เเต่มันคงไม่ใช่ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาเหมือนในฝันเเน่นอน ใครมันจะเอาต้นไม้เหี่ยวมาโฆษณาให้ยอดตกเล่นๆ ดังนั้นเเล้วต้นไม้นั่นอาจจะต้องเขียวชอุ่มและดูสดใสเต็มไปด้วยใบอ่อนและมีชีวิตยืนยาวไปตลอดกาล
กู้จวินที่ได้เบาะเเสเเล้ว เขาก็นั่งลงที่โต๊ะทำงานในห้องนอนเเละเปิดแล็ปท็อปประจำตัวขึ้นมาทันที
เขาเริ่มลงมือค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต อันดับเเรกเขาพิมพ์ค้นหา “ต้นไม้ใหญ่ในบ้าน” และ “ต้นไม้ใหญ่ในเมืองตะวันออก”ไปรัวๆ
จากนั้นเขาก็กดเรียกดูข้อมูล และทันใดนั้นเองเขาก็ได้เห็นข้อความที่ทำให้เขารู้สึกถึงเดจาวู กู้จวินไม่มีทางเลือก เขาก็คลิกไปที่มันทันที
มันคือภาพของต้นไทรเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี ในหมู่บ้านกูหรงของเมืองทางตะวันออก
กู้จวินจ้องไปที่รูปถ่ายในบทความข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอของเเล็ปท็อป ดวงตาของเขาปิดลงอย่างเเน่วเเน่ราวกับว่าเขาพยายามที่จะระลึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
“ นั่นคือต้นไม้ต้นนั้นนั่นเเหละ! สิ่งที่ฉันเห็นในความฝันคือต้นไทรเก่าแก่ต้นนี้!!”
หมู่บ้านกูหรงไม่ใช่สถานที่ที่มีชื่อเสียงสักเท่าไหร่ จริงๆชื่อเสียงนั้นไม่มีเลยด้วยซ้ำ!
มันเป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาอันห่างไกลทางตอนเหนือของเมืองตงโจว
แม้ว่าจะมีภูมิประเทศอยู่ในเขตความเจริญอยู่บ้าง แต่ก็ยังด้อยการพัฒนาเเละมีบรรยากาศเเบบชนบทเต็มขั้น ดังนั้นเเล้วมีเเต่พวกนักเดินทางธรรมดาไม่กี่คนเท่านั้นที่จะไปที่นั่น เเละหมู่บ้านกูหรงเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของต้นไทรอายุยืนพันปีนี่
เนื่องจากเป็นพื้นที่เขตตงโจว ต้นไทรต้นนี้จึงเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ภาพของต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาในฝันปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของกู้จวินให้เห็นเลือนลางอีกครั้ง และกู้จวินก็จิบน้ำเบาๆสักหนึ่งอึกก่อนที่จะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมู่บ้านกูหรงต่อไป
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับหมู่บ้านมาจากปีที่แล้ว ส่วนข่าวอย่างอื่นที่เหลือส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการอนุรักษ์ต้นไม้ต้นนี้
หลังจากนั้นกู้จวินก็ไม่พบข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับหมู่บ้านกูหรงนี้ทางอินเทอร์เน็ตอีก
มันเป็นเรื่องผิดปกติที่มีข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับหมู่บ้าน เเม้มันจะไม่มากเเต่มันก็มากพอที่จะทำให้คนอ่านข่าวเกิดความรู้สึกน่าขนลุก หลังจากข่าวลือนั้นก็เป็นจุดท่องเที่ยวเล็ก ๆ ในหมู่บ้านกูหรง
เป็นเเค่หมู่บ้านน้านนอกเเต่ทำไมสะอาดสะอ้านจัง!?
มันไม่น่าจะเป็นไปได้!
ยกเว้นแต่จะมีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น และข้อมูลบางอย่างของที่นั่นกำลังถูกควบคุมอยู่
“ ต้นกำเนิดความพิกลพิการของมนุษย์ร่างกายผิดรูปเเบบอาจเป็นเพราะหมู่บ้านกูหรงก็เป็นไปได้…..” กู้จวินครุ่นคิดแล้วก็เปิดบทความข่าวเกี่ยวกับหมู่บ้านกูหรงอีก
จากนั้นข่าวที่ได้เห็นก็ทำให้หัวใจของเขาเหมือนถูกบีบรัด
บทความข่าวเกี่ยวกับผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารเขตการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของหมู่บ้านกูหรงได้แนะนำแผนพัฒนาหมู่บ้านของตนเองให้ผู้สื่อข่าวฟัง
ใบหน้าของผู้อำนวยการคนนี้ช่างดูคุ้นเคยกับกู้จวินอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
หลังจากอ่านข่าวทั้งหมด กู้จวินเหมือนกับได้เปิดโลกใหม่ ข่าวนี้ทำให้เขาตาสว่างจริงๆ เขาไม่ได้ตื่นเต้นจนเซลล์ในประสาททุกเซลล์ถูกกระตุ้นพร้อมกันเเบบนี้มานานเเล้ว
“ หึๆ ฮ่าๆ ” กู้จวินเอนหลังพิงพนักพิงพร้อมกับการคาดเดาข้อความเห็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งกำเนิดหมู่บ้านกูหรง จากทั้งหมดอาจจะกล่าวได้ว่ามีการระบาดของโรคระบาด ศพทั้งห้าสิบศพนั้นเป็นของชาวบ้านทั้งหมด บางทีพวกเขาอาจตาย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่ทำให้ทั้งคนเเละสิ่งต่างๆกลายเป็นแบบนี้?
เมื่อมองไปที่ต้นไทรเขียวชอุ่มบนหน้าจอ เขารู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นที่แข็งแกร่งมากขึ้น คล้ายกับกำลังโดนสะกดจิต!
คล้ายกับต้นไทรที่เขียวชอุ่มกำลังพูด….รีบไปที่นั่นสิ ไปดูด้วยตนเองไปที่หมู่บ้านกูหรงซะ! คำตอบที่นายต้องการอยู่ที่นั่น
รีบไปที่นั่นสิ ไปดูด้วยตนเองไปที่หมู่บ้านกูหรงซะ! คำตอบที่นายต้องการอยู่ที่นั่น
เเละซ้ำไปซ้ำมา….มันราวกับว่านี่คือชะตาที่เขาจะต้องเลือกเดินเเละไปตามหาด้วยตนเอง
เเต่!!!
“ ไม่ไปอ่ะ!” กู้จวินตะโกนตัดการสะกดจิตเเบบเเปลกประหลาดนั้นทันที ไม่มีทางที่เขาจะไปหมู่บ้านที่น่าสงสัยเพียงเพราะเสียงจากจิตใจเเละเเรงกระตุ้นที่ไม่สามารถสืบหาต้นตอได้อย่างเเน่นอน
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่จงใจหลอกล่อคนที่กำลังตามหาปริศนา เเล้วถ้าเจ้าคนน่าสงสัยเกิดตามไปล่ะจะทำยังไง เขาไม่ได้เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงนี้อย่างสิ้นเชิง สถานการณ์ตอนนี้ของเขายิ่งสุ่มเสี่ยงอยู่ด้วย
นี่เป็นการฆ่าตัวตายอย่างแน่นอนหากเขาโง่เเละตามเสียงนั่นไป ในภาพยนตร์สยองขวัญ คนที่มักตามเสียงหลอกล่อเเละเชื่อในเสียงของจิตใจตนเอง…มักจะตายไปภายใน 3 EP.
“ หมู่บ้านกูหรง…ยังมีใครอยู่อีกไหมนะ? งานป้องกันและควบคุมโรคระบาดจะต้องเริ่มขึ้นแล้วเเน่ๆ เเต่…จะสามารถป้องกันเเละกำจัดเชื้อได้หรือไม่นะ!?”
กู้จวินคิดหาวิธีอื่นในการยืนยันการเดาของเขาทันที การมีปริศนาในใจมันมีผลต่อการนอนเเละความกระตือรือร้นของเขาอย่างเเน่นอน เเละเขาจะไม่ปล่อยให้เป็นเเบบนั้น
ในที่สุดก็ถึงเวลาบ่ายสี่โมง กู้จวินนั่งคิดไตร่ตรองสักพักและค้นหาข้อมูลบางอย่าง จากนั้นเขาก็เขียนมันลงในโทรศัพท์มือถือของเขา หลังจากล้างประวัติการเข้าชมและปิดคอมพิวเตอร์แล้ว เขาก็รีบเดินออกจากหอพักทันที
หลังจากออกจากอาคารหอพัก กู้จวินก็รีบออกจากบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของหอพักของมหาวิทยาลัยและมุ่งหน้าไปยังถนนด้านนอก
จากนั้นเมื่ออกจากมหาวิทยาลัย…เขาก็ขึ้นรถแท็กซี่โดยจงใจขอให้คนขับอ้อมสองสามรอบ ก่อนที่จะลงจากรถเเท็กซี่โดยให้เขาส่งที่บริเวณที่เขาระบุอย่างเเน่ชัด ซึ่งมันไม่ใช่สถานที่สำคัญอะไร
มันคือซอกซอยธรรมดาๆ ที่กู้จวินคุ้นเคย กู้จวินมองซ้ายเเลขวาจากนั้นก็ตรงไปยังร้านค้าธรรมดาที่เเม้กระทั่งป้ายยังไม่ติด เขาเลือกซื้อซิมการ์ดมือถือจากนั้นก็จ่ายเงิน
กู้จวินเปลี่ยนซิมการ์ดของเขาด้วยซิมการ์ดใหม่ และเปิดรายชื่อเพื่อนในโทรศัพท์ของเขา ในนั้นมีเพียงรายชื่อติดต่อใหม่ที่ถูกบันทึกไว้ไม่นานมานี้ นั่นก็คือ….
“ คณะกรรมการบริหารเขตท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหมู่บ้านกูหรง”.
เขาออกจากร้านเล็ก ๆ ริมถนน จากนั้นเขาก็เดินไปตามตรอกซอยเก่าๆ หลังจากทำใจเตรียมพร้อมได้ เขาก็เคาะนิ้วและกดโทรออก
นี่คือหมายเลขโทรศัพท์เเบบพื้นฐาน…ด้วยสภาพปัจจุบันของหมู่บ้านกูหรง เขารู้สึกว่าสายโทรศัพท์อาจถูกตัดขาดหรือไม่ก็อาจจะไม่มีใครรับสาย
บี๊บ! บี๊บ!…เสียงรอการเชื่อมต่อดังขึ้น ดูเหมือนว่าสายยังว่างอยู่…
ระหว่างรอกู้จวินก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามเย็นที่มืดครึ้มหากเเต่มันก็สดสวย จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ ป้ายที่ทรุดโทรมของร้านค้าเล็ก ๆ ทั้งสองฝั่งของตรอกนี้
โทรศัพท์ส่งเสียงบี๊บสิบครั้ง แต่ไม่มีใครรับสาย ตกลงเเล้วหมู่บ้านกูหรงเป็นดินแดนที่ตายไปแล้วจริงหรือ?
กู้จวินเงยหน้าขึ้น ในขณะที่มือขวาของเขากำลังจะคลิกปุ่มยกเลิกการเชื่อมต่อและวางสาย
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคลิกอย่างกะทันหัน
เชื่อมต่อการโทรสำเร็จเเล้ว!!