15 – ลูกค้าผู้ยากไร้
เพียงแค่เริ่มต้นของคืนวันวาเลนไทน์โจวเจ๋อก็สามารถทำรายได้ได้มากถึงร้อยหยวนแต่มีต้นทุนเพียงแค่น้ำไม่กี่แก้ว
แน่นอนคุณสามารถพูดได้ว่ามีค่าใช้จ่ายเช่นค่าไฟและค่าเช่า …
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญเพราะว่าซูเล่อก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยดังนั้น มันถือเป็นรายจ่ายประจำของเขาอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นเพราะหญิงสาวที่มีคอร์กี้ทำให้โจวเจ๋อรู้ว่านี่เป็นวันวาเลนไทน์
โจวเจ๋อเปิด WeChat และกดเข้าไปดูบัญชีของหมอหลิน
โจวเจ๋อต้องการที่จะส่งอั่งเปาเป็นเงิน 1314 หยวน(*Angel Number)แต่พบว่าเงินไม่พอ เขาจึงคิดจะส่งไปเพียง 131.4 หยวนซึ่งมันทำให้เขารู้สึกแย่เล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้นอนกับเขา ลืมมันไปเถอะโจวเจ๋อไม่ได้ส่งอีกต่อไป
เขาวางโทรศัพท์ลงก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่านเพื่อฆ่าเวลาให้ถึงเช้า
ในวันต่อมาโจวเจ๋อเดินไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวด้านข้างพร้อมกับสั่งน้ำบ๊วยสุดเปรี้ยวมาดื่มก่อน จากนั้นเขาแทบจะเทก๋วยเตี๋ยวทั้งชามลงไปในท้องอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆและบีบคอของตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ก๋วยเตี๋ยวสำรอกออกมา
เมื่อคิดว่าเขาต้องทำตามขั้นตอนนี้ทุกครั้งที่กินโจวเจ๋อรู้สึกว่าวันข้างหน้าของเขาดูเหมือนจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ
โจวเจ๋อจำชายที่ทุกข์ทรมานจากโจ๊กในวิดีโอได้ การรับประทานอาหารเป็นหนึ่งในความสุขที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในโลกและดูเหมือนตอนนี้ความสุขนั้นได้จากพวกเขาไปแล้ว
หลังจากวันวาเลนไทน์จะเป็นวันส่งท้ายปีเก่า หากเปลี่ยนเป็นเมื่อหลายปีก่อนย่านธุรกิจแห่งนี้จะประดับประดาไปด้วยแสงไฟและความบันเทิงมากมายแต่ตอนนี้เหลือเพียงร้านของเขาและซูชิงหลางเท่านั้นที่เปิดอยู่
วันนี้ธุรกิจของซูชิงหลางเป็นไปด้วยดี มันน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมร้านอาหารอื่นๆในย่านนี้ถึงปิดตัวลง เขายังคงยืนยันที่จะขายของในวันส่งท้ายปีเพราะเขาคิดว่าร้านอื่นๆในละแวกใกล้เคียงจะปิดเพื่อฉลองปีใหม่ทุกร้าน
โจวเจ๋อนั่งอยู่ที่หน้าร้านพร้อมกับสูบบุหรี่อย่างสบายอารมณ์
‘จำได้ว่าฉันตายชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์…ไม่ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันถูกส่งไปที่เตาเผามันน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้ๆกับวันเด็ก’
เวลาครึ่งปีผ่านไปเร็วมากแต่ตอนที่เขาเดินไปบนถนนในโลกของคนตายนั้นเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ช่วงอึดใจเท่านั้น
โจวเจ๋อนั่งคิดกับตัวเองจนรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกำลังจะมองหาภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ผิดลิขสิทธิ์ซึ่งกำลังเข้าฉายโรงอยู่ขณะนี้มาดูแก้เซ็ง
“ เฮ้คุณมีหนังสือพิมพ์ไหม” ซูชิงหลางตะโกนออกมาจากร้านข้างๆ
“ เอาไปทำอะไร”
“ เอามาติดผนัง” ซูชิงหลางตอบ
“ ประหยัดจังนะ”
“ ใช้หนังสือพิมพ์แปะไว้บนผนังมันจะสร้างบรรยากาศคลาสสิคให้กับร้านคุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอ อีกอย่างเมื่อวานคุณก็ไม่ได้ขายออกไปทั้งหมดผมยังเห็นว่าคุณเหลือหนังสือพิมพ์อยู่ในร้านอีกตั้งเยอะ”
“ คุณนี่มันไม่ลงทุนเลย”
โจวเจ๋อกลับไปที่ร้านและย้ายกองหนังสือพิมพ์มามอบให้กับซูชิงหลางที่รออยู่หน้าร้าน
“ คุณจะไม่กลับบ้านในช่วงปีใหม่เหรอ?” ซูชิงหลางถาม
“ ไม่มีใครรออยู่ที่บ้าน”
น่าเสียดายที่โจวเจ๋อไม่ได้ซื้อเหล้ามาด้วยในวันนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงนั่งดื่มมันคนเดียวอย่างมีความสุข
“ แล้วคุณไม่กลับบ้านเหรอ” โจวเจ๋อถามหลังจากนั่งคุยกันไปสักพัก
“ ฉันมีคอนโด 20 หลังไม่รู้ว่าจะไปนอนที่ไหนดี” ซูชิงหลางถอนหายใจ
“ …………” โจวเจ๋อ
ทั้งสองเงียบไปชั่วขณะโจวเจ๋อกล่าวว่า“ คุณนี่ยอดคนจริงๆ”
“นิดหน่อยนิดหน่อย.” ซูชิงหลางพยักหน้า
ผมยาวของเขาตกมาด้านข้างเขาใช้นิ้วเสยมันมาเหน็บไว้ที่หูด้วยท่าทางอ่อนช้อย
การกระทำของเขาทำให้โจวเจ๋อรู้สึกขนลุก
หลังจากนั้นการสนทนาระหว่างทั้งสองก็สิ้นสุดลง
โจวเจ๋อกลับไปที่ร้านหนังสือของเขา ภายในร้านหนังสืออบอุ่นกว่าอยู่ข้างนอกมาก โจวเจ๋อพลิกโทรศัพท์ไปมาเพราะรอให้มีคนโทรหาแต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง
เขาอยากไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่ติดปัญหาตรงที่เขาไม่มีเงินมากนัก
ในขณะที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองก็มีลูกค้ายืนอยู่ที่หน้าประตู
เป็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีน้ำเงินและถือหมวกสำหรับพนักงานก่อสร้างอยู่ในมือ เขาผลักเปิดประตูร้านหนังสือแล้วเดินเข้ามาถามอย่างเขินๆ
“ ที่นี่ผมอ่านหนังสือได้ไหม ราคาเท่าไหร่?” อีกฝ่ายเม้มปาก
“ ตามสบายไม่คิดเงิน” โจวเจ๋อโบกมือด้วยท่าทางสบายๆ
“ ที่นี่มีนิยายไหมครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยความอ่อนน้อม“ ผมชอบอ่านนิยายออนไลน์”
โจวเจ๋อชี้ไปที่กล่องที่ด้านหลังของชั้นหนังสือ“ มีแค่นั้น”
อีกฝ่ายเดินไปที่กล่องและพลิกดูสองสามครั้งสีหน้าของเขามีความสุขอย่างชัดเจน
“ ตามสบายไม่คิดเงิน” โจวเจ๋อกล่าวอย่างใจกว้าง
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มหยิบหนังสือนิยายมานั่งอ่านบนเก้าอี้พลาสติกเงียบๆคนเดียว
โจวเจ๋อนั่งเป็นเถ้าแก่และเล็มเล็บของตัวเองอยู่หลังเคาน์เตอร์ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้หยิบบุหรี่ออกมาและยื่นให้โจวเจ๋อ
“ ไม่ใช่บุหรี่ที่ดีนักแต่อย่ารังเกียจเลยครับ”
“ บุหรี่ก็คือบุหรี่ไม่มีดีไม่มีเลว”
โจวเจ๋อหยิบบุหรี่ขึ้นมาส่วนอีกฝ่ายก็หยิบบุหรี่และออกไปสูบที่นอกร้านพร้อมกับโต้ลมหนาว
สิ่งนี้ทำให้โจวเจ๋อซึ่งเดิมวางแผนที่จะสูบบุหรี่ในบ้านตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกละอายใจเล็กน้อยเลยเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ด้านนอกเป็นเพื่อนของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มเดินกลับมาหลังจากสูบบุหรี่ข้างนอก คราวนี้เขาไม่ได้นั่งบนเก้าอี้พลาสติกต่อไป แต่นั่งพิงพื้นผนังแทน
แม้ว่าในบ้านจะเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ แต่กระเบื้องที่พื้นก็ยังเย็นมาก แต่คนหนุ่มไม่สนใจและเขาเคยชินกับมันในวันธรรมดา
หลังจากนั้นประมาณ 15 นาทีก็มีชายสี่คนสวมชุดคลุมสีน้ำเงินที่สะอาดหมดจดมายืนอยู่หน้าร้าน คนที่อายุมากที่สุดในกลุ่มก็น่าจะมีอายุราวๆ 30 ปี น้องคนเล็กน่าจะอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีแค่นั้น
ทั้งสี่คนเดินเข้ามาพร้อมกัน ชายหนุ่มที่นั่งพิงกำแพงโบกมือให้พวกเขาและเรียกทุกคนเข้ามา
ทุกคนเดินเข้ามาทักทายโจวเจ๋อด้วยความสุภาพก่อนจะแยกย้ายกันไปอ่านหนังสือ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งโจวเจ๋อพบว่าเพื่อนร่วมงานทั้งห้าคนกำลังนั่งอ่านนิยายอยู่ที่พื้น
ที่พวกเขาอ่านส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี หนึ่งในนั้นถือนิยายแนวสยองขวัญเขาอ่านด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับกัดเล็บไปด้วย
เมื่อสังเกตไปที่เล็บของอีกฝ่ายก็ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็นั่งลงตัดเล็บของตัวเองต่อไป
บางครั้งเด็กหนุ่มทั้ง 5 คนก็มีรอยยิ้มพร้อมกับหัวเราะออกมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้อ่านนิยาย
ในวันนี้ร้านหนังสือมีผู้คนมากมาย แต่ทุกคนล้วนมีมารยาทพยายามไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น
ในตอนเย็นซูชิงหลางเดินเข้ามาพร้อมกับเกี๊ยวหนึ่งชามเขาเปิดประตูร้านและพูดกับโจวเจ๋อ
“ วันนี้ร้านคึกคักดีนะ”
โจวเจ๋อพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ พวกพี่อยากทานอะไรไหมครับ” เพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ในร้านของโจวเจ๋อถาม
ทุกคนมองหน้ากันและมีท่าทางอึดอัด
…………..
“ ไม่เป็นไรหรอกหน้าผมเลี้ยงทุกคนเอง” ท้ายที่สุดซูชิงหลางก็แสดงความใจกว้างออกมา “ทุกคนมีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงเงินทองก็หายาก ยังไงพวกเราชาวจีนทุกคนก็เป็นพี่น้องกัน”
“ เถ้าแก่พวกเราขอขอบคุณกับน้ำใจของคุณจริงๆ” คนงานที่อายุมากที่สุดลุกขึ้นขอบคุณซูชิงหลาง
“ ไม่เป็นไรพี่น้องกันทั้งนั้น”
ซูชิงหลางวางเกี๊ยวของโจวเจ๋อลงแล้วเดินกลับไปที่ร้านของเขาเพื่อที่จะทำอาหารเลี้ยงทุกคน
โจวเจ๋อดื่มน้ำซุปเล็กน้อยจากนั้นก็กลืนเกี๊ยวลงไปอย่างยากลำบาก ซูชิงหลางลืมเอาน้ำบ๊วยเปรี้ยวมาดังนั้นการกินอาหารของเขาจึงทุกข์ทรมานมากกว่าเดิมหลายเท่า
โจวเจ๋อหยิบบุหรี่บนโต๊ะออกมาและเดินออกจากหลังเคาน์เตอร์
“ หนังสือพวกนี้แม้ว่าจะค่อนข้างดีอยู่บ้างแต่พวกมันก็ไม่ครบชุด พวกคุณควรเข้าใจว่าการทำธุรกิจแบบนี้เป็นเรื่องยากที่จะทำเงิน”
โจวเจ๋อยื่นบุหรี่ให้พวกเขาคนละมวน
คนงานหนุ่มเหล่านั้นมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็รับบุหรี่มาและเดินออกไปนอกร้าน
พวกเขาไม่เต็มใจที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมในร้านสกปรก
โจวเจ๋อคิดอยู่ครู่หนึ่งและเดินออกจากร้าน ข้างนอกอากาศหนาวมากขึ้นกว่าเดิม
โจวเจ๋อนั่งยองอยู่ข้างหลังทุกคนและสูบบุหรี่คนเดียวโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาเขามองไปที่บุคคลทั้งห้าพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ