147 – คนสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
หวังเค่อเอนหลังและมองไปที่โจวเจ๋อดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตาของเขามีความลึกซึ้ง
“ผมไม่เคยเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณ”
“ตกลง”
หวังเค่อหยิบภาพออกมาจากลิ้นชักแล้วหันกลับมาวางตรงหน้าโจวเจ๋อ
ฉากหลังของภาพคือประตูโรงพยาบาล โรงพยาบาลที่เกิดเหตุ โจวเจ๋อยังเห็นนาฬิกาที่คุ้นเคยอยู่ด้านหลังภาพ
“ในภาพมี 17 คน มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 4 คน พยาบาล 4 คน แพทย์ 3 คน และ ผู้บริหาร 2 คน ด้านหน้ามีสี่คน
สองคนกลางคือเจ้าของทุนสนับสนุนของโรงพยาบาล คนหนึ่งคือผู้รับผิดชอบแพลตฟอร์มการพนัน และคนซ้ายคือหมอชราที่มีชื่อเสียงในตงเฉิงซึ่งเกษียณอายุแล้ว
ผู้เสียชีวิตของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คน พยาบาลสี่คน แพทย์สามคน และผู้บริหารสองคนเสียชีวิตในวันนั้น
อย่างไรก็ตาม สองในสี่คนในแถวหน้าเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ตัวอย่างเช่น ผู้สนับสนุนโรงพยาบาลประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หมอชราเสียชีวิตที่บ้านเมื่อสามวันก่อน ผมเพิ่งได้ข่าวว่าเจ้าของแพลตฟอร์มเว็บพนันนี้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อคืน.. ”
หวังเค่อถอนหายใจขณะที่พูด
โจวเจ๋อเหยียดมือออกแล้ววางลงบนภาพถ่าย จากนั้นเขาก็ค่อยๆผลักหวางเค่อออกไปเพื่อให้นิ้วที่บดบังภาพถ่ายของเขาเลื่อนออกจากรูป
“คนสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”
หวังเค่อค่อยๆขยับนิ้วออก ใบหน้าของชายคนที่สี่ที่เขาใช้นิ้วปิดบังไว้ก็ปรากฏออกมา
มันเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย คือใบหน้าของหวังเค่อ!
โจวเจ๋อมองขึ้นไปที่หวังเค่อ
หวังเค่อกางมือออก
“ใจเย็นๆ ฟังคําอธิบายของผมก่อน”
“ไม่คิดว่าคุณจะตกต่ำถึงขนาดนี้” โจวเจ๋อจุดบุหรี่
“อย่าเพิ่งด่วนสรุป มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมจริงๆ หมอชราคนนี้คืออาจารย์ของผมในตอนที่เรียนอยู่ เขาบอกว่าเขาเปิดคลินิกและขอให้ผมไปร่วมพิธีตัดริบบิ้นดังนั้นผมจึงไม่อาจปฏิเสธ
เรื่องที่พวกเขาเล่นพนันกับชีวิตผู้คนนั้นผมไม่รู้ไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น ผมไม่ได้ไปโรงพยาบาลนี้อีก เลยตั้งแต่วันตัดริบบิ้น ผมไม่เคยรับเงินจากพวกเขาแม้แต่แดงเดียว ”
หวังเค่อมองไปที่โจวเจ๋อ
“อันที่จริงมันยากสําหรับคุณที่จะจินตนาการว่าธุรกิจสีดําพวกนี้ทําเงินมากแค่ไหน ถ้าผมมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ผมจําเป็นต้องพึ่งพาเงินทุนจากคุณเจิ้งหรือ?
คุณน่าจะเห็นแล้วตอนที่เราอยู่บ้านของคุณเจิ้งว่าผมต้องง้อเขามากแค่ไหน ต่อให้เขาดุด่าผมเหมือนหมูเหมือนหมาผมก็ยังต้องอดทนเพราะผมต้องการเงินทุนจากเขา? “
หวังเค่อกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ แม้ว่าคนทั้งโลกจะเข้าใจเขาผิดแต่เขาไม่ต้องการให้น้องชายคนเดียวของเขาเข้าใจผิดไปด้วย
“คุณไม่มีความจริงใจ ที่คุณต้องการก็แค่กลัวว่าฆาตกรจะมาฆ่าคุณเท่านั้น ดังนั้นคุณจึงต้องการให้ผมช่วยเหลือคุณ”
“อย่าใจร้ายนักสไอ้น้องชาย” หวางเค่อดูเหมือนจะหมดความอดทนดังนั้นเขาจึงเลิกทําตัวสุภาพ
“เพียงฉันเห็นรูปสเก็ตฉันก็รู้ว่าคนที่ลงมือนาย ดังนั้นฉันไม่คิดหรอกนะว่านายจะมาฆ่าฉันด้วยที่ฉันเรียกนายมาที่นี่ก็เพราะๆฉันต้องการคิดหาวิธีช่วยนายเท่านั้น”
“คืนนี้ผมจะอยู่ที่นี่ หวังว่าฆาตกรจะมาหาคุณคืนนี้ก็แล้วกัน”
โจวเจ๋อไม่สามารถอยู่ที่บ้านของหวังเค่อได้ตลอดไปดังนั้นเขาจึงต้องกําหนดเวลาให้ชัดเจน
“แล้วภรรยาและลูกสาวของคุณล่ะ” โจวเจ๋อถาม
“พวกเธออยู่ที่ชั้นบน คืนนี้ผมจะอยู่ข้างล่าง โชคดีที่ฆาตกรฆ่าเฉพาะคนในรูปเท่านั้น”
โจวเจ๋อได้ยินคําพูดและพยักหน้า
เมื่อออกมาจากห้องทํางานโจวเจ๋อเห็นว่าเหล่าเต่ทานน้ําซุปหมดแล้วเขาจึงค่อนข้างโล่งใจ
“อร่อยมั้ย?” หวังเค่อถามด้วยรอยยิ้ม
“ฝีมือดีจริงๆ” เหล่าเต่ํายกย่อง
“ฮ่า ฮ่า นี่เป็นหมูสดที่ภรรยาของผมซื้อมาจากนอกเมืองเป็นประจํา
“ยอดเยี่ยมจริงๆ ” ชายชราเลียริมฝีปาก
“ยังเหลือเต็มหม้อเลยเดี๋ยวผมอุ่นให้”
” ขอบคุณครับ
เห็นได้ชัดว่าเหล่าเต่ยังกินไม่อิ่ม อาหารที่อร่อยขนาดนี้เขาสามารถกินได้เรื่อยๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากชั้นสองว่า
“ที่รักถ้าคุณทํางานเสร็จแล้วคุณก็ขึ้นมานอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะทําความสะอาดห้องครัวเอง”
ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ตรงหัวมุมบันไดเมื่อพูดจบเธอก็เดินกลับห้องนอนของตัวเอง
เธอนอนลงบนเตียงซึ่งเป็นเตียงสีแดงขนาดใหญ่ ตอนนี้มีคนไม่มากนักที่ชอบผ้าคลุมเตียงสีแดงแบบนี้ต่อให้เป็นชนบทก็ตาม
นอกจากนี้ที่ขอบผ้าปูที่นอนยังมีหยดน้ําสีแดงหยดลงมาไม่หยุดหยดน้ําสีแดงพวกนั้นเมื่อรวมกันที่พื้นมันก็ทําให้พื้นกลายเป็นสีแดงฉาน
ชีวิตของหวังเค่อนั้นน่าเบื่อมาก เขาเป็นคนบ้างาน ทํางานหนักเพื่อชีวิตตลอดเวลา
คนที่กลัวความจนในตอนเด็กๆมักจะดื้อรั้นในเรื่องเงินเมื่อโตขึ้น และพวกเขาต้องการความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยจากการสะสมเงิน
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องยากสําหรับคนที่เกิดในครอบครัวปกติที่จะเข้าใจจิตวิทยาของเด็กที่ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า
สิ่งที่พวกเขาขาดไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกของความมั่นคงทางการเงินเท่านั้น
ในอดีตอดีตโจวเจ๋อก็เป็นเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่มีความขี้เกียจแล้วเปิดกว้างมากกว่าไม่มีความลุ่มหลงเหมือนกับพี่ชายคนนี้
ยิ่งหลังจากที่เขา “ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง” เขายิ่งสามารถปล่อยวางเรื่องนี้จนแทบไม่ส่งผลกระทบต่อเขาอีกต่อไปแล้ว