ไช่ฉีซวนมองไปรอบ ๆ บริเวณทั้งซ้ายเเละขวางอย่างหวาดระเเวง หลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เเล้วเขาก็ลดเสียงลงและพูดเบาๆว่า
“ หัวหน้าทีมของพวกเราคือ หวังรั่วเซียง”
“อ้อ! เป็นอย่างนั้นเหรอ?” กู้จวินขมวดคิ้วอย่างไม่เดือดไม่ร้อนอะไร เขาเเสดงท่าทีที่อ่านออกได้ว่า ‘นั่นคือที่เรียกว่าเปลี่ยนเเปลงงั้นเหรอ?’เเต่คำพูดของเขากลับออกมาอีกเเบบหนึ่ง
“โทษทีนะเพื่อน! เเต่มันไม่น่าแปลกใจ….เเต่ฉันจะแปลกใจก็ได้หัวหน้าทีมไม่ใช่เธอ”
“ต้องขอโทษด้วย! หัวหน้าทีมคือเธอ..หวังรั่วเซียงนั่นเเหละ!!” ไช่ฉีซวนพยักหน้าอย่างโล่งใจหลังจากได้ยินคำพูดของกู้จวิน…ในใจก็ลอบคิด ‘นี่เขาลืมเรื่องนั้นไปเเล้วเหรอ?’
หวังรั่วเซียงเป็นนักศึกษาดีเด่นที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวเเทนห้อง ใครๆในคลาสก็ล้วนรู้ดีถึงความสามารถทางวิชาการที่โดดเด่นของเธอ อีกทั้งเธอยังมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงามและบุคลิกภาพเองก็ยอดเยี่ยม ไม่มีข้อตำหนิใดเลยที่จะขนานนามเธอว่า ‘เทพธิดา’ ประจำมหาวิทยาลัย ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นศูนย์กลางของชายหนุ่มมากมายที่เเห่เเหนเข้ามารายล้อม
‘เสี่ยกู้’ ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มชายเหล่านั้นด้วยเช่นกัน เขาไล่ตามเธออย่างหลงใหลชนิดหน้ามืดตามัว แต่ท้ายที่สุดการเกี้ยวพาราสีของเขาก็จบลงด้วยคำพูดที่รุนแรงของหวังรั่วเซียง “ ขอโทษด้วย พวกเราเป็นมนุษย์ประเภทที่ [เเตกต่าง] กันเกินไป บางทีนายคงจะเป็นมนุษย์คนละสปีชีส์กับฉัน…เเละฉันไม่มีวันเหลียวมองคนอย่างคุณ”
เสี่ยกู้…หรือกู้จวิน นักศึกษาปริญญาโทปีที่เเปด ผู้ที่มีรูปร่างสูง หล่อเหลา ร่ำรวยและเปี่ยมไปด้วยพลังเเห่งวัยหนุ่มกลับกลายเป็นแค่ “มนุษย์คนละสปีชีส์”? ในสายตาของหวังรั่วเซียง
ในช่วงเวลานั้นทุกคนอยากจะขอบคุณเสี่ยกู้ที่ยอมหน้าด้านเเล้วโดนตอกกลับหน้าหงายอย่างรุนเเรง เพราะเขาทำให้เหล่าชายหนุ่มที่เหลือนั้นเชื่อในความรักอีกครั้งหนึ่ง…
“ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ทุกอย่างก็คงยังเหมือนเดิม” ไช่ฉีซวนไม่รู้ว่าตอนนี้เขาดูเจ้าเล่ห์มากเเค่ไหน ไม่บอกก็รู้ว่าชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ หยุดมองฉันแบบนี้สักที” กู้จวินหัวเราะให้กับอดีตอย่างขมขื่น จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่โหยหาเล็กน้อย “ ตอนนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ที่จริงมันก็็เป็นอดีตไปแล้วจริงๆ ตอนนั้นเสี่ยกู้พยายามแสวงหาความรักจากหญิงสาวที่โดดเด่นที่สุดของชั้นเรียน เขาเองก็ไม่เเน่ใจว่ามันเป็นเพราะความรักที่แท้จริงหรือเเค่พยายามเเย่งเพราะคนสนใจมากๆเขาเลยจะเเย่งก็ไม่อาจจะรู้ เเต่สิ่งดังกล่าวไม่สำคัญอีกต่อไป
“ เป็นอย่างนั้นเหรอ? นายทำใจได้เเล้วล่ะสิ” ไช่ฉีซวนหยุดพูดเกี่ยวกับเเม่เทพธิดาของชั้นเรียนและมองดูเวลาบนนาฬิกาของเขา “ อาเกือบ 8 โมงแล้ว ฉันต้องไปที่ห้องปฏิบัติการเพื่อทำการทดลองต่อน่ะ”
“ดีเลย! งั้นพวกเราไปกันเถอะ ฉันเองก็กำลังมุ่งหน้าไปที่ห้องปฏิบัติการทดลองเหมือนกัน” กู้จวินตอบอย่างเฉยชา ที่เขาไปเเน่นอนจุดหมายนั้นต่างจากพวกของไช่ฉีซวนอย่างมาก เขาจะไปดูว่ามหาลัยช่วยเขาทำภารกิจได้มากเเค่ไหน
ไช่ฉีซวนมีท่าทางประหลาดใจฉับพลัน เมื่อครู่นี้เขากำลังคิดจะบอกว่า ‘กู้จวิน นายไม่ต้องตามฉันมาที่ชั้นเรียนก็ได้?’ ทว่า! เพราะคำพูดของเพื่อนชายทำให้เขาเปลี่ยนใจในพริบตา…อ่า ทำไมวันนี้เขาเป็นเด็กดีจัง!
“อะไร? นายมีสีหน้าเเปลกๆ” กู้จวินตกใจกับใบหน้าของเพื่อนจนทำอะไรไม่ถูก เขาอยากจะอธิบาย…แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน “อ่า! ช่างเถอะ”
“ เสี่ยกู้! นาบไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกนะ ฉันเข้าใจเหตุผลทั้งหมดเเล้ว ไม่มีแม่น้ำในสายตา…สำหรับผู้ที่เคยข้ามมหาสมุทร ฉันเข้าใจทั้งหมด ”
“ สมองอะมีบาอย่างนายเข้าใจอะไรฉัน….หา?!” กู้จวินกล่าวด้วยน้ำเสียงกระเเทกกระทั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตามกันไปยังห้องทดลองในอาคารทดลองที่อยู่ไม่ไกล
อาคารทดลองทางการแพทย์ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของวิทยาเขต มันเป็นอาคารอิฐหลายชั้นที่มีผนังสีขาวและไม่มีลักษณะเด่นอะไรเลย อย่างไรก็ตามอาคารดังกล่าวมีห้องปฏิบัติการที่มีอุปกรณ์ครบครันสำหรับอาจารย์และนักศึกษาสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
“พวกเราทำการทดลองที่นี่” หลังจากเข้าไปในอาคารแล้ว ไช่ฉีซวน เป็นผู้นำทางและแนะนำอาคารให้กู้จวินได้ทราบทุกอย่างทุกสิ่ง เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายหายไปนาน บางทีกู้จวินอาจจะหลงลืมอาคารนี้ไปเเล้วก็ได้
หัวข้อของการทดลองที่จัดทำโดยกลุ่มของพวกเขามีชื่อเรียกว่า
“ การศึกษาเกี่ยวกับการบำบัดด้วยรังสีกับเนื้องอกชนิดต่างๆ”
มันเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการฝังเนื้องอกไว้ใต้ผิวหนังในตัวหนูทดลอง จากนั้นใช้ตัวปรับแสงรังสีที่แตกต่างกันในการบำบัดและการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเนื้องอก
เงินที่จากการทำหัวข้อในครั้งนี้ก็คือ 30,000 หยวน ซึ่งดูเหมือนจะมากเกินไปสำหรับการทดลองวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับปริญญาตรี เเต่อย่างไรก็ตาม สารบางอย่างเช่น [โฟโตฟริน โฟโตเซ็นซิทไทเซอร์] บริสุทธิ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้นมีราคาสูงถึงหลายหมื่นหยวน
เพื่อให้สามารถทำการทดลองได้หลายรูปแบบ หวังรั่วเซียงได้คำนวณอย่างรอบคอบให้ประหยัดเงินมากที่สุด เธอจึงตัดสินใจซื้อ [โฟโตฟริน] ที่ผลิตเเบบ ‘เลียนแบบ’ มาเเทน…มันทำให้เธอประหยัดเงินถึงขั้นซื้อสารอื่นๆได้อีก 5 ชนิด
“ แผนการวิจัยและรายงานการดำเนินการจัดทำขึ้นโดยหัวหน้าชั้นเรียน” ไช่ฉีซวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “หรือฉันจะต้องยอมเธอสักนิด…เพราะยังไงเธอก็คือหัวหน้า”
แม้ว่าศาสตราจารย์กู้จะเป็นที่ปรึกษา แต่อาจารย์ก็จะแนะนำพวกเขาเป็นครั้งคราวเท่านั้น สำหรับนักวิจัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงเช่นเขา…ธุรกิจที่แท้จริงของเขาคือการกำหนดเป้าหมายบทความ SCI ที่มีคะแนนสูง เเละสามารถทำเงินให้เเก่เขาได้
ดังนั้นถ้วยฟรอนเทียร์อะไรนั่น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวนักศึกษาเเต่ละคนเอง ดังนั้นหัวหน้าชั้นเรียนอย่างหวังรั่วเซียงจะต้องแบกรับความรับผิดชอบมากที่สุด ดังนั้นทุกคนจึงต่อสู้เพื่อความฝันเดียวกัน
เหตุผลที่หวังรั่วเซียงพยายามมากนั่นเป็นเพราะหากมีการตีพิมพ์บทความวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการทดลอง ชื่อของหวังรั่วเซียงนั้นจะเป็นผู้เขียนหลักในขณะที่ไช่ฉีซวนและสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ จะอยู่ในอันดับที่ตามหลังเท่านั้น
“ ตอนนี้พวกเรายังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้นซึ่งก็คือการสร้างแบบจำลองของหนูทดลองที่มีเนื้องอกในท้อง หนูได้รับการเพาะเลี้ยงเนื้องอกเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์เต็ม และเราจะได้เห็นผลลัพธ์ของการทดลองในวันนี้”
ไช่ฉีซวนพูดทุกอย่างรวดเดียวก่อนที่จะตระหนักว่ากู้จวินนั้นเงียบขรึมคล้ายจะไม่ได้ฟัง เเต่เขาก็สังเกตได้ว่าดูเหมือนกู้จวินจะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำว่าเนื้องอก
“ เอ่อ! เสี่ย…กู้จวิน? นายรู้ไหมว่าอัตราความสำเร็จของการสร้างแบบจำลองไม่ได้เต็ม 100% น่ะ!?” ไช่ฉีซวนเกาส่วนหน้าของหัวที่ล้านเลี่ยนของเขา เขาไม่รู้จริงๆว่ากู้จวินเข้าใจสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้หรือไม่
“ ไม่มีอะไรที่สามารถยืนยันได้เต็ม 100% ในโลกนี้” กู้จวินพูดจบก็ก้มหน้าลง ไช่ฉีซวนพยักหน้าด้วยความสบายใจที่อย่างน้อยเพื่อนของเขายังไม่ถึงระดับของความโง่เขลาเต่าตุ่น
“ แน่นอน!” ไช่ฉีซวนรู้สึกประทับใจกับประโยคนี้และแสดงสีหน้าราวกับว่าได้เห็นผ่านความผันผวนของชีวิตมาจนช่ำชอง “ ชีวิตเป็นไปตามครรลองของชีวิตเเละความฝันอันสูงสุด”
กู้จวินรู้สึกว่าตนเองเริ่มแพ้พ่ายเมื่อไช่ฉีซวนพูดถึงจุดนี้
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดอยู่นั้น ทั้งสองคนก็ตรงไปขึ้นลิฟต์เเล้วลงที่ชั้นแปด ซึ่งชั้นนี้มีห้องปฏิบัติการที่กลุ่มของพวกเขาลงชื่อยืมใช้อยู่
พวกเขาเดินตามทางเดินจนมาถึงด้านนอกของประตูห้องปฏิบัติการ ไช่ฉีซวนผลักประตูให้เปิดออกและเดินล่วงหน้าเข้าไปก่อน เขาเห็นว่าสมาชิกในทีมคนอื่นๆ มาถึงก่อนเขาและเขาเป็นคนสุดท้ายที่มาถึง
“ ไช่ฉีซวน พวกเรารอนายอยู่”
“ หืม?”
ในเวลานี้ทุกคนสังเกตเห็นคนแปลกหน้าที่เข้ามาหลังจากไช่ฉีซวนเดินมาถึง บรรยากาศในห้องปฏิบัติการเริ่มเย็นขึ้นชั่วขณะนั้นทุกอย่างพลันเงียบกริบได้ยินเพียงเสียงของหนูที่ส่งเสียงดังอี๊ดๆ
เสี่ยกู้ ?!