48 – ฉันช่วยคุณได้
“ป๊า”
โจวเจ๋อหยิบน้ำยาล้างแผลออกมาตั้งบนโต๊ะจากนั้นก็โยนผ้าขี้ริ้วแล้วชี้ไปที่คราบน้ำบ๊วยที่หกเลอะอยู่เต็มไปหมดพร้อมกับมองไปที่ซูชิงหลาง
“ทาแล้ว เช็ดให้ด้วย”
“แล้วทำไมคุณไม่เช็ดเอง คุณไม่ได้เจ็บอะไรเลยแต่คุณเห็นไหมว่าฉันถูกโยนไปอัดกับกำแพง คุณมีจิตสำนึกบ้างไหม?” ซูชิงหลางตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“โจวเจ๋อตั้งแต่คุณมาอยู่ที่นี่คุณรู้ไหมว่าฉันโชคร้ายขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับฉันเลย”
“นี่คือชะตากรรม ทำใจซะเถอะ” โจวเจ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตอนที่ฉันได้ยินคำพูดแบบนี้ในละครทีวีฉันรู้สึกว่ามันเท่จริงๆ” ซูชิงหลางถอนหายใจเบาๆ “แต่เมื่อมาเจอกับตัวเองถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้สวยงามแม้แต่น้อย”
“อา…” ซูชิงหลางกรีดร้องออกมาในขณะที่กำลังล้างแผลบนไหล่
“มีน้ำบ๊วยอยู่ในครัวคุณไปหยิบมาตอนนี้เลย พรุ่งนี้ฉันจะปิดร้านอีกครั้งอย่ามารบกวนฉัน ฉันต้องการพักผ่อนบ้าง”
“ตกลง”
โจวเจ๋อลุกขึ้นและเดินไปหยิบขวดน้ำบ๊วยที่ร้านของซูชิงหลาง หลังจากกลับมาที่ร้านหนังสือแล้วเขาก็ตรงขึ้นไปที่ชั้นสอง
หญิงสาวไปอาบน้ำอย่างเชื่อฟัง ตอนนี้เธอนอนอยู่ในตู้แช่พร้อมกับสวมใส่เสื้อผ้าของโจวเจ๋อ
เสื้อเชิ้ตสีขาวมันตัวใหญ่กว่าร่างกายของเธอจนห้อยลงมาปกคิดคลุมส่วนโค้งด้านหลัง เธอไม่ได้ใส่กางเกง ขาของเธอไขว้และนอนอยู่ในนั้น
โจวเจ๋อเหยียดมือออกแล้วเคาะข้างตู้แช่ก่อนจะพูดว่า
“ผมจำได้ว่าคุณหนูไป๋บอกว่าเธอเสียชีวิตก่อนจะแต่งงาน”
ดังนั้นเธอไม่ควรจะมีประสบการณ์ในการยั่วยวนผู้ชาย แต่ภาพที่เห็นตรงหน้านี้ค่อนข้างแตกต่างจากสิ่งที่โจวเจ๋อจินตนาการไว้
“เฮอะ! เป็นเพราะเธอไม่ได้บอกคุณต่างหากว่าเธอแอบหนีไปกับบัณฑิตยากไร้ที่ไม่ใช่คู่หมั้นของเธอเป็นเดือนๆ หลังจากที่พ่อของเธอจับตัวได้เขาจึงบังคับให้เธอกระโดดแม่น้ำเพื่อรักษาชื่อเสียง”
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นคนมีประสบการณ์โหดร้ายคนหนึ่ง” โจวเจ๋อพยักหน้าอย่างเข้าใจ รู้สึกเห็นใจเธอเล็กน้อย
“คุณรู้หรือเปล่าว่าเธอต้องทุ่มเทค่าใช้จ่ายขนาดไหนถึงจะสามารถรักษาร่างกายนี้ไว้ให้เหมือนเดิม” หญิงสาวพึมพำเบาๆ
“ท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงก็รักความงามเป็นชีวิตจิตใจทุกคน” โจวเจ๋อส่ายหัว “ไปนอนได้แล้ว”
ด้วยเหตุนี้โจวเจ๋อจึงวางหมอนไว้ข้างตู้แช่แข็งก่อนจะนอนลงไป
มีปีศาจร้ายนอนอยู่ในตู้แช่ข้างๆเขา พลังหยินที่เธอปล่อยออกมามันทำให้เขารู้สึกสบายมากกว่านอนในตู้แช่เสียอีก
เมื่อโจวเจ๋อตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาลืมตาและเห็นขายาวคู่หนึ่งที่สั่นไหวต่อหน้าเขาอย่างช้าๆ แม้แต่ส่วนโค้งที่อยู่ใต้เสื้อนั้นก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ถ้าขาคู่นี้สวมถุงน่องไว้มันจะเซ็กซี่ขนาดไหน
แต่เมื่อจำได้ว่าเธอเป็นซอมบี้เดินได้มันทำให้อารมณ์ของเขาหมดลงไปทันที
“ฉันสามารถช่วยคุณได้ ฉันรู้ว่าคุณอยากทำแบบนั้นจริงๆ หากคุณอดกลั้นไว้นานๆมันจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะร่างกายนี้ไม่ใช่ของคุณเองมันจะเกิดความไม่เสถียรมากขึ้นเรื่อยๆ”
หญิงสาวพูดอย่างเอื้อเฟื้อพร้อมกับยิ้มและเสริมว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ท้องแน่นอน”
โจวเจ๋อส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะเดินลงบันไดไปล้างจานและต้มบะหมี่
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วโจวเจ๋อก็หยิบน้ำบ๊วยออกมาและกินให้เสร็จๆไปเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง
“มันจะทำให้คุณเจ็บปวดถ้ายังกินอาหารของมนุษย์แบบนี้” หญิงสาวนั่งลงที่บันไดสายตาของเธอจับจ้องมาที่โจวเจ๋อ
“มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณ”
“ฉันตายไปแล้วแต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนธรรมดามาอย่างยาวนานดังนั้นประสบการณ์เรื่องนี้ของฉันจึงมากกว่าคุณอย่างแน่นอน”
“เธอต้องการอะไร” โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เมื่อวานคุณบอกว่าฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากร้านหนังสือ ฉันจะทำอะไรได้อีกนอกจากคุยกับคุณ”
โจวเจ๋อหยิบไม้ถูพื้นและไม้กวาดด้านหลังเคาน์เตอร์ก่อนจะโยนไปที่หญิงสาว
“ถ้าว่างมากก็ทำความสะอาดซะ”
………………
วันนี้แดดค่อนข้างจ้าที่ด้านนอก หญิงสาวคุกเข่าบนกระเบื้องของร้านหนังสือและเช็ดพื้นด้วยเศษผ้าโดยไม่ได้ใช้ไม้ถูพื้น
โจวเจ๋อหมดปัญญาจะพูดกับเธอจริงๆเขาจึงหยิบเก้าอี้พลาสติกออกมานั่งข้างนอกร้านเพื่ออาบแดด
จนกระทั่งเที่ยงวันซูชิงหลางจึงเปิดประตูร้านออกมา เขาหยิบบุหรี่จากโจวเจ๋อและเหลือบมองไปยังร้านหนังสือพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม
“เธอทำตัวน่ารักดีนะ”
โจวเจ๋อยังคงเหล่และเพลิดเพลินกับแสงแดด
ซูชิงหลางพ่นควันบุหรี่ออกมา ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างและพูดว่า:
“ฉันคิดว่าจะทำป้ายร้านใหม่นะ ว่าจะออกแบบเองด้วย”
“คุณเป็นคนมีศิลป์?” โจวเจ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่หรือไง?” ซูชิงหลางเหลือกตาและกล่าวว่า “ฉันทำงานหาเงินมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งมีคอนโด 20 หลังกะอีแค่ทำป้ายหน้าร้านนี้ฉันจะทำไม่ได้หรือยังไง?”
โจวเจ๋อส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“ช่วยฉันคิดหน่อยเอาให้คล้องจองคำว่า ‘ชีวิตเหมือนความฝัน’ ฉันอยากเพิ่มคำว่ากินเข้าไปให้มันเข้ากับร้านอาหารหน่อย แต่ไม่รู้ว่าจะเพิ่มคำไหนลงไป พี่มีข้อเสนอแนะดีๆไหม? ”
โจวเจ๋อไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อยากฟังจริงๆ?”
“แน่นอน”
“ ชีวิตเหมือนความฝัน คนกินดินประทังชีวิต เพื่อให้ดินกินคนในตอนท้าย” (เหนื่อยยากมาทั้งชีวิตสุดท้ายก็ไม่พ้นความตาย)
“ก็เข้าท่าอยู่บ้างนะ” ซูชิงหลางพยักหน้าจากนั้นก็เดินกลับร้านไป