156 – แฟนคลับไม่จําเป็นต้องเป็นคนที่มีชีวิตเสมอไป
หลังจากกลับมาที่ร้านหนังสือโจวเจ๋อก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทําให้เขาประหลาดใจมากกว่าก็คือในเวลานี้ยังมีลูกค้าอยู่แม้ว่าจะปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้วก็ตาม
โจวเจ๋อจะไม่แปลกใจเลยหากแขกที่มาในวันนี้เป็นประเภทที่จะมอบเงินมากมายมหาศาลให้เขา แต่สิ่งที่เขาพบกับเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่
หญิงสาวในชุดขาวนั่งอ่านหนังสือและเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เธอน่าจะอายุยี่สิบห้าหกปี มีรูปร่างหน้าตาดี แต่นิสัยการอ่านของเธอแตกต่างจากคนทั่วไป
เธอมองบทความในหนังสือแล้วก็เบือนหน้าหนีจากนั้นก็กลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง นิสัยนี้พบได้เฉพาะในนักเรียนชั้นประถมศึกษาเมื่อพวกเขาเรียนรู้วิธีอ่านเป็นครั้งแรก
ไป๋อิ่งไม่คิดจะต้อนรับลูกค้าในร้านเพราะเธอเพิ่งต่อสู้กับชายชราที่น่าขยะแขยงคนนั้น เธอติดตามโจวเจ๋อมาเป็นเวลานานดังนั้นเธอจึงซึมซับนิสัยรักความสะอาดของเขาด้วย
ที่บอกว่าเธอซึมซับนิสัยรักความสะอาดของโจวเจ๋อนั้น ก็เพราะเธอเป็นผีดิบที่นอนอยู่ใต้ดินมาสองร้อยปีแล้ว โจวเจ๋อไม่มีทางเชื่อว่าตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมานั้นเธอจะมีโอกาสได้อาบน้ำแม้แต่ครั้งเดียว
เหล่าเต๋ออกไปซื้ออาหารมื้อเย็น ในขณะที่ซูชิงหลางไม่ได้กลับมาที่ร้านในช่วงนี้
การกินอาหารของทุกคนค่อนข้างจะมีปัญหาเพราะโดยปกติแล้วซูชิงหลางคือคนที่ดูแลด้านอาหารการกินของทุกคน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ โจวเจ๋อรู้สึกเศร้าเล็กน้อยซูชิงหลางยังไม่กลับมา น้ำผลไม้ของเขากําลังจะหมดแล้ว ดังนั้นการกินอาหารของเขายิ่งจะเป็นปัญหามากขึ้นไปอีก
โจวเจ๋อไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่เทน้ำสองแก้วแล้วเดินไปหาหญิงสาว เขาวางแก้วไว้ที่โต๊ะด้านหน้าก่อนจะนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามหญิงสาว
แม้จะรู้สึกน่าเสียดายที่ไม่ใช่ผีที่เข้ามาใช้บริการในร้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรลูกค้าก็มาถึงแล้ว เขาก็ต้องบริการให้ดีที่สุด
“ขอบคุณ.”
หญิงสาวมองโจวเจ๋อสักครู่ จากนั้นก็กลับไปดูนิตยสารที่อยู่ในมือของตัวเองต่อไป
โจวเจ๋อรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เพราะในตอนนี้หญิงสาวกําลังอ่านหนังสือด้วยท่าทางจริงจัง
หลังจากนั้นไม่นานดูเหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นดวงตาของโจวเจ๋อ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองโจวเจ๋ออีกครั้งแล้วยิ้ม
“คุณเป็นเจ้าของร้านเหรอ” หญิงสาวถาม
โจวเจ๋อพยักหน้าแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ
“ธุรกิจในร้านหนังสือนี้เป็นอย่างไรบ้าง” หญิงสาวถามอีกครั้ง
โจวเจ๋อขมวดคิ้ว เขาเกลียดคําถามนี้ เพราะคนที่ถามคําถามนี้ล้วนได้เห็นแล้วว่าธุรกิจของร้านหนังสือนี้ไม่ดี
แต่โจวเจ๋อไม่สามารถอธิบายให้พวกเขาฟังได้ว่าสิ่งที่เขาทําคือธุรกิจของคนตาย ดังนั้นเขาได้แต่อดทนกับคําถามเหล่านี้เหมือนคนใข้อมบอระเพ็ด
“ไม่เลว”
“ฉันก็คิดว่าไม่เลว การได้มานั่งอ่านหนังสือที่ร้านนี้ตอนดึกๆมันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก” เด็กหญิงคนนั้นกล่าว
“ดี”
หลังจากจัดการเรื่องของเด็กหญิงตัวน้อยได้สําเร็จโจวเจ๋อก็อารมณ์ดีและต้องการคุยกับใครบางคน
“เสียงคุณดูค่อนข้างคุ้นเคย คุณเป็นนักจัดรายการวิทยุหรือเปล่า”
หญิงสาวส่ายหัว
“ไม่น่าจะใช่มั้ง เหมือนผมเคยได้ยินเสียงของคุณจากที่ไหนสักแห่ง ?”
หญิงสาวยิ้มและพยักหน้า
“บอส ไม่ใช่ว่าอาชีพที่ใช้เสียงจะต้องเป็นนักจัดรายการวิทยุเท่านั้น”
“แล้วมันคืออะไร”
“นิยาย” หญิงสาวหยิบมือถือออกมาแล้วถามว่า “ปกติคุณฟังนิยายเสียงหรือเปล่า?”
โจวเจ๋อจําได้ว่าในคอมพิวเตอร์ของซูเล่อดูเหมือนจะมีนิยายเสียงอยู่ไม่น้อย
”เป็นครั้งคราว” โจวเจ๋อพูดอย่างมีมารยาท
” นามปากกาของฉันคือ” ยั่วเย่ “ โดยปกติแล้วฉันจะอ่านนิยายของตัวเองให้กับคนที่ขี้เกียจอ่านฟัง” หญิงสาวแนะนําตัวเองกับโจวเจ๋อ
“ปกติคุณอ่านนิยายแนวไหน?”
“ก่อนหน้านี้ทํานิยายสยองขวัญ”
“ก่อนหน้านี้?” โจวเจ๋อจับประเด็นได้
“ช่วงนี้ฝ่ายบริหารไม่อนุญาตให้อ่านนิยายแนวสยองขวัญ คุณก็คงเข้าใจประเทศของเราเป็นแบบไหน ดังนั้นฉันจึงคิดจะหานิยายแนวอื่น ยังไงซะฉันก็เรียนนิเทศมาคงต้องหางานในสายงานแบบนี้ให้ได้ ”
” แล้วการบรรยายพิเศษล่ะ?”
“ค่ะ ฉันเริ่มมีคลาสสอนเป็นของตัวเองแล้ว พวกเรารวมกลุ่มเป็นอาสาสมัคร และทําการสอนฟรีให้กับเด็กยากไร้”
โจวเจ๋อรู้สึกอึ้งเล็กน้อย การเป็นอาสาสมัครนั้นเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากความคิดของเขามากแม้ว่าในชีวิตที่แล้วเขาจะรักอาชีพของตัวเองและรักการช่วยเหลือชีวิตคน
แต่นั่นมันก็มีเงินเดือนไม่เหมือนกับอาสาสมัคร
หญิงสาวพูดคุยกับโจวเจ๋อไปเรื่อยๆโดยไม่เบื่อ เธอเป็นคนชอบคุย แน่นอนว่าสิ่งที่เธอคุยส่วนมากก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับงานของเธอ
“ทําไมคุณถึงมาที่นี่” โจวเจ๋อถาม
โดยเฉพาะในตอนดึก
“แฟนคลับบอกให้มา” หญิงสาวตอบและกล่าวอีกว่า “เขาติดตามผลงานของฉันมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มต้นอาชีพนี้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว
เขาจะส่งข้อความให้กําลังใจฉันทุกวัน เขาบอกว่าเขาอาศัยอยู่ในตงเฉิง แต่ตอนนี้เขาจําเป็นต้องเดินทางออกจากตงเฉิงไปไกลแสนไกล เขาจึงอยากชวนฉันมาพบเขา ฉันตกลง. “
“เขามีค่าจ้างให้คุณหรือเปล่า?” โจวเจ๋อถาม
หญิงสาวส่ายหัว “ไม่มี แต่คนที่ติดตามคุณในช่วงเวลาที่คุณไม่มีใคร คือคนที่ควรค่าแก่การหวงแหนและปกป้องมากที่สุดไม่ใช่เหรอ”
“เขาบอกให้คุณมาที่ร้านหนังสือนี้แล้วเขาจะจากไปไกลอย่างนั้นหรือ?”
โจวเจ๋อคาดเดาบางอย่างในใจได้แล้ว
ในสายตาของคนเป็นร้านหนังสือของเขานั้นเป็นแค่ร้านหนังสือธรรมดา แต่ในสายตาของคนอีกประเภทหนึ่งร้านหนังสือของเขามีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น
“แฟนคลับของคุณทุกคนเป็นคนที่มีชีวิตหรือเปล่า”
“แน่นอน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนักแต่ก็ไม่มีทางที่ฉันจะบั้มผู้ติดตามหรอกนะ”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวเข้าใจความหมายของโจวเจ๋อผิด
โจวเจ๋อส่ายหัวและไม่ได้พูดอะไรอีก
หญิงสาวคิดว่าโจวเจ๋อไม่เชื่อดังนั้นเธอจึงพูดต่อไปว่า
“บอส แม้ว่าตลาดหนังสือเสียงจะไม่ค่อยได้รับความนิยม แต่คนในประเทศเราก็มีมากถึง 1,500 ล้านคน เมื่อคิดจากสัดส่วนนี้ผู้ติดตามของฉันก็ถือว่าไม่น้อยเลย
คุณควรรู้ว่าการมองเห็นจะจํากัดจินตนาการของผู้คนและการได้ยินจะกระตุ้นจินตนาการของผู้คนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ”
“มันเป็นข้อคิดมที่ลึกซึ้งมาก”
โจวเจ๋อลุกขึ้นยืนเมื่อไป๋อิ่งก็ออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาต้องการที่จะไปอาบน้ำต่อจากเธอ
แต่ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเปิดประตูร้านเข้ามา เขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมเสื้อสีขาว เขามองมาที่โจวเจ๋อด้วยความอายและหวาดกลัว
จากนั้นเขาก็เดินมาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆโจวเจ๋อ
“ผมชอบผลงานของคุณมากแต่ผมต้องไปแล้วได้โปรดทํางานของคุณอย่างเต็มที่ คุณไม่ใช่เด็กใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เหมือนเมื่อก่อน แต่คุณเป็นคนดังแล้ว แม้ว่าคุณจะยังไม่มีบริษัทเป็นของตัวเองแต่ผมเชื่อว่าคุณจะก้าวไปข้างหน้าได้ ! สู้ๆอย่ายอมแพ้! ”
ชายหนุ่มทําท่าทางให้กําลังใจหญิงสาว แต่หญิงสาวไม่ได้ยินอะไรเลย สายตาของเธอจับจ้องไปที่นาฬิการาวกับว่ากลัวจะผิดนัดกับแฟนคลับคนนั้น
โจวเจ๋อไม่ได้รีบส่งชายหนุ่มไปนรก เขาเดินทําความสะอาดร้านไปเรื่อยๆเพื่อปล่อยให้ชายหนุ่มมีโอกาสได้มองหญิงสาวมากกว่านี้
ในความเป็นจริง บนหน้าจอคุณไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างชายและหญิงหรือความสวยงามน่าเกลียดได้
บางทีในคอลัมน์พื้นที่รีวิวหนังสือ คนที่มาคอมเม้นให้กําลังใจคุณอาจไม่ใช่คนที่มีชีวิตอยู่เสมอไป