89 – ฟู่จุนผู้ยิ่งใหญ่
ในห้อง ชายชราจัดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ และทำความสะอาดห้องอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็กางมือออกและตบโต๊ะ
“ออกมาสิ”
ลิงสีทองตัวเล็ก กระโดดไปที่โต๊ะข้างหน้าชายชรา มันน่ารักมาก
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของลิงทองคำนั้นดูไม่จริงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันเป็นร่างวิญญาณ
“แม้ว่าเจ้าจะต้องการความยุติธรรมและการแก้แค้น แต่คราวนี้สิ่งที่เจ้าทำผลร้ายกลับไปตกอยู่ที่เด็กคนนั้นซึ่งไม่สมควรถูกลากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ลิงตัวน้อยส่ายหัวแล้วพยักหน้าอีกครั้ง
“อย่าโทษข้าที่ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ เด็กทารกคนนั้นไม่มีอะไรผิดพวกเราไม่อาจปล่อยให้เขาต้องเผชิญชะตากรรมอันเลวร้าย ไม่เช่นนั้นเจ้าจะมีกรรมใหญ่ติดตัว
ข้าจะหาร่างกายใหม่ให้เจ้าแล้วเจ้าจะได้เริ่มบ่มเพาะใหม่อีกครั้งนี่ถือเป็นการชดเชยจากข้าก็แล้วกัน “
หลังจากพูดชายชราก็เปิดประตูออกไปด้านนอกพร้อมกับลิงตัวน้อย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในห้องก็หายสาบสูญไปราวกับหมอกควัน
ที่ด้านหน้าของชายชราเป็นภาพวาดขนาดใหญ่ที่มีภูเขาสูงตระหง่านตั้งอยู่ในความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์
มีระฆังที่สวยงามในธรรมชาติลอยอยู่บนยอดเขา หยินและหยางกำลังแตกออกในช่วงรุ่งอรุณที่มืดสนิท!
ชายสวมมงกุฏสีม่วงและเสื้อคลุมสีเหลืองยืนอยู่บนยอดเขา ภาพวาดกลายเป็นสีเหลืองจากระยะเวลาอันยาวนานไม่สิ้นสุด ผู้คนในภาพวาดก็ล่วงลับไปนานแล้ว
มีเพียงภูเขาที่สูงตระหง่านในภาพวาดเท่านั้นที่ยังคงโดดเด่นเป็นสง่า พร้อมกับปลดปล่อยพลังมหาศาลออกมา
“ท่านฟู่ ข้าทำตามคำสั่งของท่านลุล่วงแล้ว”
ชายชราคุกเข่ากราบภาพวาด
ภาพในอดีตปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง
“เจ้ามอบสัญลักษณ์ประจำตัวนี้ให้กับใครบางคนที่เจ้าคิดว่าเหมาะสม แต่หากเขาเป็นคนดีเจ้าก็ฆ่าเขาซะแล้วค่อยตามหาคนใหม่!
ในฐานะผู้สืบทอดของข้าราชาผู้ยิ่งใหญ่เขาต้องเป็นคนเลวสุดขั้วเท่านั้น หากเขาเป็นคนดีข้าจะไม่อาจตายตาหลับได้!”
“นายท่าน อะไรคือคนดี อะไรคือคนเลว? คนดีทำชั่วได้ คนชั่วทำดีได้ บ่าวก็แค่คนแก่โง่ๆคนหนึ่ง บ่าวกลัวว่าจะไม่อาจจะสานต่อปณิธานของนายท่านได้สำเร็จ”
“ในโลกนี้มีเรื่องราวที่พลิกผันมากมาย หากเจ้ามองว่าเขาเป็นคนดีเจ้าก็ฆ่าเขาซะ”
“ขอรับนายท่าน”
…………
“เขาเป็นคนดีหรือเปล่า”
ในห้องชั้นในชายชราคุกเข่าอยู่ที่นั่นค่อยๆเงยศีรษะขึ้น
“เขาเป็นคนดีจริงๆ แต่ในสายตาข้า เขาคือคนเลว”
หลังจากที่ชายชราพูดจบใบหน้าของเขาเริ่มมืดลง ใบหน้าและมือของเขาเริ่มมีเส้นขนสีเหลืองงอกออกมา ใบหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยวและกลายเป็นใบหน้าที่มีขนดกรวมทั้งฟันอันแหลมคมที่แสยะยิ้มอย่างน่าสยดสยอง!
นี่คือลิงชราตัวหนึ่ง!
เขากำเนิดในป่าแห่งภูเขาไท่ซาน เขาทำหน้าที่เป็นเทพารักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องภูเขาไท่ซานให้ร่มเย็นเป็นสุข!
“ลูกชายของข้าปกป้องทุกสรรพชีวิตในภูเขาไท่ซาน แต่เขากลับได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากการทรยศเนรคุณ!
ชายคนนั้นยืนอยู่ในตำแหน่งของมนุษย์และสังหารลูกชายของข้าโดยไม่สนใจถูกผิด !
ทำไม!
ทำไม!
เพราะเขาเป็นมนุษย์ เขาเป็นมนุษย์ก่อนที่จะตาย!
ดังนั้นตราบใดที่มีมนุษย์ได้รับความเดือดร้อนเขาก็จะลงมือช่วยเหลือโดยไม่สนใจเหตุผลใดๆทั้งสิ้น เขาเป็นคนเลวเขาเป็นคนเลวที่สุดในสายตาของข้า? “
ชายชราคุกเข่าลงและหลั่งน้ำตาออกมา
“ในมุมมองของมนุษย์เขาเป็นคนดี แต่บ่าวเฒ่าคนนี้เป็นลิงในสายตาของข้าเขาจึงเป็นคนเลว ฮ่า ฮ่า ในที่สุดข้าก็ไม่อาจปล่อยให้เขาตายได้
ฟู่จุนผู้ยิ่งใหญ่ นี่หรือคือความหมายที่แท้จริงในคำพูดของท่าน?
บ่าวเฒ่าติดตามรับใช้ท่านมานานปี แต่แม้ว่าท่านจะตายไปแล้วท่านก็ยังไม่แสดงความเมตตาต่อข้า
ลิงชรานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างหมดเรี่ยวแรงและลิงสีทองในสภาพวิญญาณก็วิ่งออกมาคุกเข่าที่ด้านหน้าของชายชราอีกต่อหนึ่ง
“เอี๊ยดๆ…”
ลิงน้อยตะโกนติดต่อกันหลายคำก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป
……………
เมื่อโจวเจ๋อกลับไปที่ร้านหนังสือก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ประตูร้านหนังสือยังคงเปิดอยู่และมีคนมากมายอยู่ในนั้น
โจวเจ๋อจำได้ว่าซูชิงหลางโทรหาเขาและบอกว่าธุรกิจวันนี้ของเขาดีมาก ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจริงขณะนี้ยังมีแขกอยู่เต็มร้านไม่ได้จากไปไหน
แต่เมื่อโจวเจ๋อผลักเปิดประตูกระจก โจวเจ๋อก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเพราะลูกค้าทั้งหมดในร้านทั้งสิบกว่าคนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่
นี่มันเป็นธุรกิจที่ดีแบบไหน โจวเจ๋อไม่เข้าใจจริงๆ?
ในตอนนี้ลูกค้าในร้านพวกเขานั่งรวมกันเป็นวงกลม และมีใครบางคนยืนอยู่ตรงกลางทำหน้าที่เล่าเรื่องสยองขวัญ
คนอื่นๆก็ตั้งใจฟังราวกับว่าพวกเขากำลังประสบกับเรื่องสยองขวัญนั้นด้วยตัวเอง ผู้บรรยายสามารถเล่าเรื่องได้อย่างมีจังหวะจะโคนพร้อมกับแสดงท่าทางทำให้เกิดอรรถรสในการฟังเป็นอย่างมาก
ไป๋อิ่งกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่หลังเคาน์เตอร์
เมื่อโจวเจ๋อกลับมาไป๋อิ่งก็ลุกขึ้นยืนและเทน้ำให้โจวเจ๋อหนึ่งแก้ว
โจวเจ๋อนั่งลงและเอามือปิดหน้าอกโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าจะมีเสื้อผ้าปิดบังไว้ แต่อย่างน้อยตอนนี้พื้นที่นั้นก็ว่างเปล่า
“เจ้านายคุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ไป๋อิ่งถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ทำไมเหรอ?” โจวเจ๋อมองไปที่ไป๋อิ่ง
“ฉันรู้สึกเหมือนคุณไม่เหมือนเดิม มันเหมือนกับว่าคุณไม่ใช่ตัวคุณเมื่อตอนบ่าย”
ต้องบอกว่าไป๋อิ่งมีประสาทสัมผัสที่อ่อนไหวเป็นอย่างมาก
“ไม่มีอะไร” โจวเจ๋อไม่อยากคุยตอนนี้
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปเล่นเกมร้านข้างๆได้ไหม” ไป๋อิ่งอ้อนวอน
โจวเจ๋อพยักหน้า
“เจ้านายใจดีที่สุด”
ไป๋อิ่งไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างๆ ในไม่ช้าซูชิงหลางก็เดินเข้ามาในร้านหนังสือ เขายื่นบุหรี่ให้โจวเจ๋อแล้วถามว่า
“นี่คืองานเลี้ยงน้ำชาหรือ? เฮ้ ฟังดูเหมือนเรื่องผีเลยนะ”
ซูชิงหลางดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้ เขารีบไปหาม้านั่งพลาสติกเพื่อมานั่งฟังคนที่บรรยายอยู่
คนที่อยู่ตรงกลางวงเล่าเรื่องการแก้แค้นของผีทารก เขาเล่าเรื่องได้อย่างมีรสชาติและคนที่ฟังอยู่ต่างก็ตื่นเต้นไปกับสถานการณ์ที่เขาเล่า
โจวเจ๋อเข้าใจอย่างช้าๆว่านี่ควรเป็น “สมาคม” คล้ายกับชมรมอ่านหนังสือหรือชมรมปั่นจักรยาน พวกเขามารวมตัวกันเพราะความสนใจในบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกัน
ในตอนท้ายของเรื่อง ผู้นำคนหนึ่งก็หยิบกระดาษขาวแผ่นใหญ่ที่มีภาพวาดอยู่บนนั้นแล้วหยิบปากกาด้ามหนึ่งออกมา
โจวเจ๋ออยู่ไกลออกไปเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงมองเห็นไม่ชัด ซูชิงหลางซึ่งอยู่ใกล้กว่าหันมาขยับปากพยักพเยิดว่า
“ผีปากกา”