บัดนี้ทั้งสองคนอยู่ห่างกันราวหนึ่งเมตรเป็นระยะปลอดภัยสำหรับหลินหยาง
คิ๊~
แวมไพร์ปีศาจมิได้กระโจนเข้าโจมตีสืบต่อ มันก้มมองบาดแผลของตนเองทั้งสองบาดแผล จุดหนึ่งคือบาดแผลที่มาจากการโจมตีครั้งแรกของชายหนุ่ม มันมีความลึกมากกว่าบาดแผลที่สองแต่มีความยาวไม่เทียบเท่า ส่วนจุดที่สองนั้นแม้ไม่ลึกเท่าแต่มันลากยาวตั้งแต่กึ่งกลางหน้าอกจวบจนสีข้างใต้รักแร้ของมัน!
ทั้งสองจุดนี้มีของเหลวสีดำคล้ายเลือดไหลออกมาจากปากแผลแต่ดูแล้วหาได้หนักหนาสาหัสอันใดไม่
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่หอบหายใจรุนแรงหลังจากเสร็จสิ้นการโจมตี ผลลัพธ์ที่ออกมาเช่นนี้ไม่มีใครคาดคิดแม้แต่ตัวเขาเอง เดิมทีเขาตั้งใจจะใช้มือทั้งสองข้างเพื่อเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีหมายจะเจาะผ่านผิวหนังที่แข็งแกร่งของศัตรู ส่วนหนึ่งก็เพื่อวัดความทนทานของพลังป้องกันมันและวางแผนตอบโต้ในภายหลัง ใครจะคาดคิดว่าการโจมตีดาดๆของเขาสามารถทำร้ายศัตรูจนเลือดตกยางออกได้
แวมไพร์ปีศาจใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นนาบอกลูบไร้บาดแผลตนด้วยความเหงาหงอยคอตก ตั้งแต่ต้นมันเพียงหยอกล้อเล่นสนุกกับอาหารจานใหม่ที่น่าเอร็ดอร่อยเพียงเท่านั้น มันมิได้คาดคิดเลยว่ามนุษย์ตรงหน้าที่เปรียบเสมือนมดตัวเล็กๆในสายตาของมันจะอาจหาญกล้าทำร้ายตนจนได้รับบาดเจ็บ
มันใช้สายตาดุดันมองชายหนุ่มด้วยความเดือดดาล บัดนี้ภาพลักษณ์ของชายหนุ่มตรงหน้าสำหรับมันแปรเปลี่ยนเป็นอื่นแล้ว มันมิใช่เพียงอาหารจานเด็ด แต่เป็นศัตรู ศัตรูที่เป็นภัยต่อชีวิตมัน!
ลมหายใจหลินหยางค่อยกลับมาอยู่ในสภาพปกติหายใจเข้าออกสม่ำเสมอมิได้ตื่นตัวเร่งเร้าหลังพบว่าศัตรูของตนมิได้รุกคืบบุกเข้ามาโรมรันต่อ เมื่อสายตาของเขาเบนมองไปยังดาบสั้นภายในมือก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น เพราะดาบสั้นคู่กายอันคมกริบใช้ผ่านสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชนโดยไร้รอยขีดข่วนกลับมีร่องรอยของการแตกหัก
มันมีรอยบิ่นขนาดใหญ่สองถึงสามจุดเกิดขึ้นบริเวณจุดกึ่งกลางของตัวดาบ มันพึ่งเกิดขึ้นจากการโจมตีระลอกสุดท้ายโดยใช้ใบดาบกรีดฟันเฉือนเนื้อหน้าอกของเจ้าแวมไพร์ตนนี้จนกระทั่งตัวดาบถูกหยุดไว้ด้วยของแข็งบางอย่างที่ไม่สามารถตัดผ่านไปได้อีกต่อไป
หลินหยางมิทันคิดเลยว่าการดื้อรั้นหมายจะฟันฝ่าอุปสรรคที่ขวางกั้นบนร่างกายศัตรูจะทำให้ดาบสั้นแสนรักของตนถึงกับเสียหายใหญ่หลวง ด้วยรอยบิ่นที่เกิดขึ้นตรงจุดกึ่งกลางของใบดาบพอดิบพอดี มันจึงอันตรายอย่างยิ่งหากฝืนใช้งานต่อ หากยังฝืนใช้มันอีกบางทีอาจทำให้ดาบสั้นเล่มนี้หักออกเป็นสองท่อนหรือกลายเป็นดาบไร้คม
ชายหนุ่มคลายมือซ้ายของตนออกจากด้ามดาบชั่วครู่ บัดนี้มือข้างนี้สั่นเป็นเจ้าเข้าจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้า กระดูกนิ้วทั้งสองที่หักจากแรงกระแทกจนถึงเมื่อครู่ยังมิได้ให้ความเจ็บปวดรุนแรงถึงเพียงนี้ แต่เป็นเพราะเขาฝืนใช้งานมือข้างดังกล่าวเพื่อเสริมกำลังการจู่โจม ความเจ็บปวดจึงเพิ่มพูนขึ้นมานั่นแล
แต่เขาเองก็ได้รับสิ่งตอบแทนที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพราะบัดนี้เขาทราบแล้วว่าศัตรูของเขามิได้มีเกราะกำบังป้องกันอันแข็งแกร่งอย่างที่เป็นอยู่ก่อนหน้า แม้ไม่แน่ชัดถึงการทำงานของเกราะป้องกันร่างกายของมันแต่ก็เพียงพอให้เสี่ยงชีวิต
เขาจัดที่ทางวางมือตั้งท่าเตรียมเสร็จสรรพพร้อมรบอีกครั้ง โดยที่สายตาไม่เคยละวางไปจากปีศาจตรงหน้าแม้เสี้ยววิ ผลพวงจากการโจมตีมิใช่เพียงบาดแผลของศัตรู แต่ความมั่นใจของชายหนุ่มเองก็ยกระดับขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
หลินหยางตั้งหน้าตั้งตารอยคอยการโจมตีของแวมไพร์ปีศาจเพื่อฉวยโอกาศตอบโต้ลอบทำร้ายมันอีกครั้ง ทว่าการรอคอยมิได้รับการตอบกลับอย่างที่หวัง แวมไพร์ปีศาจตนนี้มันมิบุ่มบ่ามบุกเข้ามาโจมตีเข้าอีก มันกำลังง่วนอยู่กับบาดแผลของตนบางครั้งก็ใช้สายตาประทุษร้ายมองข่มมาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ตัวของมันหาได้ขยับเขยื่อนเคลื่อนถอยหรือเดินหน้าไม่
“เข้ามา” หลินหยางกล่าวพร้อมกับใช้ดาบสั้นกวักเรียกเชิญชวนศัตรูเข้าโจมตี
คิ~
แวมไพร์เปลี่ยนสีหน้าฉงนสงสัยมันจ้องมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจถึงการกระทำที่มิเคยพบเห็นมาก่อน แน่นอนภาษาที่หลินหยางกล่าวออกมามันย่อมไม่สามารถรับรู้ทำความเข้าใจได้ มันจึงทำได้แต่มองตอบโต้ด้วยแววตาปริบๆ
ดูเหมือนความตั้งใจของเขาจะมิได้รับการตอบรับที่ดีสักเท่าไหร่
“เฮ้อ~” หลินหยางถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับสีหน้าดูถูกใช้สายตามองเหยียดแวมไพร์ปีศาจตรงหน้า เขาผ่อนคลายไหล่ทั้งทั้งสองข้างดึงขากลับยืนตัวตรงจากเดิมที่ตั้งท่าเตรียมตั้งรับ ตอนนี้ตัวเขายืนเรียบเฉยผ่อนคลายสบายร่างกาย การแสดงออกของเขานี้คล้ายกับว่ากำลังเหยียดยามแวมไพร์ปีศาจอย่างยิ่ง
คิ๊~
สีหน้ากิริยาที่แสดงออกของชายหนุ่มทำให้มันโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนไฟ ตั้งแต่มีชีวิตอยู่จวบจนถึงตอนนี้มันยังมิเคยได้รับการดูถูกดูแคลนจากศัตรูเลยสักครั้ง แถมศัตรูตนนั้นในอดีตยังเป็นเพียงมดปลวกที่ไม่มีค่าอันใดนอกจากเป็นอาหารของมัน
“ไอ้ค้างคาวตกกระป๋อง ไอ้นกก็มิใช่หนูก็เชิง เจ้าแวมไพร์โง่แน่จริงก็เข้ามาฆ่าข้าสิ” หลินหยางชักสีหน้ากล่าววาจาเสียดแทงจิตใจมุมปากยิ้มกร่อย บางคราก็กระทืบเท้าบ้างกระโดดโลดเต้นล่อตาล่อใจ
สำหรับการเผชิญหน้ากับแวมไพร์ตนนี้หลินหยางแม้มีความมั่นใจถึงสิบส่วนว่าศัตรูไม่สามารถแตะต้องตัวเขาได้อีกเป็นครั้งที่สอง แต่นั่นสำหรับการตั้งรับเท่านั้น หากให้ตนเป็นฝ่ายบุกเข้าโจมตีศัตรูก็ยังไม่แน่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นใด
ฉะนั้นแล้วเขาตั้งใจจะหลอกล่อให้แวมไพร์ตนนี้เป็นฝ่ายโจมตีและรอคอยจังหวะฉกฉวยโอกาศตอบโต้กลับฝากบาดแผลแห่งใหม่ไว้บนร่างกายของมัน เขามั่นใจในการตอบโต้สวนกลับเร็วของตนอยู่ไม่น้อย
กลับกันหากเขาเป็นฝ่ายรุกและเกิดพลาดพลั้งถูกโต้ตอบจากการโจมตีอันรุนแรงของศัตรู จะเป็นฝ่ายเขาเสียเองที่เสียเปรียบมัน
พวกมันทั้งสองคนเป็นผู้ครอบครองความเร็วอันสูงส่งสามารถชี้วัดกันเพียงปราดเดียว หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผลั้งเผลอเปิดโอกาศนับว่าไม่ใช่เรื่องดีเลย
“โถๆ~ นึกว่าจะแน่” หลินหยางพ่นคำสบประมาทมิหยุดปากยั่วยุศัตรูอย่างต่อเนื่อง
ทว่าเจ้าแวมไพร์หาได้หลงกลเข้าโจมตีอย่างที่ควรเป็นไม่ แม้ใบหน้าของมันบัดนี้จะบูดเบี้ยวโกรธแค้นแทบควันออกหู แต่มันก็มิบุ่มบ่ามโจมตีดั่งเก่าก่อน ด้วยบทเรียนที่มันพึ่งได้รับมาทำให้มันไม่กล้าคืบหน้าเข้าหาศัตรู
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มเป็นกังวลเมื่อศัตรูไม่ยอมเข้าหาและตัวเขาเองก็มิอยากเป็นฝ่ายเปิดฉากอย่างเสียเปรียบ
หลินหยางก้มศรีษะมองไปยังพื้นถ้ำซ้ายขวาและแล้วเขาก็เจอเข้ากับบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์สำหรับสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้
ชายหนุ่มค่อยย่อตัวลงช้าๆโดยที่สายตายังไม่ละไปจากอีกฝ่าย ตอนนี้เขากึ่งนั่งกึ่งยืนใช้มือซ้ายควานหาของสิ่งนั้นบนพื้นถ้ำที่เคลือบไปด้วยเลือดแห้งกรังอย่างไม่รังเกียจ
เขาคว้าหมับจับสิ่งของที่ต้องการพลางแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย เขาค่อยๆยืนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมกับบางอย่างที่ติดอยู่ในมือซ้ายของตนถูกหยิบขึ้นมาจากพื้นถ้ำ
ทุกการกระทำของหลินหยางแน่นอนอยู่ในสายตาของเจ้าแวมไพร์ทุกกระเบียดนิ้ว แต่มันก็ยังยืนเฉยไม่รุกคืบดังเช่นเคย มันเอียงคอมองหลินหยางค่อยๆยืนขึ้นอย่างเชื่องช้าด้วยความฉงนสงสัยใคร่รู้
ฟิ้วว~
พั๊วะ~
ทันใดนั้นเองก็มีบางอย่างพุ่งเข้าหามันด้วยความเร็วสูง แวมไพร์ที่ยังมิทันได้ตั้งตัวเต็มที่จึงไม่สามารถหลบหลีกได้ทันท่วงทีมันจึงถูกสิ่งที่พุ่งตรงมากระแทกเข้าใส่ใบหน้าของมันเต็มเปา
ตุบ~
สิ่งปริศนาร่วงหล่นลงสู่พื้นถ้ำส่งเสียงทึมทึบบางเบา
แวมไพร์ปีศาจแตกตื่นตกใจอย่างยิ่งกับสิ่งแปลกปลอมไม่ทราบที่มาโผล่มาไหนมิทราบ มันก้มศรีษะมองตามของสิ่งนั้นไม่นานสีหน้ามันก็แปรเปลี่ยน จมูกของมันย่น ริมฝีปากบนยกขึ้นเผยให้เห็นซี่ฟันเหลืองน่าเกลียดน่ากลัว ดวงตาหรี่เล็กดุร้ายอย่างยิ่งยวด พร้อมกับเสียงกัดฟันด้วยความโกรธแค้น ตอนนี้หน้าตาของมันไม่ต่างจากสุนัขที่กำลังแยกเขี้ยวขู่ศัตรู
สิ่งที่พุ่งเข้าไปกระแทกกับใบหน้าของเจ้าแวมไพร์แน่นอนต้นเหตุย่อมมาจากหลินหยาง
ชายหนุ่มก้มลงไปใช้มือควานหาบนพื้นอีกครั้งและกลับขึ้นมาดังเดิมพร้อมกับสิ่งของที่ต้องการภายในมือ สิ่งนั้นมันมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่มือชายหนุ่มจะกำรอบได้ รูปทรงของมันกลมเล็กน้อยยังมีบางจุดมีเหลี่ยมมุมดูไปแล้วคล้ายคลึงกับลูกบอลขนาดเล็กที่ไม่สมประกอบสักเท่าไหร่ แต่ภายในถ้ำแห่งนี้จะมีลูกบอลได้อย่างไร?
แควก~
ของสิ่งนั้นส่งเสียงบางเบา เป็นเสียงที่คุ้นเคยอย่างยิ่งสำหรับไม่กี่วันที่่ผ่านมาหลินหยางได้ฟังแทบตลอดเวลา มันคือค้างคาวปีกเหล็ก!!