บทที่ 488 ไม่รู้สึกถึงวิกฤต

บทที่ 488 ไม่รู้สึกถึงวิกฤต

เมื่อโจวข่ายกลับมาจากภารกิจ นายทหารยืนยามก็ตะโกนเรียกเขา

มีใครในแคมป์ทหารแห่งนี้ที่ไม่รู้จักผู้บังคับบัญชาจอมโหดผู้นี้บ้าง “มีพัสดุกล่องใหญ่ส่งมาถึงคุณน่ะครับ มันถูกส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อวานซืนนี้ ผมเก็บไว้ให้แล้ว”

“คุณแม่ผมส่งมาให้หรือครับ?” เมื่อมีคนส่งของมาให้ โจวข่ายจะนึกถึงม้าของตน มีแต่ม้าของเขาเท่านั้นที่ส่งของมาให้เขา

“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน มาดูสิครับ มาจากปักกิ่งน่ะครับ” ทหารยามพูด

โจวข่ายรู้ว่าม้าจะต้องเป็นคนส่งของมาให้ที่นี่แน่ เป็นตามที่คาดไว้ เธอส่งเนื้อตากแห้งมาให้เยอะมาก ทั้งหมดเป็นกลิ่นพะโล้ แค่ได้กลิ่นเขาก็บอกได้เลยว่ารสชาติต้องเข้มข้นและอร่อยมากแน่

แต่สิ่งที่โจวข่ายให้ความสำคัญคือจดหมายของครอบครัว

ม้าของเขาเล่าความเป็นไปของที่บ้านให้เขารู้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก เขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่บ้าน และดูแลตัวเองให้ดีเมื่อมาอยู่ข้างนอกนี่

โจวข่ายออกมาที่ด้านนอกแคมป์ เขาเอาเนื้อตากแห้ง 3 ชั่งมาที่นี่ด้วยโดยเฉพาะ

เขาเอาเนื้อ 3 ชั่งไปที่โรงพยาบาลทหาร เวิงเหม่ยเจี่ยอยู่ที่นั่น ตอนที่เขามาถึง เวิงเหม่ยเจี่ยก็กำลังงานยุ่ง

งานพยาบาลไม่ใช่งานที่ง่ายเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีครอบครัวทหารอยู่ที่นี่มากมายรวมทั้งมีเด็ก ๆ มาอยู่ด้วยเยอะแยะ พวกเขามักจะร้องไห้และอาละวาดอยู่เป็นประจำ

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เวิงเหม่ยเจี่ยจึงเสร็จจากงานของหล่อน

“ทำไมพี่ถึงว่างได้ล่ะคะ?” เวิงเหม่ยเจี่ยถาม

“แม่ส่งเนื้อตากเนื้อมาให้น่ะ ฉันก็เลยเอามาฝากเธอด้วย เก็บไว้กินนะ” โจวข่ายบอกพร้อมกับส่งถุงไปให้หล่อน

ด้านในมีถุงกระดาษอยู่ทั้งหมด 3 ถุง แต่ละถุงเป็นเนื้อตากแห้งถุงละ 1 ชั่ง

“คุณอาหลินใจดีกับพี่มากจริง ๆ นะคะ” เมื่อเวิงเหม่ยเจี่ยได้ยินว่าหลินชิงเหอเป็นคนส่งมาให้ หล่อนก็ยิ้มกว้างออกมาทันที หล่อนรับของทั้งหมดเอาไว้อย่างไม่สงวนท่าทีใด ๆ

“ช่วงนี้งานเป็นยังไงบ้าง?” โจวข่ายถามขึ้นอีกครั้ง

“ดีมาก ๆ เลยค่ะ ฉันเริ่มคุ้นเคยกับมันแล้วค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยตอบ หล่อนชอบงานนี้มากจริง ๆ ถึงแม้งานจะยุ่งมากก็ตาม

“อย่าริมีความรักก่อนวัยล่ะ พี่ได้ยินพวกเด็กหนุ่ม 2-3 คนทางพวกเราพูดถึงเธอด้วย” โจวข่ายเตือน

เขารู้สึกว่าตนเองเป็นพี่ชาย ซึ่งมีหน้าที่จะต้องคอยสอดส่องดูแล

เวิงเหม่ยเจี่ยหัวเราะขึ้นมาทันที “พวกเขาพูดถึงฉันว่าอะไรบ้างคะ?

“ไม่ได้พูดว่าอะไร แค่มีเจตนาไม่ดีต่อเธอเท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก ถ้าพวกเขากล้ามาวุ่นวายกับเธอ ก็มาบอกฉัน แล้วฉันจะจัดการให้เอง” โจวข่ายบอก

แค่พูดว่ามีสาวสวยแถมยังมีการศึกษาสูงมาอยู่ที่โรงพยาบาลทหาร เจ้าลูกหมาป่าหลายตัวก็เกิดความคิดที่จะตามจีบหล่อน

พอโจวข่ายได้ยินเรื่องนี้ เขาก็เพิ่มการฝึกให้หนักขึ้น เขาฝึกหนักจนเจ้าพวกนั้นเหนื่อยจนต้องกองลงไปอยู่กับพื้นเลยทีเดียว ดูซิว่ายังจะมีแก่ใจไปคิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่อีกหรือเปล่า

อันที่จริงแล้ว เจ้าลูกหมาป่าตัวน้อยที่เขาเอ่ยถึงพวกนี้ส่วนใหญ่อายุมากกว่าเขาเสียอีก ปีนี้เขาเพิ่งอายุ 19 ปีเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นวุฒิทางการศึกษาหรือด้วยความสามารถของเขาเอง ทั้งหมดทำให้เขาได้รับการยอมรับนับถือ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรลุภารกิจได้ถึง 2 ภารกิจติดต่อกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเขาก็ทำได้สำเร็จอย่างงดงาม ซึ่งทำให้ไม่มีใครสามารถปรามาสเขาหรือไม่พอใจเขาในเรื่องที่เขายังอายุน้อยอยู่

ยังมีเหล่าคนที่รู้สึกไม่พอใจอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งลุกขึ้นคัดค้านและได้ต่อสู้ประลองกัน ที่สุดพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ไปภายใน 3 ยกเท่านั้น

เวิงเหม่ยเจี่ยมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “ตอนนี้พี่เป็นแบบนี้ ถ้าคุณอาหลินมาเห็นเข้าจะต้องพูดเตือนพี่แน่เลยค่ะ พี่มีภารกิจที่ต้องไปทำอีกหรือเปล่าคะ?”

เขาดำคล้ำขึ้นมากและยังผอมลงอีกด้วย

“ไม่มีอะไร มันควรจะต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว” โจวข่ายตอบก่อนที่จะพูดย้ำเตือนหล่อนขึ้นมาอีก “อย่าไปคบหากับใครง่าย ๆ ล่ะ เธอยังเด็กอยู่”

“รีบไปได้แล้วค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยไม่อยากจะคุยกับเขาต่อ หล่อนไม่ใช่เด็ก ๆ อีกแล้ว

โจวข่ายขมวดคิ้วกับปฏิกิริยาของหล่อน เขาไม่อยากให้น้องสาวข้างบ้านตัวน้อยต้องแต่งงานเร็วเกินไป หากหล่อนต้องการจะแต่งงาน หล่อนก็ต้องพามาให้เขาดูว่าคนผู้นั้นเป็นอย่างไร แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่กลับไปก่อน

“คนโง่เง่า” เวิงเหม่ยเจี่ยพูดงึมงำออกมาในขณะที่มองตามหลังร่างสูงห้าวหาญของเขาจากไป

ชายร่างสูงเช่นนี้ดึงดูดสายตาของคนทั้งโรงพยาบาล แม่เฒ่าหลายคนมาถามเวิงเหม่ยเจี่ยว่าน้องชายคนนี้มาจากไหน แต่งงานหรือยังและอื่น ๆ

เห็นได้ชัดว่าต้องการจะจับคู่

เวิงเหม่ยเจี่ยให้คำตอบกับทุกคน หลังจากนั้นหล่อนก็พึมพำเสียงเบาว่า “ยังจะมาพูดเกี่ยวกับฉันอีก ไม่ว่าพี่จะไปที่ไหนก็มีแต่คนจับตามองไปที่พี่”

หล่อนเก็บเนื้อตากแห้งเอาไว้ 1 ชั่งสำหรับตนเอง ที่เหลืออีก 2 ชั่งหล่อนแบ่งไปให้พี่ใหญ่และพี่รองคนละ 1 ชั่ง

“คุณอาหลินให้มาน่ะครับ” เวิงกั๋วเหลียงพูดในขณะที่เอามาให้พี่ใหญ่ของตน ปากของเขากำลังเคี้ยวเนื้อตากแห้งอยู่ตุ้ย ๆ มันหนึบหนับดีจริง ๆ

“ฉันยังไม่เคยเจอคุณอาหลินคนนี้เลย” เวิงกั๋วต้งพูด

เขาไม่ค่อยจะได้กลับบ้านนัก แต่เขาก็รู้ว่าครอบครัวของตนกับครอบครัวตระกูลโจวมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกัน เมื่อไม่นานมานี้เขาได้คุยกับแม่ของตนทางโทรศัพท์ เวิงกั๋วต้งลูกชายคนโตของครอบครัวเวิงได้ยินแม่ของเขาเล่าว่าหล่อนไปบ่อน้ำพุร้อนกับคุณอาหลินคนนี้

จากเรื่องนี้สามารถบอกได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาดีทีเดียว

“ปีนี้พี่จะกลับไปไม่ใช่เหรอครับ? พอถึงเวลานั้นก็ไปเจอดูซิครับ แม่อยากจะแนะนำหลานสาวคุณอาหลินให้พี่อยู่” เวิงกั๋วเหลียงพูดอย่างร่าเริง

เวิงกั๋วต้งส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ตอนนี้แม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องของเขา แต่เขาไม่รีบร้อนจริง ๆ เมื่อโชคชะตานั้นมาถึงเขาคงจะได้เจอใครสักคนเอง

พักเรื่องทางครอบครัวเวิงไว้ก่อน ฝ่ายหลินชิงเหอก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายคนโตของตนในวันจันทร์

เขาโทรมาในตอนที่เธอกำลังเก็บของเตรียมตัวจะกลับบ้าน หลินชิงเหอบอกไปว่า “ถ้าลูกโทรมาช้ากว่านี้อีกนิด ม้าคงจะกลับบ้านไปแล้วคงจะไม่ได้รับโทรศัพท์จากลูกหรอก”

“ม้าครับ เนื้อตากแห้งของม้าอร่อยมาก ๆ เลยครับ พวกเพื่อน ๆ ผมชอบกินกันมากจนอยากจะกินเพิ่มกันอีกทุกคนเลยครับ” โจวข่ายยิ้ม

“ถ้างั้นม้าจะทำส่งไปให้ลูกอีกนะจ๊ะ” หลินชิงเหอยิ้มกว้างเต็มหน้า

“ไม่ต้องหรอกครับ ครั้งก่อนที่ม้าส่งมาพอแล้วครับ ไม่ต้องไปตามใจพวกเขาหรอก” โจวข่ายพูด “ม้าเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีจ้ะ ไม่ต้องเป็นห่วงที่บ้านนะ คุณปู่คุณย่ากับคุณปู่ทูนหัวก็แข็งแรงดี แล้วทางลูกล่ะจ๊ะเป็นยังไงบ้าง?” หลินชิงเหอถาม

“ไม่ต้องเป็นห่วงทางผมหรอกครับ” โจวข่ายตอบ

แม่และลูกชายพูดคุยกัน จากนั้นหลินชิงเหอก็ถามถึงเวิงเหม่ยเจี่ย ซึ่งโจวข่ายบอกว่า “ยัยเหม่ยเจี่ยสวยมากจนเจ้าพวกลูกหมาป่าทั้งหลายจ้องหล่อนตาเป็นมันเลยละครับ”

เมื่อได้ยินเรื่องที่เขาพูด หลินชิงเหอก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ม้าบอกลูกไว้เลยนะ ปกป้องเหม่ยเจี่ยไว้ให้ดี เจ้าพวกลูกหมาป่าอะไรนั่นเตะออกไปให้หมดรู้ไหม? ม้าสนิทกับคุณป้าเวิงของลูกมาก ถ้าลูกไม่คอยดูแลให้ดีละก็ปีใหม่อย่าได้กลับมาเลยนะ”

“อืม ดูเหมือนว่าเหม่ยเจี่ยจะเป็นคนโปรดของม้านะครับเนี่ย” โจวข่ายตอบ

“ถูกต้อง เป็นลูกสะใภ้ใหญ่ที่มีคุณสมบัติพร้อมในใจม้าเลยละ” หลินชิงเหอกล่าว

โจวข่ายอยากจะหัวเราะออกมา ตอนนี้เขาอายุเท่าไหร่เอง? และเหม่ยเจี่ยอายุเท่าไหร่? แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรออกมา เขาพูดคุยกับม้าอย่างรื่นเริงก่อนที่จะวางสายลง

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินชิงเหอจึงมาบ่นกับโจวชิงไป๋ “เขาอายุ 19 แล้วแต่ยังไม่เปิดใจอีกนะคะ เขาไม่รู้สึกถึงวิกฤตขึ้นมาบ้างเลยเหรอตอนที่เห็นคนอื่นมาตามจีบเหม่ยเจี่ยน่ะ”

โจวชิงไป๋ไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเอ่ยว่า “พรุ่งนี้เป็นวันหยุด พวกเราไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกันดีไหมครับ?”

“ตกลงค่ะ” หลินชิงเหอไม่ได้คัดค้านอะไร ครอบครัวของเธอจะตรวจร่างกายกันทุกปี ๆ ละ 2 ครั้ง ตอนกลางปี 1 ครั้งและตอนสิ้นปีอีก 1 ครั้ง

……………………………………………………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset