แต่ติงเมิ่งเหยนก็ยังไม่วางใจ แม้ว่าเจียงชื่อจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ติงเมิ่งเหยนก็ยังยืนกรานที่จะโทรหา120เพื่อเรียกรถพยาบาลมาอยู่ดี เธอพาเจียงชื่อมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
เจียงชื่อที่เปลี่ยนความคิดไม่ได้ ก็ได้แต่ทำตามอย่างเชื่อฟัง
พวกเขาไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้แต่หมอเองก็ยังประหลาดใจ การที่ใช้มีดสามเล่มแทงเข้าไปบริเวณใกล้หัวใจแต่ไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิตนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ปาฏิหาริย์มาก
สิ่งที่ทำให้น่าตกใจกว่าก็คือขั้นตอนการจัดการกับบาดแผลที่ดูมีประสิทธิภาพ การห้ามเลือด การทำความสะอาดและการเย็บนั้นดูช่ำชอง โดยปกติแล้วแพทย์จะไม่ค่อยมีเทคนิคที่ดูเชี่ยวชาญช่ำชองเท่านี้
หากจัดการได้ไม่ทันล่ะก็เกรงว่าแผลจะเริ่มลุกลามและติดเชื้อไปอย่างรวดเร็ว เรื่องราวคงจะแย่แน่ๆ
กล่าวโดยสรุปก็คือน่าหวาดกลัวแต่ไม่มีอันตรายใดๆ
ไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรชั่วคราวแต่ก็จำเป็นที่จะต้องนอนโรงพยาบาลสักสองสามวันเพื่อติดตามดูอาการ เมื่อยืนยันได้ว่าไม่มีอะไรผิดปกติถึงจะออกไปได้
เจียงชื่อไม่อยากนอนโรงพยาบาล เขาคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย
แต่ติงเมิ่งเหยนไม่คิดเช่นนั้น ด้วยการยืนกรานของเธอ เจียงชื่อจึงเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเสียงเหม่ยและนอนอยู่บนเตียงคนไข้แคบๆ เตียงหนึ่ง
ในกลางดึกค่ำคืนที่มืดมิด เจียงชื่อนอนอยู่บนเตียงคนไข้
เมื่อติงฉี่ซานและติงเฉิงเฟิงขอตัวกลับไปก่อน จึงเหลือแต่ติงเมิ่งเหยนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยเป็นเพื่อนคุยเจียงชื่อและคอยดูแลเขา
ติงเมิ่งเหยนจับมือของเจียงชื่อพร้อมกับจ้องมองไปที่เขา
จนถึงตอนนี้ ติงเมิ่งเหยนที่โล่งใจแล้วก็ได้กล่าวอย่างโกรธเคือง “เจียงชื่อ นายทำเกินไปแล้วนะ!”
เจียงชื่อตะลึงงัน “เกินไป?ฉันทำเกินไปกับสองพ่อลูกตระกูลเกางั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่” ติงเมิ่งเหยนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ที่ฉันจะพูดก็คือนายเอาชีวิตนายไปเล่น เรื่องนี้แหละที่ทำเกินไป!นายเป็นคนฉลาด ดูไม่ออกเหรอว่าไอ้สารเลวเกาจื้อติ้งนั่นใช้คำพูดทำให้นายโกรธ ทำไมถึงยังเต็มใจให้ถูกหลอกแถมยังแทงตัวเองอีกต่างหาก?”
เจียงชื่อยิ้ม “เรื่องตอนนั้นเธอเองก็เห็นว่าถ้าฉันไม่ทำอย่างนั้น ก็จะเป็นเธอที่น้อยใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอีกไม่ใช่เหรอ?ฉันจะไม่ยอมให้เธอต้องโดนทำร้ายแม้แต่นิดเดียว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในใจของติงเมิ่งเหยนก็รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก
“แต่นายก็ไม่ควรเอาชีวิตไปล้อเล่น!”ติงเหมิ่งเหยนกล่าว “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เราก็แค่ร่วมมือกันไล่พวกเขาออกไปก็พอ คนของเราเยอะ ไม่ต้องกลัวสองพ่อลูกตระกูลเกาหรอก”
เจียงชื่อส่ายหัว “เกาจื้อติ้งคือคนที่มีพระคุณของพ่อ เธอก็รู้นิสัยใจคอของเขาดีว่ารักเรื่องหน้าตาศักดิ์ศรีแค่ไหน พวกเราสามารถไล่พ่อลูกตระกูลเกาไปได้ แต่มันจะทิ้งบาดแผลไว้ในใจของพ่อตลอดไป ซึ่งนั่นไม่เป็นเรื่องดี”
เมื่อติงเมิ่งเหยนยิ่งฟังดวงตาของเธอก็ยิ่งเปียกชื้นขึ้น
“สามี นายก็ซะแบบนี้”
“ชอบคิดแทนคนอื่น ทำไมถึงไม่คิดแทนตัวเองบ้างนะ”
“นายกังวลว่าฉันจะน้อยใจที่ได้รับความไม่ยุติธรรม นายกลัวพ่อไม่มีหน้าตาศักดิ์ศรี แต่กลับไม่กลัวว่าตัวเองจะตายไหมน่ะเหรอ?”
เจียงชื่อเหยียดมือออกไปลูบแก้มของติงเมิ่งเหยน “ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่าทักษะทางการแพทย์ของฉันมันยอดเยี่ยม มีดทุกเล่มนั้นได้รับการคำนวณมาอย่างดีแล้ว อีกอย่างฉันก็มีร่างกายที่แข็งแรงจากการเป็นทหารมาตั้งหลายปี อาการบาดเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ”
ทั้งสองมองหน้ากัน สายตาที่แสดงถึงความรู้สึกรักใคร่
ดวงจันทร์ที่สว่างไสวบนท้องฟ้าและอากาศที่เป็นใจ
ติงเมิ่งเหยนหลับตาลง เจียงชื่อค่อยๆ โน้มตัวลงมาบรรจงจูบลงไปที่ริมฝีปากของเธอ
ในเวลานี้ ความหวานได้หลอมละลายในหัวใจของทั้งสองคนแล้ว
อบอุ่นอยู่ในหัวใจ
เอี๊ยด~~
ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก ทั้งสองรีบแยกจากกันอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าเป็นคนรู้จักที่เข้ามาเยี่ยม ขณะเดียวกันก็ได้หันหน้ามองไปที่ประตู
ปรากฏว่าเป็นพยาบาลคนหนึ่งที่กำลังพยุงชายที่มีหน้าตาดุร้ายเข้ามาที่เตียงคนไข้ หล่อนค่อยๆ พาเขาไปที่เตียงด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ได้ห่มผ้าห่มให้แก่เขา
ชายคนนั้นเหลือบไปมองเจียงชื่อที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นพูดกับพยาบาลด้วยความไม่พอใจว่า “อะไรกันเนี่ย?กล้าดียังให้มีคนมาใช้ห้องผู้ป่วยเดียวกับฉัน!รีบพาสิ่งนี้ออกไปจากห้องฉันให้ไวเลยนะ!”