขณะที่มือของเธอถือเต็มไปผงซักฝอก “ฉันไม่เหนื่อยหรอก. นายเองก็หยุดขยับได้แล้ว ”
“ได…ได้….เลย.”
ฉูหยวนนั่งยองๆซักเสื้อผ้าและหลังของเธอหันหน้าไปทางดงซูบิน เสื้อผ้าของเธอถูกดึงขึ้นมาเล็กน้อยเผยให้เห็นด้านหลังของเธอ ตาของดงซูบิน ถูกไปจ้องที่หลังเธอ บางทีเขาอาจจะจินตนาการถึงบางสิ่งที่ซุกซนและมีแรงกระตุ้นให้ปวดฉี่ เขาเปลี่ยนไปมองน้ำเกลือที่แขวนอยู่เหนือเขา มีเหลืออีกครึ่งขวด มันจะอยู่ได้อีกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เขาพยายามควบคุมความอยากของเขา แต่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาทนความเจ็บปวดที่ไหล่และขาของเขาและค่อยๆลุกจากเตียงเพื่อใส่รองเท้าแตะของเขา
ฉูหยวนที่กำลังซักถุงเท้าเสร็จก็ตกใจ “นายพยายามจะทำอะไร?”
ดงซูบินยิ้ม “ ฉันต้องการไปเข้าห้องน้ำ” เขาเอื้อมมือไปจับถุงน้ำเกลือ
“ นายหยุดตรงนั้นเลยนะ นายไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนย้ายไปไหนได้ “ฉูหยวนรีบล้างมือของเธอ “ เดียวฉันจะถือถึงน้ำเกลือให้นายเอง นายไม่ควรไปไหนมาไหนด้วยมือข้างเดียวเป็นอันขาด”
เมื่อวานนี้ ดงซูบินเองก็เคยที่จะพยายามลุกไปเข้าห้องน้ำ มันเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเขา วันนี้เองมันกับเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าเพราะดงซูบินต้องถือถุงน้ำเกลือไปด้วย อีกทั้งดงซูบินยังรู้ว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขยับตัวไปไหนมาไหน จึงทำให้เขาต้องขอให้ฉูหยวนช่วยเขา “ทุกอย่างปกติดี. ฉันจะออกจากห้องน้ำเพื่อไปช่วยนายอีกแปบหนึ่งรอเดี๋ยว” ดงซูบินไม่สนใจคำพูดของเธอและกดวาล์วของสายน้ำเกลือเพื่อให้น้ำเกลือหยุดไหล เขาอุ้มถุงแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
มันทำให้ฉูหยวนเดินไปหาเขาด้วยความโมโหเป็นอย่างมาก “ ทำไมนายไม่ฟังฉันเลย นายต้องการให้ฉันตีนายหรือยังไงฮ่ะ!!” เธอหยิบถุงน้ำเกลือจากเขาและช่วยให้เขาเข้าห้องน้ำได้ “ อย่าพยายามเป็นฮีโร่ให้มากนัก มาฉันจะช่วยนายเอง”
ดงซูบินตอบกลับด้วยท่าทีที่เขินอาย:“ ไม่เป็นไร ฉันสามารถไปเองได้”
ฉูหยวนโบกมือของเธอ:“ นายต้องการให้ฉันไปตีนายรึยังไง? เร็วเข้า!
“ โอเค……” ดงซูบินรู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะเธอได้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงได้เดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเธอ
โดยปกติห้องน้ำในโรงพยาบาลจะมีตะขอสำหรับแขวนถุงน้ำเกลือ แต่เมื่อดงซูบินและฉูหยวนมองไปรอบๆกับไม่เห็นตะขอ เมื่อทั้งคู่เห็นเช่นนั้นก็เริ่มรู้สึกเขอะเขินขึ้นมาทันทีและทั้งคู่หยุดไปสักก่อนที่ ฉูหยวนจะปิดประตูด้านหลังเธอแล้วยกที่นั่งส้วมขึ้น เธอยกถุงน้ำเกลือขึ้นเหนือหัวของเธอแล้วหันไปทางกำแพง “รีบๆ ฉันไม่แอบดูนายหรอก”
ดงซูบินรู้สึกว่าตัวเองตัวสั่นไปหมดด้วยความอายในครั้งนี้ “ เอ่อ……ฉัน……เธอ……”
“ นายอายอะไร” ฉูหยวนหันมามองเขา “รีบ!เลย”
ดงซูบินเกือบจะร้องไห้เมื่อเขาเห็นฉูหยวนหันหน้ามามองเขา เขาคลายกางเกงในโรงพยาบาลของเขาอย่างช้า ๆ แต่ไม่ได้ลดมันลง
“ ฉันจะนับถึง 3 ถ้านายไม่เสร็จฉันจะตีนายจริงๆด้วย” ฉูหยวนพูดเมื่อเธอหันหลังให้ดงซูบิน “ 1 …… 2 …… 3 …….”
ดงซูบินใช้ฟันกัดกางเกงไว้และเริ่มฉี่ออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่ดงซูบินรู้สึกว่าเสียงฉี่ที่สาดลงไปกับโถ้สวมนั้นน่าประทับใจมาก
หลังจากเสียงสาดหยุดลง ฉูหยวนจึงหันมาช้าๆส้วมให้กับดงซูบินและพาเขากลับไปที่เตียงของเขา “ ฉันซื้อกล้วยและแอปเปิ้ลมาแล้ว นายอยากทานอะไร
ดงซูบินตอบกลับในทันที่ “ตอนนี้ฉันยังไม่ค่อยหิวเท่าไร.”
“ นายไม่กินผลไม้ได้อย่างไร? นายต้องการกินวิตามินเข้าใจไหม” ฉูหยวนช่วยเขาปอกกล้วยแล้วหันไปหาเขา “ ฟังฉันและอ้าปากของนายออก อ่า…….” ดงซูบินคิดกับตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำเรื่องน่าอายของตัวเองต่อหน้าฉูหยวน เขาไม่สนใจชายชายชราและลูกชายของเขาที่อยู่เตียงข้างๆมองดูพวกเขาด้วยสีหน้าขบขัน ดงซูบินที่เห็นแบบนั้นก็ทำได้เพียงกัดกล้วยลงไปได้เท่านั้น ฉูหยวนหัวเราะ “เด็กดี. กัดอีกครั้ง อ๊ะ……” ฉูหยวนมีขาข้างหนึ่งที่คุกเข่าบนเตียงขณะที่เธอขยับเข้ามาใกล้ดงซูบินเพื่อป้อนกล้วยเขา
เข่าของ ฉูหยวนซึ่งถูกคลุมด้วยถุงน่องของเธอ มันเคลื่อนไหวใต้ผ้าห่มอุ่น ๆ
ดงซูบินเองก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่อบอุ่นและสัมผัสที่ราบรื่น มันเป็นขาของฉูหยวน!
ใจของดงซูบินเริ่มสงสัยและพูดออกมาอีกครั้ง “ ฉูหยวน! ฉันชอบเธอจริงๆนะ เธอเป็นแฟนกับฉันได้ไหม”
ฉูหยวนตกตะลึงและมือของเธอที่จับกล้วยก็ค้างไว้กลางอากาศ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาดงซูบินมีความมั่นใจมากขึ้นและในครั้งนี้มันก็ถึงเวลาแล้ว “ ฉันไม่เคยพบใครที่มีดีเท่ากับเธอมาก่อน ฉันตกหลุมรักเธอตั้งครั้งแรกที่เราพบกัน ฉูหยวนฉันรู้ว่าฉันไม่ดีพอสำหรับเธอ แต่ฉันหวังว่าเธอจะให้โอกาสฉันจริงๆ”
ฉูหยวนเขินและวางกล้วยลงบนโต๊ะ “ มันเร็วเกินไปฉัน……ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลย”
ดงซูบินดีใจมาก ฉูหยวนไม่ได้บอกว่าเขาไม่ใช่คนประเภทนั้น ในครั้งนี้ ‘ฮ่า ๆ ๆ ๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันเป็นคนสะอาดและมีระเบียบเ นี่เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ฉันไปถึงสิ่งที่ฉันฟันไว้’ “ ฉันรู้ว่ามันเร็วไป แต่ฉันชอบเธอจริงๆ เธอเป็นแฟนกับฉันได้ไหม”
ฉูหยวนดูเงียบไป
“ได้ไหม?”
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถอนหายใจ “ ฉันขอโทษซูบิน ตอนนี้ฉันยังไม่คิดจะคบใครจริงๆ “
แม้ว่า ดงซูบินรู้ว่าเขาจะถูกปฏิเสธ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง “ทำไม? ฉันดูไม่ดีพอหรือยังไง หรือเพราะตัวตนของฉันหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่?”
ฉูหยวน ส่ายหัวและมองออกไปนอกหน้าต่าง “ นายไม่ได้ผิดอะไรเลย มันเป็นปัญหาของฉัน นายเป็นคนดี” เธอพูดไปสักครู่ “ นายจำสิ่งที่ฉันพูดกับนายเมื่อวันก่อนได้ไหม? ฉันยังมีความฝันในการอยากสร้างบริษัทของตัวเอง ฉันทำงานหนักมาหลายปีสำหรับความฝันนี้ ฉันไม่ต้องการที่จะฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องการมีคู่ในตอนนี้’
ดงซูบินถามว่า:“ การตั้งบริษัทของเธอเหรอ? เธอต้องมีทุนอย่างน้อย 1 ล้านหยวน? เงินเดือนของเธอที่อยู่ที่สำนักหนังสือพิมพ์เพียงพอยังงั้นหรอ?”
ฉูหยวนเงียบไป
ดงซูบิน กล่าวต่อ:“ แสดงว่าเธอจะไม่คบใครจนกว่าฝันของเธอจะสำเร็จสินะ”
ฉูหยวนพยักหน้า “ นั่นคือสิ่งที่ฉันตัดสินใจแล้ว ขอโทษด้วยนะ.”
“ หลังจากนั้นถ้าเธอจมีบริษัทเป็นของตัวเอง เธอจะเป็นแฟนกับฉันใช่ไหม?” ดงซูบินถาม
ใบหน้าของฉูหยวนเปลี่ยนเป็นสีแดงและลุกขึ้น “ ฉันจะไปถามอาการของนายจากแพทย์”
‘เฮ้ย!’
‘นี่ถือว่าสำเร็จแล้วใช่ไหม?’