บทที่ 81 เปิดฉากความขัดแย่งกับครอบครับซู!
ผู้แปล loop
เนื่องจากดงซูบินต้องตรวจเอกสารที่ฉางจี้ต้องนำไปแก้ไข เขาจึงออกจากงานช้ากว่าปกติ
นี่เป็นครั้งแรกที่ดงซูบินรู้สึกถึงการมีอำนาจ เขาเดินช้าๆขณะที่กลับไปยังอพาร์ตเมนต์ของเขา เมื่อเขากำลังจะขึ้นไปบนอาคาร ดงซูบินได้ยินเสียงเปิดหน้าต่างและถุงขยะก็ถูกโยนออกมาจากชั้นที่สี่
“ปัง”
ถุงขยะหล่นลงมาตรงกับจุดแยกขยะที่อยู่ชั้นล่าง ถุงขยะพลาสติกแตกกระจายจากแรงกระแทกและขยะก็กระจายไปทั่ว ซุปที่หลงเหลืออยู่บางส่วนกระเด็นไปที่รองเท้าและถุงเท้าของดงซูบิน!
ขยะถุงนั้นมาจากห้องของหัวหน้าส่วนซู!
ดงซูบินยืนนิ่งด้วยความงุนงงอยู่พักหนึ่งแล้วมองดูรองเท้าหนังที่สกปรกของเขา ความโมโหของเขาเพิ่มขึ้นมาทันที!
“ เสี่ยวตง! นายตาบอดหรือยังไงกัน? หรือว่านายตั้งใจจะแกล้งฉันกันแน่?” ทั้งครอบครัวของหัวหน้าซูมีนิสัยชอบทิ้งขยะผ่านหน้าต่างห้อง ครั้งหนึ่งขยะเกือบจะหล่นโดนดงซูบินและแม่ของเขา แต่ในเวลานั้นครอบครัวของดงซูบินไม่ได้มีอำนาจใดๆ จึงไม่กล้าทำให้หัวหน้าส่วนซูซึ่งทำงานให้กับรัฐบาลไม่พอใจ แต่ตอนนี้ดงซูบินก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเช่นกัน และเขาก็รู้ว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรมีอำนาจจำกัด นี่คือเหตุผลที่เขากล้าที่จะตะโกนไปที่หน้าต่างชั้นที่สี่ “ กี่ครั้งแล้ว? อา? ใครเป็นคนทิ้งขยะถุงนี้ลงมา! พ่อแม่ของนายไม่สั่งไม่สอนหรือยังไงกัน?”
ดงซูบินก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเสี่ยวตงหรือพ่อแม่ของเขาที่ทิ้งขยะลงมา ดังนั้นเขาจึงด่าทั้งครอบครัวซู
หน้าต่างหลายบานในอาคารเปิดออกเพื่อดูความปั่นป่วนนี้ นอกจากนี้ยังมีผู้พักอาศัยบางส่วนที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานยืนรอดู ทุกคนที่อาศัยอยู่ในอาคารนั้นโกรธกับความเย่อหยิ่งของหัวหน้าครอบครัวซูอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเอาเรื่องพวกเขา ตอนนี้ทุกคนดีใจที่ได้เห็นดงซูบินซึ่งกลายเป็นข้าราชการที่กล้าจะตำหนิครอบครัวซู มันทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกดีมากสำหรับการกระทำของดงซูบิน!
ทันใดนั้นหัวของส่วนซูก็ปรากฏตัวขึ้นจากหน้าต่างชั้นสี่:“ เวร! แกคิดว่าแกกำลังด่าใครกัน?”
ดงซูบินเงยหน้าขึ้นไปมองไปที่หัวหน้าส่วนซูแล้วตะโกนว่า“ ก็ฉันไงที่กำลังด่าคุณอยู่! มีปัญหาอะไรมั้ย?”
“ ไอ้เวรนิ!” เสี่ยวตงเองก็ยังรู้สึกเจ็บใจอยู่เมื่อรู้ว่าดงซูบินสามารถสอบเข้าข้าราชการได้ เขาโมโหกับดงซูบินและเขาถ่มน้ำลายออกทางหน้าต่าง
ดงซูบินหลบอย่างรวดเร็วและน้ำลายตกลงมาห่างจากเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตร มันเป็นการหลบกะทันหัน
เสี่ยวตงยิ้มเยาะและเขาก็ปิดหน้าต่าง
ตอนนี้ดงซูบินโมโหมาก “เวรเอ้ย! ไอ้เวรนี้!” ดงซูบินไม่เคยด่าใครด้วยคำหยาบคายมากมายในชีวิต เขายังต้องการที่จะเหวี่ยงด้วยคำพูดที่หยาบคายมากขึ้น แต่เขาเห็นฉูหยวนวิ่งออกมาจากอาคารและเข้ามาหาเขา ดงซูบินกลืนหยุดความคิดที่จะพูดคำหยาบเหล่านั้นทั้งหมด เนื่องจากเขาไม่ต้องการทิ้งความประทับใจแย่ๆให้กับฉูหยวน เพราะเข้ารู้ดีว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ต้องการผู้ชายที่เต็มไปด้วยความหยาบคายอย่างแน่นอน
“ ซูบิน! เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”
ดงซูบินกลับไปที่ห้องของเขาและอธิบายกับฉูหยวนว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาเปลี่ยนถุงเท้า
หลังจากได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมดใบหน้าของฉูหยวนก็เปลี่ยนไป “ นี่มันมากเกินไปแล้วนะ! พวกเขามีสิทธิอะไรมารังแกคนอื่นกัน!”
ดงซูบินดึงหน้า “ ฉันสงสัยว่าเขาคงจะเร่งฉันไว้นานแล้วล่ะ ถ้าฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้น เขาคงจะไม่ทิ้งถุงขยะนั่นลงมาหรอก!”
“ไม่! เราไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้เด็ดขาด!”ฉูหยวนหยิบถุงเท้าสกปรกขึ้นมาจากพื้นแล้ววางลงในถังที่มีผงซักฟอก เธอขมวดคิ้วและพูดด้วยความโกรธ “ ซูบินนายอยู่ที่นี่แล้วนั้งดูทีวีไป ฉันจะขึ้นไปข้างบนเพื่อถามเหตุผลกับพวกเขา พวกเขาจะหยิ่งพยองยังงี้ได้ยังไงกัน พวกเขาจะไม่ขอโทษนายสักนิดเลยหรอ?”
“ อย่างงั้นทานข้าวก่อนล่ะกัน หลังอาหารเย็นเราจะไปหาพวกเขา ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ไว้แน่!” ครอบครัวซูเคยดูถูกดงซูบิน และแม่ของเขาตั้งแต่วันที่พวกเขาย้ายเข้ามาในอาคารนี้ ก่อนการสอบราชการหัวหน้าส่วนซูและเสี่ยวตงเย้ยหยันแม่ของดงซูบิน เหตุการณ์นี้ในวันนี้เป็นจุดแตกหักของดงซูบิน เขาจะไม่ทนต่อครอบครัวนี้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาต้องให้พวกเขาเอ่ยปากขอโทษให้ได้!
ดงซูบินรู้สึกเสียอารมณ์มากและมื้อเย็นวันนี้ดูดจืดชืดมากๆ
หลังอาหารค่ำดงซูบินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างเท้าของเขาอีกครั้ง เขาดูรองเท้าหนังคู่ใหม่ที่ฉูหยวนให้รองเท้าคู่นี้แก่เขา คราบอาหารเหล่านั้นมันล้างออกยากมากและรองเท้าคู่นี้ไม่สามารถใส่ได้อีกต่อไป ตอนนี้ในหัวของดงซูบินกำลังเดือด เขาสวมรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่งและกำลังจะขึ้นไปชั้นบน
ดิ๊งด๊อง, ดิ๊งด๊อง, ดิ๊งด๊อง ……มีคนกดกริ่งที่ประตูห้องของเขา
ดงซูบินคิดอยู่ในใจ ‘ขนาดนี้ฉันยังไม่ได้ขึ้นไปเลยนะ พวกเขาลงมาถึงห้องเองเลยหรอเนี่ย!’
ฉูหยวนเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด!
คนที่ประตูตกใจเมื่อประตูเปิดออกอย่างแรง “ เอ่อ……นี่คือบ้านของหัวหน้าซูบินรึเปล่าครับ” คนๆนั้นคือเกาแพนเหว่ยที่อยู่ประตู!
ฉูหยวนเธอก็ประหลาดใจเช่นกัน เธอเปลี่ยนเป็นยิ้มทันที “ค่ะ. คุณเป็นใครหรอค่ะ” เธอเห็นดงซูบินพยักหน้าจากมุมห้องและเธอก็หลีกทางให้เขาเข้าไป
เกาแพนเหว่ยพูดอย่างระมัดระวัง:“ ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อเกาแพนเหว่ยเป็นหนึ่งในข้าราชการของสำนักภายใต้หัวหน้าซูบินครับ” เขาถือถุงพลาสติกและมีหนังสือพิมพ์สองห่ออยู่ในนั้น หลังจากเข้าไปในห้องเขาเห็นดงซูบิน เขาก็ยิ้มทันที “ หัวหน้าซูบินผมขอโทษที่ผมไม่ได้บอกหัวหน้าก่อนที่จะมานะครับ เอ่อ……กล่องบุหรี่สองใบนี้เป็นของขวัญเล็ก ๆ สำหรับหัวหน้าครับ อ่า……หัวหน้ายังทานอาหารเย็นอยู่หรือครับ ขอโทษ ผมไม่รบกวนหัวหน้าแล้วกันครับ” เขาทิ้งของขวัญไว้ที่นั่นและกำลังจะออกไป
ที่นี่เพื่อส่งของขวัญ
ดงซูบินรู้สึกประหลาดใจ “ ฉันเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ อย่าพึงรีบไปก็ได้นั้งก่อนๆ.”
“ ผมจะรบกวนหัวหน้าหรือเปล่าครับ”
“ ไม่ต้องเกรงใจ นั่งก่อนๆ”
“ ครับ!” เกาแพนเหว่ยนั่งลงบนเก้าอี้ที่ดงซูบินชี้ตอนนี้ เขานั่งอย่างระมัดระวังด้วยก้นของเขาอยู่ครึ่งหนึ่งของเก้าอี้
ฉูหยวนเกือบหัวเราะเมื่อเธอเห็นดงซูบินพยายามทำใจให้สงบ เธอเดินไปที่โต๊ะกาแฟแล้วแล้วชาหนึ่งถ้วยให้กับเกาแพนเหว่ย “ ดื่มชาก่อนนะค่ะ”
“อา…..! ผมรินเองก็ได้ครับ!” เกาแพนเหว่ยยืนขึ้นเพื่อรับถ้วยชา “ขอบคุณพี่สาวมากครับๆ.”
ฉูหยวนยิ้ม “ ไม่ต้องเกรงใจ เดียวฉันจะกลับไปซักเสื้อผ้าก่อน คุณทั้งคู่ก็สนทนากันไปก่อนนะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ดงซูบินได้รับของขวัญ มันไม่สำคัญว่าของขวัญชิ้นนี้มีค่าเท่าไหร่ มันเป็นความคิดที่สำคัญ เขาพอใจกับของขวัญของเกาแพนเหว่ย เขาไม่ได้ห้ามฉูหยวนเขาปล่อยให้ฉูหยวนไปซักผ้า เพราะเขาต้องการคุยกับเกาแพนเหว่ยอย่างไม่เป็นทางการ ไม่มีเพื่อนที่ไม่มีวันสิ้นสุดและศัตรูที่ไม่มีวันหมดในโลกก็เช่นกัน
หลังจากฉูหยวนออกไปดงซูบินได้คุยกับเกาแพนเหว่ย
ทันใดนั้นก็มีความปั่นป่วนขึ้นจากชั้นบนของห้องที่ดงซูบินอยู่ พวกเขาได้ยินเสียงของคนกำลังโต้เถียงและด่ากันอย่างรุนแรง!
มันเป็นเสียงของเสี่ยวตงและฉูหยวน
หัวใจของดงซูบินเหมือนหยุดไปครู่หนึ่ง ‘เวรล่ะ!’ ฉูหยวนขึ้นไปชั้นบนเพื่อเหตุผลกับตระกูลเสี่ยว เขากลัวว่าฉูหยวนจะถูกดุด่าไปมากกว่านี้และดงซูบินจึงลุกขึ้นและรีบเดินขึ้นไปชั้นบนทันที “
“ หัวหน้าซู……”เกาแพนเหว่ยตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและติดตามดงซูบินขึ้นไปข้างบนทันที