ตอนที่ 36 ขโมยไก่ไม่สำเร็จ เสียข้าวสารอีกกำมือ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายใต้การจดจ้องและหัวเราะเยาะของผู้คน จ้าวยี่ได้พยุงจ้าวเจียงหนานออกจากเหลาฟุหลงไป
มีหรือที่จ้าวเจียงหนานจะยอมรับความอับอายครั้งนี้ได้?
กระนั้นมันก็ไม่อาจกระทำสิ่งใด ที่ก้นของมันแปดเปื้อนอุจจาระและภายในกระเพาะก็ปั่นป่วนอย่างรุนแรง ข้าศึกอาจจู่โจมได้ทุกเมื่อ แล้วมันยังจะสนสิ่งใดอีก? สิ่งที่มันต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือหาสุขาเพื่อปลดทุกข์หนัก….
“จางต้าฟู่ ให้คนมาทำความสะอาดที่นี่ด้วย”
ฉินเทียนโบกมือ ขณะที่จางต้าฟู่รีบกุลีกุจอเข้าหา มันได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด กระทั่งจ้าวยี่ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นก่อตั้งวิญญาณระดับสามก็ยังไม่อาจเอาชนะเขาได้ ฉินเทียนออกจะน่ากลัวไปแล้ว ฐานะของเขายิ่งมาก็ยิ่งสูงส่ง มันยังไม่สายที่จะประจบเอาใจฉินเทียน ไม่แน่ว่าในภายภาคหน้ามันอาจจะสามารถกลับเข้าตระกูลฉินได้ก็ได้
สำหรับคนเยี่ยงจางต้าฟู่แล้ว การได้หลับเข้าไปทำงานในตระกูลนับว่าเป็นความปรารถนาสูงสุดในชีวิต
“เร่งมือเข้า! เรายังจะค้าขายได้อย่างไรหากยังมีกลิ่นเหม็นเช่นนี้?”
หลังจากฉินเทียนสั่งการ เขาก็รีบกลับไปยังลานด้านหลังเหลาเพื่อยืนยันบางสิ่ง
เมื่อตอนที่เขาได้ประมือกับจ้าวยี่ แรงกดดันที่เขาปลดปล่อยมานั้นได้มาพร้อมกับเสียงมังกรคำราม นับตั้งแต่ที่เขาฝึกฝน ‘เคล็ดมังกรฟ้า’ มา นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้
ฉินเทียนต้องการจะเห็นว่าเคล็ดมังกรฟ้าของเขามีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่หรือไม่
เขาเปิดระบบเมนูขึ้นในจิตใจและเปิดไปที่ทักษะโจมตี ปัจจุบันนี้เขามีทักษะอยู่สองทักษะ หนึ่งคือ ‘คลุ้มคลั่ง’ ขณะที่อีกหนึ่งก็คือ ‘เคล็ดมังกรฟ้า’
เคล็ดมังกรฟ้า : ระดับพระเจ้า
ระดับ: 1 (ทักษะปลดล็อค: พลังมังกรพิสุทธิ์)
ค่าประสบการณ์: 1/10000
รายละเอียด: พลังมังกรพิสุทธิ์เป็นทักษะขั้นแรกของเคล็ดมังกรฟ้า เคล็ดวิชานี้มีอยู่ทั้งหมด 10 ขั้น แต่ละขั้นจะปลดล็อคเมื่อเลื่อนระดับขึ้นไป เรียงตามขั้นดังนี้…
ฉินเทียนมีความสุขอย่างมาก เขาเพ่งมองไปที่แถบทักษะและโพล่งออกมา “แน่นอนแล้ว เป็นทักษะใหม่จริงๆ”
สามารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งของมังกรออกมาได้ ดูเหมือนว่าเคล็ดมังกรฟ้าช่างสมกับที่เป็นทักษะระดับพระเจ้าจริงๆ
หลังจากมีเสียงมังกรคำรามขึ้นมา พลังของเขาก็พลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้เขาก็คงไม่อาจป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่ของจ้าวยี่เอาไว้ได้ และคงถูกอีกฝ่ายทุบตีจนหมอบราบไปแล้ว
ในการต่อสู้ครั้งนั้น ฉินเทียนถือว่าได้รับชัยชนะมาเล็กน้อย กระนั้นเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปด้วยค่าพลังปราณมากกว่าสามหมื่นจุด พลังมังกรพิสุทธิ์ช่างสูบเลือดสูบเนื้อไปแล้ว!
และยังมีทักษะศักดิ์สิทธิ์คลุ้มคลั่งอีกทักษะที่ต้องใช้พลังปราณถึงห้าพันจุด มันทำให้ฉินเทียนกลายเป็นหดหู่ไป
โชคดีที่เขาสามารถเก็บสะสมค่าพลังปราณเอาไว้ได้ไม่จำกัด มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่อาจใช้ทักษะได้แล้ว
อย่างไรก็ตามในวันนี้เขาได้ใช้พลังปราณมากไปแล้ว เพื่อที่จะฝึกฝนการปรุงยา เขาได้ใช้มันไปถึงสามพันจุด และยังมีการใช้พลังมังกรพิสุทธิ์บวกรวมเข้าไปอีก นั่นทำให้วันนี้เขาใช้ค่าพลังปราณไปกว่าหกพันจุด ฉินเทียนรู้สึกราวกับกำลังถูกกรีดเลือดกรีดเนื้อออกไป
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องหาทางฟื้นคืนค่าพลังปราณที่เสียไปในวันนี้….”
หลังจากปิดแถบทักษะในจิตใจแล้ว ฉินเทียนก็เตรียมที่จะมุ่งหน้าไปเทือกเขาคุนหลุนเพื่อล่าสัตว์ปีศาจ
ตอนนั้นเอง จางต้าฟู่ได้รีบวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้ายินดี “นายน้อย เสี่ยวหยูเชียนมาที่นี่ขอรับ”
“เสี่ยวหยูเชียน?” ฉินเทียนตกใจ มองไปยังใบหน้าที่มีความยินดีของจางต้าฟู่แล้ว เขาก็ถลึงตาดุด่าจางต้าฟู่ “เสี่ยวหยูเชียนมาที่นี่ แล้วเจ้าจะมีความสุขไปใย?”
จางต้าฟู่สบสายตากับฉินเทียน ขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆจางหายไป มันขยับตัวถอยไปด้านข้างขณะคิดขึ้นในใจ “เป็นผู้ใดที่หลงนางเสียหัวปักหัวปรำเมื่อปีนั้นเล่า”
สวะแห่งตระกูลฉินเคยชมชอบนาง อันที่จริงแล้ว เขาชอบนางมาก
ฉินเทียนในตอนนี้ไม่เหมือนกับกับฉินเทียนในอดีต เขาไม่ได้มีความรู้สึกใดๆต่อนาง แม้ว่านางจะเป็นหญิงสาววัยแรกแย้มที่งดงาม แต่หลังจากเกิดเหตุครั้งนั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อนางอีก คนบางคนพยายามจะเข้าหาผู้แข็งแกร่งและรังแกผู้อ่อนแอ
เมื่อนึกถึงความประทับใจที่มีต่อนางก่อนจะเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์ดูแล้ว ฉินเทียนก็เผยยิ้มเย็นและเดินไปยังส่วนต้อนรับแขก
จางต้าฟู่ยังคงก้มศีรษะลงต่ำ ทว่าลึกลงไปแล้ว มันแค่นเสียงเหยียดหยามอยู่ในใจ
ในห้องส่วนตัว
เสี่ยวหยูเชียนแต่งชุดที่งดงามเฉิดฉัน งดงามจนทำให้บุรุษผู้ใดที่พบเห็นนางจะต้องเกิดความหลงใหล
เมื่อเห็นฉินเทียนที่เดินเข้ามาภายในห้อง นางก็รีบกล่าวทักทายเขาด้วยรอยยิ้มจนเห็นลักยิ้มที่สองข้างแก้ม
“พี่ฉินเทียน…” เสี่ยวหยูเชียนกล่าวพร้อมชายตาอย่างยั่วยวนให้กับฉินเทียนราวกับนางแทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะโถมเข้าสู่อ้อมอกของเขา น้ำเสียงของนางยังอ่อนหวานและนุ่มนวลอย่างมาก วิธีที่นางใช้เข้าหาผู้คนนี้ทำให้ฉินเทียนราวกับกำลังตกอยู่ในสงครามเย็น
ฉินเทียนแสดงสีหน้าที่พอใจออกมา จากนั้นจึงกล่าวถามอย่างนุ่มนวล “น้องหญิงหยูเชียน เจ้ามาทำอะไรหรือ?”
ขณะที่กล่าววาจาเหล่านั้นออกไป ท้องใส้ของเขาก็คล้ายปั่นป่วนจนอยากจะอาเจียน กระนั้นเขาก็ยังตีสีหน้าปกติเอาไว้ ขณะที่ในใจคิดขึ้นอย่างเย็นชา “ตอนนี้เจ้ามาหาข้าแล้ว คอยดูเถอะ…พี่ชายผู้นี้จะทำให้เจ้าอับอายอย่างไร”
สีหน้าท่าทางและคำพูดคำจาของฉินเทียนทำให้เสี่ยวหยูเชียนมีความสุขอย่างมาก นางคิดขึ้นในใจ “สุดท้ายมันก็คือฉินเทียน ช่างง่ายที่จะเกาะกุมให้อยู่หมัดนัก”
ตระกูลเสี่ยวไม่อาจเทียบได้กับสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองชิงเหอ กระนั้นตระกูลของพวกมันก็พยายามดิ้นรนจะเข้าไปอยู่ในตำแหน่งนั้นให้ได้ พวกมันต้องการให้ผู้คนทราบการดำรงอยู่ของตระกูลและกลายเป็นตระกูลทรงอำนาจที่ห้าของเมืองชิงเหอ
อย่างไรก็ตาม ตระกูลเสี่ยวไม่ได้มีพรสวรรค์มากนัก และประมุขตระกูลเสี่ยวก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขั้นรวบรวมวิญญาณ ความแข็งแกร่งของพวกมันจึงไม่อาจนับเป็นอย่างไร ดังนั้นพวกมันจึงต้องหาที่พักพิง และนั่นก็คือตระกูลฉิน พวกมันต้องการจะใช้อำนาจของตระกูลฉินเพื่อยกระดับตระกูลเสี่ยว
พวกมันจะทำทุกวิถีทางที่สามารถกระทำ มันสัญญาณจะยกบุตรีให้ตบแต่งกับฉินเทียน อย่างไรก็ตาม เมื่อฉินเทียนล้มป่วยลงอย่างลึกลับและจุดตันเถียนก็เสียหายไป เสี่ยวเลี่ยก็เปลี่ยนใจเรื่องการแต่งงาน
ในเวลานั้น ฐานะภายในตระกูลของฉินเทียนได้ตกต่ำลง ทางตระกูลฉินเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการแต่งงานนี้อีก นั่นทำให้เสี่ยวเลี่ยมีความสุข มันนึกโชคดีที่ไม่ต้องยกบุตรีให้กับฉินเทียนที่ตกต่ำ
และเมื่อมันล่วงรู้เรื่องที่ว่าฉินคุนนั้นชมชอบเสี่ยวหยูเชียนมาโดยตลอดแล้ว มันก็รีบจับคู่ให้กับคนทั้งสอง แต่โชคร้ายที่ฉินคุนกลับตกตายในเทศกาลล่าสัตว์ หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักแล้ว เสี่ยวเลี่ยก็หันเหกลับมายังเป้าหมายเดิม
มันต้องการให้เสี่ยวหยูียนตบแต่งกับฉินเทียน
ตอนนี้ฉินเทียนมีความสำคัญต่อตระกูลฉินอย่างมาก หากว่าบุตรีของมันได้แต่งงานกับฉินเทียนแล้ว เสี่ยวเลี่ยก็เชื่อว่าอีกไม่นานเมืองชิงเหอจะไม่เพียงมีสี่ตระกูลใหญ่อีกต่อไป หากแต่เห็นห้าตระกูลใหญ่
ฉินเทียนไม่ได้ล่วงรู้จุดมุ่งหมายของเสี่ยวเลี่ย
แต่ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้แล้ว เขาก็พอจะมองออกว่านางถูกส่งมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับเขา
เริ่มสัมพันธ์อีกครั้งงั้นหรือ? ในห้องก่อนหน้านี้ การพบเห็นนางก็ทำให้เขารู้สึกแย่อยู่แล้ว ตอนนี้ฉินคุนตกตายและเขากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง นางก็รีบปรี่มาหาเขาแบบนี้เลย?
เห็นข้าเป็นคนโง่นักหรือ?
เมื่อสบตากับเสี่ยวหยูเชียน เขาก็ยิ้มเย็น มือของเขาสัมผัสที่แผ่นหลังที่นุ่มนวลของนางก่อนพาไปนั่งลง
เสี่ยวหยูเชียนขมวดคิ้วและเผยร่องรอยของความไม่พอใจ กระนั้นนางก็ไม่ได้หยุดเขา
ทั้งสองนั่งลง ขณะที่เสี่ยวหยูเชียนค่อยๆรินสุราลงในจอกก่อนจะยื่นส่งมันให้กับฉินเทียนพร้อมทั้งกล่าวออกมาอย่างน่ารัก “พี่ฉินเทียน ข้าไม่เคยลืมท่านได้เลยจริงๆ หากไม่ใช่เพราะฉินคุนข่มขู่ท่านพ่อของข้าด้วยผู้อาวุโสใหญ่ของมันแล้ว ข้าก็คงไม่ต้องจำใจไปอยู่ใกล้มัน”
ฉินเทียนยกจอกขึ้นจิบและยิ้มออกมา จากนั้นจึงเลื่อนมือไปที่เอวของนางและเริ่มลูบไล้ไปทั่ว
ต้องยอมรับจริงๆว่าเสี่ยวหยูเชียนมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบมาก ผิวพรรณของนางละเอียดอ่อนและนุ่มนิ่ม มันทำให้เขารู้สึกดีอย่างมากจนทำให้เขาคิดถึงเรื่องราวที่โลกเก่า
เสี่ยวหยูเชียนหัวเราะแผ่วเบาและเอนตัวพิงฉินเทียน นางแอบอิงกับฉินเทียน ขณะที่ร่องอกของนางเผยให้เห็นลับล่อรำไร ฉินเทียนก็ไม่ลังเลที่จะลูบไล้ภูเขาทั้งสองทันที เมื่อเพิ่มแรงคลึงเข้าไปเล็กน้อย เสี่ยวหยูเชียนก็ส่งเสียงครางออกมาเบาๆและกล่าวว่า “พี่ฉินเทียน ท่านจะแต่งงานกับข้าหรือไม่?”
ฉินเทียนไม่ได้ตอบ สองมือของเขายังคงลูบไล้ต่อ ขณะที่ลอบหัวเราะอยู่ในใจ “อา ช่างคุ้มค่าเสียนี่กระไร…”
เมื่อเห็นฉินเทียนไม่ต้องคำถามของนาง นางก็บิดร่างเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสที่เป้ากางเกงของฉินเทียน นางแสร้งถามอย่างไร้เดียงสาและแง่งอนว่า “อืมมม….ท่านต้องการจะแต่งกับข้าหรือไม่?”
ฉินเทียนยังคงไม่ตอบคำถาม หากแต่เริ่มสอดมือเข้าไปในร่มผ้าของนาง ขณะที่เลือดลมเริ่มสูบฉีดขึ้นมา มองจากคอเสื้อของนางลงไป เนินอกอันขาวนวลเนียนและปลายยอดของเนินอกทั้งสองก็ปรากฏให้เห็นในสายตา ฉินเทียนพลันคิดขึ้นในใจ
“มารดาเถอะ! หัวนมดำ*?”
ในเมื่อส่วนบนยังดำ เช่นนั้นส่วนล่างก็สมควรดำดุจเดียวกัน… ฉินเทียนพลันชักมือออก เงยหน้าขึ้นสบตากับเสี่ยวหยูเชียนและถามออกมา “เจ้าว่าอะไรนะ?”
[จากผู้แต่ง: โดยทั่วไปแล้ว หัวนมสีชมพูมีความดึงดูดมากกว่าสีดำ สำหรับฉินเทียนแล้ว เมื่อเขาได้ข้อสรุปว่าเสี่ยวหยูเชียนหัวนมดำ พรหมจรรย์ของนางก็สมควรไม่มีแล้ว หรือก็คือ นางไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ และส่วนล่างของนางก็สมควรมีสีดำดุจเดียวกัน และนั่นหมายความว่านางเคยผ่านศึกมาหลายครั้งแล้ว]
การลูบไล้ของฉินเทียนทำให้เสี่ยวหยูเชียนรู้สึกกระสันขึ้นมา ใบหน้าของนางอาบย้อมด้วยสีแดง ขณะที่กล่าวตอบ “พวกเราสมควรทำความสนิทสนมกันดีหรือไม่?”
“สนิทสนม? เหอะ…”
ฉินเทียนไม่ได้มองเสี่ยวหยูเชียนต่อ เขารู้สึกว่าตนเองช่างโชคร้ายนัก “เจ้าต้องผ่านศึกมาแล้วกี่ครั้งกัน ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”
เสี่ยวหยูเชียนมองดูฉินเทียน ขณะที่ในใจยังไม่อาจเข้าใจว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
ฉินเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง “ต้องการจะสนิทสนมงั้นหรือ? สมองเจ้าไปโดนลาเตะมาหรือ?”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็มองนางอย่างเย็นชาและเดินจากไป….
ภายในห้องนั้น เสี่ยวหยูเชียนมองตามหลังเขาอย่างโง่งม ร่างของนางชะงักไม่นิ่งไหวติงแต่อย่างใด….