เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ – ตอนที่ 483-484

บทที่ 483 เป็นแพทย์ดูแลเบื้องต้นให้จ๋ายหวินเซิ่ง 2

 

นี่กลับเป็นสัญญาจ้างงาน

 

รายละเอียดของสัญญานั้นเกี่ยวกับการที่เขาจ้างเจี่ยนอีหลิงมาเป็นแพทย์ดูแลเบื้องต้นให้กับเขา

 

“เธอ…” จ๋ายหวินเชิ่งตะลึงไปก่อนจะหยุดชะงักอีกครั้ง เขาพูดไม่ออกกับการที่จะอธิบายความรู้สึกในขณะนี้ได้

 

“ทําไมจู่ๆถึงคิดแบบนี้ขึ้นมาล่ะ”

 

“ปู่ของนายขอให้ฉันมาเป็นแพทย์ดูแลเบื้องต้นให้นาย” เจี่ยนอีหลิงตอบ เธอไม่ได้คิดที่จะโกหกเขา

 

จ๋ายหวินเชิ่งเข้าใจคําพูดของเจี่ยนอีหลิงในพื้นที่ เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดความจริงที่ว่าตัวเขาเองนั้นได้มอบจี้หยกให้เจี่ยนอีหลิง

 

“แล้ว แล้วเธอเต็มใจที่จะทําอย่างนี้เหรอ” จ๋ายหวินเชิ่งถาม

 

เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งถามคําถามนี้ น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

 

“อือ นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่” เจี่ยนอีหลิงตอบ

 

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายไม่ได้บังคับเธอให้มาที่นี่

 

แม้ว่าท่านผู้เฒ่าจ๋ายได้ขอร้องเธอไปแล้ว แต่การตัดสินใจนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจี่ยนอีหลิง

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ๋ายหวินเชิ่ง

 

อืม… สิ่งที่ปู่เขาทําไม่ใช่เรื่องที่ซื่อสัตย์เลย

 

แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ถึงกับไม่ชอบในการจัดการแบบนี้

 

บางทีมันก็ดูร้ายกาจอยู่บ้าง

 

แต่ว่า ตัวเขาเองก็เป็นคนที่ร้ายกาจอยู่เสมอมา

 

ขณะที่เธอตอบคําถามของจ๋ายหวินเชิ่ง เจี่ยนอีหลิงก็ทําอาหารจานสุดท้ายเสร็จแล้ว

 

“เวลาอาหารเย็น”

 

เธอจับเวลาในการทําอาหารตามเวลาที่เขากลับมา

 

บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอร่อยๆ อาหารแต่ละจานมีความสมดุลทางโภชนาการและไม่มีมันเยิ้มเลย นอกจากนี้ยังมีผักมากกว่าเนื้อสัตว์ในจานอีกด้วย

 

เจี่ยนอีหลิงได้สัญญากับท่านผู้เฒ่าจ๋ายว่าจะดูแลยหวินเชิ่ง แน่นอนว่านั่นรวมถึงอาหารเขาด้วย

 

“พรุ่งนี้อย่าทําแบบนี้อีกนะ” จ๋ายหวินเชิ่งกล่าว

 

” ทําไม? นายไม่ชอบเหรอ?” เจี่ยนอีหลิงถาม เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปยังจ๋ายหวินเชิ่งด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์

 

ภายใต้สายตาแบบนั้น แม้ว่าอาหารจะไม่อร่อย จ๋ายหวินเชิ่งก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอาหารนั้นอร่อยตั้งแต่แรก

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น” จ๋ายหวินเชิ่งขมวดคิ้ว เขามองไปที่มือเล็กๆของเจี่ยนอีหลิงและสันนิษฐานว่าร่างกายของเธอได้รับผลกระทบอย่างมากจากการจับมีดทําครัวและไม้พาย

 

เขาไม่ต้องการที่จะทรมานร่างเล็กๆของเธอ

 

“งั้นก็เริ่มกิน” เจี่ยนอีหลิงพูดด้วยน้ำเสียงเชิ่งออกคําสั่ง

 

ในฐานะแพทย์ เธอไม่สามารถประนีประนอมยอมจํานนต่อผู้ป่วยของเธอได้ เธอต้องแน่ใจว่าผู้ป่วยของเธอให้ความร่วมมือ หากผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับเธอ อาการของพวกเขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

 

น่าแปลกที่จ๋ายหวินเชิ่งเชื่อฟังเธอ

 

แม้ว่าเขาจะได้รับคําสั่งให้ทําเช่นนั้น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมุมของริมฝีปากเขาก็ยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

 

หลังอาหารเย็นจ๋ายหวินเชิ่งกลับไปห้องทํางานเพื่อจัดการกับเรื่องงาน

 

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เห็นเจี่ยนอีหลิงกําลังเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์

 

เธอพยายามย้ายโต๊ะเข้าไปในห้องทํางานของเขา

 

“หยุด” จ๋ายหวินเชิ่งร้องตะโกนออกมา คําพูดของเขาทําให้เจี่ยนอีหลิงหยุดชะงัก

 

เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เงอะงะทําไมเธอถึงต้องพยายามย้ายโต๊ะที่ใหญ่กว่าตัวเธอมาก

 

“เธอกําลังทําอะไรอยู่?”

 

“ย้ายโต๊ะ”

 

“ย้ายโต๊ะไปทําไม” จ๋ายหวินเชิ่งถามขณะขมวดคิ้ว

 

แม้ว่ามันจะค่อนข้างง่ายกับการย้ายโต๊ะ แต่ก็ยังดูหนักสําหรับเจี้ยนอีหลิง

 

“ทํางานด้วย” เจี่ยนอีหลิงตอบ เธอต้องการโต๊ะทํางานเพื่อทํางานของเธอ

 

“อะแฮ่ม…” จ๋ายหวินเชิ่งพลันไออย่างรุนแรง “แต่เธอไม่จําเป็นต้องย้ายโต๊ะด้วยตัวเอง เธอคิดว่าเธอแข็งแรงแค่ไหนเชียว”

 

เจี่ยนอีหลิงจ้องไปที่เขา ราวกับว่าเธอกําลังต่อต้านคําพูดของจ๋ายหวินเชิ่ง

 

จ๋ายหวินเชิ่งรู้สึกค่อนข้างขบขันก่อนจะพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะให้คนมาตกแต่งห้องทํางานใหม่สําหรับตอนนี้ เธอมานั่งเบียดกับฉันได้”

 

โต๊ะของจ๋ายหวินเชิ่งค่อนข้างใหญ่ มีพื้นที่เพียงพอสําหรับคนสองคนใช้

 

อันที่จริง พื้นที่ต่อคนค่อนข้างมากกว่าโต๊ะที่พวกเขาได้รับที่โรงเรียนเล็กน้อย

 

จ๋ายหวินเชิ่งย้ายเก้าอี้มาให้เจี้ยนอีหลิง จากนั้นเขาก็วางเบาะหนาไว้บนเก้าอี้อีกด้วย

 

เมื่อเขารู้สึกว่าสถานที่พร้อมแล้ว เขาก็ยอมให้เจี่ยนอีหลิงเข้ามา

 

ทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน จึงทําให้มองไม่เห็นผลงานของกันและกัน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆที่จดจ่ออยู่กับงานของตัวเองอย่างมาก

 

บทที่ 484 การประชุมแลกเปลี่ยนวิชาการ 1

 

ในที่สุดฉินหยูฝานก็สามารถติดต่อกับผู้จัดการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการได้ แม้ว่ากระบวนการทั้งหมดจะค่อนข้างอ้อมไปอ้อมมา แต่ในที่สุด เธอก็สามารถจัดการให้ได้รับบัตรเชิญจนได้

 

ด้วยเหตุนี้ฉินหยูฝานจึงมายังสถานที่จัดการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่พิเศษมากนี้

 

การประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการครั้งนี้ไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม

 

อันที่จริง สถานที่ทั้งหมดได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา เฉพาะผู้ที่มีบัตรเชิญเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้า

 

หลังจากผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและการยืนยันตัวตนหลายครั้ง ในที่สุดฉินหยูฝานก็เข้ามาในสถานที่จัดงาน

 

การประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการนี้จัดขึ้นในห้องบรรยายขนาดเล็ก

 

ในห้องบรรยายดูเหมือนจะมีที่นั่งไม่ถึงแปดสิบที่นั่ง

 

นี่แสดงให้เห็นว่ามีคนที่จะเข้าร่วมการประชุมไม่มากเท่าไหร่นัก

 

ดังนั้น ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้อาจเป็นชนชั้นสูงในวงการการแพทย์ หรือบุคคลสําคัญจากกลุ่มการเงินหลักๆ

 

ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องบรรยาย ฉินหยูฝานก็เห็นใบหน้าที่เธอไม่ถือว่าไม่คุ้นเคย

 

เจี่ยนอีหลิงงั้นเหรอ?

 

ทําไมเธอถึงมาที่นี่ได้?

 

หรือว่านายท่านเชิ่งให้บัตรเชิญกับเธอ

 

สมมติฐานดังกล่าวเป็นคําอธิบายที่สมเหตุผลกับฉินหยูฝาน

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเส้นสายของนายท่านเชิ่ง ก็คงไม่มีทางที่เธอจะได้รับบัตรเชิญให้มาที่นี่

 

เนื่องจากเธอเป็นนักศึกษาแพทย์ เธอต้องสนใจงานประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการแบบนี้แน่นอน

 

และหากเธอสนใจและต้องการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว นายท่านเชิ่งจะต้องช่วยเธอให้ได้รับบัตรเชิญอย่างแน่นอน

 

ฉินหยูฝานจ้องไปที่เจี่ยนอีหลิง เจี่ยนอีหลิงกําลังคุยกับชายวัยกลางคนที่มีผมสีขาวอยู่หลังเวที

 

เนื่องจากระยะห่างระหว่างพวกเธอค่อนข้างมาก เธอจึงไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเลย

 

ฉินหยูฝานไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนที่มีผมสีขาวเป็นใครอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเจี่ยนอีหลิงและชายผู้นั้นรู้จักกันดีทีเดียว

 

ฉินหยูฝานมองดูพวกเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ทําตัวเหมือนปกติ

 

ทําไมเธอถึงสนใจเจี่ยนอีหลิง

 

เรื่องของเจี่ยนอีหลิงไม่เกี่ยวข้องกับเธอ

 

เป็นความสูญเสียของจ๋ายหวินเชิ่งที่ไปชอบเจี่ยนอีหลิงไม่ใช่เธอ

 

เธอจะไม่ลอกเลียนแบบเด็กหญิงคนนั้น

 

และเธอก็ไม่สนใจในสิ่งที่เด็กหญิงคนนั้นทําเช่นเดียวกัน ทําไมเรื่องของเจี่ยนอีหลิงจะทําให้เธอสนอกสนใจได้

 

เมื่อการประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการเริ่มต้นขึ้น บุคคลสําคัญจากวงการต่างๆก็ขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวสุนทรพจน์

 

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของสุนทรพจน์ของพวกเขานั้นคลุมเครือเกินกว่าที่ฉินหยูฝานจะเข้าใจ

 

แต่ฉินหยูฝานกลับให้ความสนใจคนที่เข้าร่วมการประชุมมากขึ้น เธอสังเกตทุกคนอย่างระมัดระวัง ขณะที่เธอพยายามค้นหาบุคคลากรจากโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน

 

หลังจากที่มองไปรอบๆมาชั่วขณะ ฉินหยูฝานก็ยังคิดไม่ออก

 

เธอไม่รู้ว่าตัวเองกําลังมองหาใคร

 

ในที่สุดความสนใจของฉินหยูฝานก็เลื่อนกลับไปที่เจี่ยนอีหลิง เธอสังเกตเห็นว่าเจี่ยนอีหลิงไม่อยู่ในกลุ่มผู้เข้ารับฟังการบรรยาย

 

ทําไมเจี่ยนอีหลิงถึงไม่อยู่ในที่นั่งของเธอ ทําไมเธอถึงไม่ฟังการนําเสนอทางวิชาการ?

 

ระหว่างช่วงพักการประชุม ฉินหยูฟ่านได้พูดคุยกับโปรเฟสเซอร์บางคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

 

เธอหวังว่าจะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับโรงพยาบาลลัวไห่เซินจากปากพวกเขา

 

อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าฉินหยูฝานก็พบว่าบรรดาโปรเฟสเซอร์ก็สนใจโรงพยาบาลลั่วไห่เซินด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่รู้อะไรมากไปกว่าเธอ

 

ศาสตราจารย์หวงจากคณะแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเปยจิงก็อยู่ที่นี่ด้วย

 

เนื่องจากมีการการจํากัดโควตา ศาสตราจารย์หวงจึงนํานักศึกษามากับเขาได้เพียงสองคน ดังนั้นเขาจึงนํานักศึกษาที่เขาตั้งความหวังไว้สูง หนึ่งในนั้นคือลู่หยวนและอีกคนเป็นนักศึกษาชาย

 

เนื่องจากเจี่ยนอีหลิงเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน ศาสตราจารย์หวงจึงไม่พาเธอมาด้วย

 

ก็เหมือนกับฉินหยูฝาน จิตใจของศาสตราจารย์หวงไม่ได้อยู่ที่การประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการ

 

ลู่หยวนมองไปรอบๆสถานที่จัดงาน เธอบังเอิญเห็นเจี่ยนอีหลิงตรงทางเข้าหลังเวที

 

“ศาสตราจารย์ ดูเหมือนว่าเจี่ยนอีหลิงจะอยู่ที่นี่ด้วย”

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

Status: Ongoing Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนืยายเรื่อง เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อเดิมที เจี่ยนอีหลิง เป็นตัวละครประกอบที่มีชะตากรรมเป็นแนวหน้ากล้าตาย แต่ทว่าเมื่อตอนนี้เธอมีความทรงจำจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เจี่ยนอีหลิง ซึ่งเป็นผู้อ่านได้ย้ายเข้ามามีตัวตนในนิยาย จึงได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปเป็นผู้มีอิทธิพลที่แฝงตัวอยู่ ไม่เพียงแต่เจี่ยนอีหลิงจะไม่สนใจในตัวเอกชาย แต่เธอยังคงทำให้ผู้คนรอบกายเธอตกตะลึง สับสน งงงัน ตามต้นฉบับแล้ว พี่ชายทั้งหลายต่างพากันเกลียดเธอ แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนพากันปกป้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย “อี้หลิงตกใจง่าย อย่าทำให้เธอกลัว” “อี้หลิงไม่เคยไปที่ไกลๆ อย่าหลอกเธอ” “อี้หลิงมีร่างกายอ่อนแอ ห้ามรังแกเธอ” คนอื่นๆ ต่างต้องการร่ำร้องไม่อยากเชื่อ มั่นใจเหรอว่าเธอน่ะน่ารักและถูกรังแกได้ง่ายๆ ใครกล้ารังแกเธอกัน ในขณะที่พวกเขาล้วนคิดว่าเพียงแค่บรรดาพี่ชายตระกูลเจี่ยนก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง แต่นั่นก็ยังมีคนอื่นที่คอยเติมส่วนที่เหลือ นายท่านเฉิง “อี้หลิงเป็นคนเปราะบางมาก อย่าทำให้เธอโกรธ ถ้าคุณทำให้เธอโกรธ ผมจะหั่นคุณออกเป็นชิ้นๆและทำเป็นน้ำซุป” คนอื่นๆ “นายท่านเฉิง ผมคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาคุณ ผมแนะนำให้คุณไปหาจักษุแพทย์”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset