เทพอสูรสยบโลกา – ตอนที่ 636

เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 636 บทบาทสําคัญ

 

แล้วร่างจําแลงเป็นมนุษย์ของมันล่ะ? การจําแลงกายคล้ายคลึงกับมนุษย์นั้นทําให้ขนาดร่างกายของมันเล็กลงตามสัดส่วนทําให้มันสามารถใช้งานปีกด้านหลังของตนได้อย่างใจนึกแต่ทว่า… ข้อเสียของมันก็มีเช่นกันซึ่งดูเหมือนจะเป็นข้อเสียอย่างใหญ่หลวงเสียด้วยเพราะมันมิสามารถใช้งานทักษะใดที่ครอบครองได้เลย มันสามารถใช้งานได้แค่ค่าสถานที่ตนครอบครองอยู่เท่านั้น

 

ถึงแม้เจ้าแวมไพร์ตนนี้จะมิได้หลักแหลมเทียบเท่ามนุษย์ แต่มันก็มิได้โง่พอที่จะใช้เพียงค่าสถานะในขณะที่กําลังต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจเช่นหลินหยางเช่นกัน หลังจากได้รับบทเรียนในร่างจําแลงมนุษย์กว่าหลายบาดแผลในที่สุดมันก็ตัดสินใจกลับร่างเดิมเพื่อใช้ทักษะของตนต่อกรกับมนุษย์หนุ่ม

 

ด้วยเหตุนี้ปีกที่มิเคยใช้งานของมันจึงถูกลดบทบาทลงกลายเป็นแค่สิ่งของประดับที่มีประโยชน์ให้การป้องกันจากด้านหลังเท่านั้น

 

แม้กระทั่งเจ้าตัวเองก็ยังหลงลืมปีกอันมีค่าของตนไปจึงมิต้องกล่าวถึงหลินหยาง เขาก็แทบลืมไปแล้วว่าการโจมตีหลายคราของตนถูกสกัดกั้นไว้ด้วยปีกเหล็กของมันเพราะเมื่อมันมีขนาดตัวใหญ่ขึ้นทําให้ปีกคู่ใหญ่ที่ประดับอยู่ด้านหลังนี้อยู่นอกเหนือสายตาของหลินหยางไปโดยปริยายนั่นเอง

 

ฟูววะ

 

มันพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเฮือกใหญ่ เสี้ยววินาทีต่อมาใบหน้าของมันแปรเปลี่ยนดวงตาหรี่เล็กมุมปากยกยิ้ม

 

หลินหยางที่เห็นท่าที่ยียวนกวนประสาทชวนเดือดดาลของมันก็ทําให้หลินหยางมีอารมณ์ร่วมไปด้วยเล็กน้อยก่อนที่จะกลับสู่สภาพอารมณ์ปกติ จากความแปลกใจที่แวมไพร์ปีศาจตนนี้แสดงออกก่อนหน้าก็เป็นอันกระจ่างแล้วว่ามันก็มิได้ตั้งใจจะใช้การป้องกันอันแสนพิเศษนี้ปกป้องดวงตาของตนซึ่งก็เป็นที่ยืนยันอีกครั้งว่าก้อนเนื้อแวมไพร์ตนนี้ช่างโง่งมหาใดเปรียบ บางทีค้างคาวระ ดับหกที่เป็นลูกสมุนของมันยังมีมันสมองมากกว่าเสียอีก

 

ครืน

 

แวมไพร์ปีศาจสบัดกายหันหน้าตรงอย่างรุนแรงส่งผลให้หลินหยางที่กระชั้นชิดติดกับมันต้องผงะถอยหลังออกไป แต่เขาก็มิได้ออกห่างจากมันไกลเกินไปนักจากจุดยืนใหม่ของตนห่างจากร่างของแวมไพร์ปีศาจเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น เรียกได้ว่าสามารถอาจเอื้อมถึงกันได้เลยทีเดียว

 

พรึ่บ!

 

ปิกทมิฬที่เต็มไปด้วยเลือดสีดําไหลเวียนกางสยายออกอย่างองอาจด้วยสีหน้าภาคภูมิใจของผู้ครอบครองอย่างแวมไพร์ปีศาจ มันหรี่ตามองหลินหยางราวกับตนเป็นผู้ชนะในศึกนี้ไปแล้วก็ มิปาน

 

ตึ้งง

 

ก่อนที่มันจะได้ใจไปมากกว่านี้อีกทั้งสองข้างที่ถูกกางออกจนกว้างของมันก็กระแทกเข้ากับผนังถ้ําอย่างรุนแรง ส่งผลให้เจ้าตัวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

หลินหยางที่เห็นเหตุการณ์แทบจะสําลักพ่นเสียงหัวร่อในความโง่เขลาของแวมไพร์โง่งมที่ดูเหมือนมันจะไม่รู้ขนาดตัวของตนเองและสภาพแวดล้อมเอาเสียเลย

 

ความเจ็บปวดหาได้หยุดยั้งความภาคภูมิของมันไว้ไม่ แวมไพร์ปีศาจยังเชิดตัวยกมุมปากสูงยกยิ้มแสดงความเหนือชั้น

 

มันส่งเสียงเย้ยหยันคู่ต่อสู้ที่มิสามารถทําอันตรายใดๆให้แก่มันได้แม้แต่รอยขีดข่วนพลางขยับ ปีกยักษ์ไปมาให้คู่ต่อสู้เชยชม

 

ปักทมิฬคู่นี้แต่ก่อนมันเคยโปร่งใสจนมิสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ตอนนี้เมื่อแวมไพร์ปีศาจกลายร่างกลายเป็นปีศาจร่างยักษ์ ปีกทั้งสองข้างมีของเหลวสีดําที่คล้ายกับเลือดของเจ้าตัวไหลไปหล่อเลี้ยงจึงแปรเปลี่ยนสภาพเปลี่ยนสีตามไปเช่นกัน

 

เมื่อเห็นชัดๆในระยะใกล้ชิดเช่นนี้จึงเห็นว่ามันบางเพียงปลายก้อยเท่านั้น แต่น่าแปลกที่มันสามารถรับการโจมตีจากดาบสั้นในมือของหลินหยางได้และแทบไม่ทิ้งร่องรอยใดๆประดับเอาไว้เลยซึ่งก่อนหน้านี้เองก็เป็นปีกคู่นี้เช่นกันที่ทําให้ดาบสั้นคู่ใจของเขาถึงกับหักสะบั้นแตกครึ่งเพียงเพราะไปโจมตีตูใส่ปีกเหล็กดังกล่าว

 

เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดปีศาจอสูรนี้มันช่างน่าอัศจรรย์ชวนค้นหายิ่งนัก เก้าเดือนก่อนหน้าหลินหยางก็เป็นเพียงคนธรรมดาอยู่ในโลกที่สงบสุข แต่เก้าเดือนถัดมานี้เขากลับได้เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดมากหน้าหลายตาที่ไม่เคยมีอยู่ในจิตนาการและไม่เคยคิดฝันว่าสักวันจะได้เจอ

 

หากเจ้าแวมไพร์ปีศาจตนนี้ไปโผล่ยังโลกมนุษย์ มันคงจะกลายเป็นดาราดังภายในชั่วข้ามคืนเลยล่ะ

 

หลินหยางวิเคาะห์ปีกเหล็กบนแผ่นหลังของมันด้วยสนอกสนใจ หากสามารถนําปีกเหล็กแผ่นบางชิ้นนี้กลับไปรังสรรค์เป็นอาวุธได้ก็คงจะดีไม่น้อย ด้วยความบางของมันและความแข็งแรงทนทานยิ่งกว่าเหล็กไม่ว่าจะสร้างเป็นอาวุธหรือชุดเกราะก็ล้วนเหมาะสมทั้งสิ้น

 

แต่เมื่อมันมาประดับอยู่บนแผ่นหลังของแวมไพร์โง่งมแล้วมันช่างดูไร้ค่าไปโดยปริยาย ดูเหมือนแม้แต่เจ้าตัวก็ยังมิรู้วิธีใช้งานปีกยักษ์อันแสนทรงคุณค่าของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้

 

ครืด

 

ก้อนเนื้อตรงหน้าหลินหยางมีการขยับร่างกายเล็กน้อยเคลื่อนที่ไปฝั่งซ้ายอย่างราบรื่นโดยที่ร่างกายของมันแทบมิได้ขยับอย่างครั้งก่อนหน้าเลย ไม่มีทั้งการสั่นไหวของตัวและมิร้อนลนดังเดิม

 

เมื่อมันรับรู้ถึงการคงอยู่ของปีกเหล็กที่ถูกลดบทบาทไปอย่างเนิ่นนาน ตอนนี้มันจึงฉุกคิดประยุกต์ใช้ปีกของตนให้เกิดประโยชน์เล็กๆน้อยๆบ้างอย่างการเคลื่อนไหวที่เคยติดขัด มันใช้ปีกขวาของตนสยายออกจนสุดและใช้ปีกข้างนี้ออกแรงผลักดันกับผนังถ้ําทางฝั่งขวาเพื่อให้ร่างกายของตนถูกแรงดันไปฝั่งซ้ายเป็นการขยับตัวอย่างเรียบง่าย

 

และเหตุผลที่ทําให้มันต้องขยับตัวเบี่ยงออกซ้ายเช่นนี้ก็เป็นเพราะหลินหยางที่กําลังยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างมันและสมุนสุดรักบดบังสายตาทําให้มิสามารถมองเห็นค้างคาวตัวจิ๋วได้อย่างเต็มที่สักเท่าไหร่ และผลพวงตามมาจากการมองเห็นที่ขาดช่วงนี้ก็จักทําให้การควบคุมชักใยอันแสนพิศวงของมันขาดห้วงไปด้วยนั่นเอง

 

เมื่อประสบพบเจอกับสายตาของผู้ให้ชีวิตจ้องมองร่างไม่วางตาเช่นนี้ ค้างคาวตัวจิ๋วมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อดวงตาคู่นั้นทันที มันหมุนกายกลับหลังพร้อมกับกระพือปีกโบยบินทิ้งระยะห่างออกไปไกลขึ้นกว่าเดิมซึ่งแต่เดิมระยะที่ใช้สําหรับเร่งความเร็วของมันคือสองเมตร แต่ตอนนี้มันเพิ่มระยะทางมากขึ้นเกือบสองเท่านั่นก็คือสี่เมตรจนหายลับไปในความมืด

 

แน่นอนหลินหยางย่อมรู้ทันความคิดของมันที่กระทําไปอย่างที่อตรงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแอบแฝงจากการวิเคาะห์และคาดเดาจึงล่วงรู้ข้อมูลความสามารถของมันได้ส่วนหนึ่ง งการควบคุมบังคับร่างกายค้างคาวตัวจิ๋วไปทิศทางซ้ายขวาได้อย่างใจนึกแม้จะเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติก็มิใช่ปัญหา

 

เมื่อรู้ว่าศัตรูของตนสามารถควบคุมลูกสมุนจากการใช้ดวงตา แทนที่ชายหนุ่มจะตา มติดปิดบังการมองเห็นของมันแต่หลินหยางกลับอยู่ในจุดเดิมไม่ขยับตามเข้าประกบอย่างที่ควรเป็น

 

ชายหนุ่มปรายตามองไปยังความมืดอันว่างเปล่าด้านหลังของตนซึ่งไกลออกไปเล็กน้อยมีร่างของค้างคาวตัวจิ๋วประทับอยู่ซึ่งแน่นอนหลินหยางมิสามารถมองเห็นร่างของมันผ่านความมืดได้เมื่อไม่พบศัตรูตัวฉกาจในสายตาชายหนุ่มจึงดึงความสนใจกลับมายังแวมไพร์ปีศาจตรงหน้า ย่อตัวลงต่ํายกมือขวาขึ้นในระดับหน้าอกคล้ายกับตั้งท่าเตรียมโจมตี

 

ความตั้งใจและเป้าหมายของเขายังคงเป็นเช่นเดิมมิได้เบี่ยงไปในทิศทางใดนั่นก็คือดวงตาของคู่ต่อสู้ที่เป็นจุดสําคัญที่สุดสําหรับแวมไพร์ปีศาจ แม้ด้านหลังของตนจะมีค้างคาวตัวจิ๋วที่ริเริ่มตระเตรียมตัวจะบุกเข้าโจมตีอีกครั้งแต่เมื่อคิดคํานวนจากระยะทางแล้วละก็อย่างไรตนก็ย่อมเป็นฝ่ายเข้าถึงตัวเจ้าแวมไพร์ปีศาจตนนี้ก่อนอย่างแน่นอน

 

แวมไพร์ปีศาจเมื่อเห็นหลินหยางตั้งท่ากําหนดเป้าหมายเป็นตนเอง มันก็มิได้มีท่าทีตื่นตัวหวาดกลัวดั่งก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย ปีกทมิฬขนาดใหญ่ของมันสามารถโอบรอบลําตัวอ้วนกลมของมันได้กว่าเจ็ดส่วนสิบเลยทีเดียว และในเจ็ดส่วนนั้นก็มีดวงตาของมันรวมอยู่ด้วยนั่นก็เท่ากับว่าปีกอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กทั้งสองข้างนี้สามารถปกป้องดวงตาอันแสนสําคัญของตนได้จากคู่ต่อสู้ได้อย่างสบายใจหายห่วงนั่นเอง

 

เทพอสูรสยบโลกา

เทพอสูรสยบโลกา

Score 7.1
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เทพอสูรสยบโลกาประเทศจีน ปี ค.ศ. 2025 จู่ๆ เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทั่วโลก และ มี”ประตู” ประหลาดเกิดขึ้นทั่วทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก พร้อมกับเสียงปริศนา “มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาหรือไม่ อำนาจ เงินทอง วาสนา ความมั่งคั่ง หากอยากเปลี่ยนแปลง เชิญเข้ามาที่ประตูนี้ จักต้อนรับพวกเจ้า” เรื่องราวแห่งตำนานกำลังจะเริ่มขึ้น

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset