บทที่ 495 ตบหน้า 2
ศาสตราจารย์หลายคนรีบไปหยิบเปเปอร์บนโต๊ะ พวกเขาเริ่มอ่านเอกสารพวกนั้น
หลังจากที่พวกเขาอ่านจบ พวกเขาก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
งานวิจัยและรายงานเริ่มต้นเมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว ก่อนหน้านี้ เจี่ยนอีหลิงได้ส่งรายงานของเธอไปยังท่านผู้เฒ่าหยุนแล้ว
ที่จริง รายงานที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นครอบคลุมหัวข้องานวิจัยในเชิงลึกและขอบเขตที่กว้างมาก
เมื่อเทียบกับรายงานที่พวกเขากําลังอ่านอยู่ตอนนี้ รายงานของลู่หยวนเป็นเพียงส่วนเล็กๆของภูเขาน้ําแข็งเท่านั้น
มีหลักฐานที่หักล้างไม่ได้อยู่ต่อหน้าพวกเขา เจี่ยนอีหลิงถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ
คนที่ขโมยงานวิจัยกลับเป็นคนอื่น
ศาสตราจารย์หวงยิ่งตะลึงยิ่งกว่า
เจี่ยนอีหลิงทําได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
เป็นไปได้อย่างไร?
เธอเป็นแค่นักศึกษา
ท่านผู้เฒ่าหยุนหยิบเปเปอร์ขึ้นมาแล้วพูดว่า “ฉันก็มีส่วนร่วมในเปเปอร์นี้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เจ้าคนที่มีนามสกุลหวง แกจะบอกว่าฉันขโมยผลงานวิจัยของนักศึกษาของแกด้วยใช่หรือไม่”
คําพูดของท่านผู้เฒ่าหยุนทําให้ศาสตราจารย์หวงตกใจ
เรื่องราวต่างๆกลับพัฒนาไปในทิศทางที่เขาไม่เคยคาดหวังให้เกิดขึ้น
“ท่านผู้เฒ่า…ท่านผู้เฒ่าหยุน… นั่นจะเป็นไปได้ยังไง… ท่านกับเจี่ยนอีหลิง ยังไง…”
ศาสตราจารย์หวงเริ่มพูดตะกุกตะกัก เขาพบว่าเป็นการยากที่จะยอมรับความจริงดังกล่าว
ไม่มีใครเคยคิดคาดเดาว่าคนสองคนนี้จะติดต่อกัน
ไม่ว่าเจี่ยนอีหลิงจะโดดเด่นแค่ไหน แต่สุดท้ายเธอก็เป็นแค่นักศึกษา
ในทางกลับกัน ท่านผู้เฒ่าหยุนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายเหลือเกินในวงการนี้
ในสายตาของศาสตราจารย์หวง ดูเหมือนว่าระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นนับเป็นแสนไมล์
แล้วทั้งสองคนกําลังทําวิจัยร่วมกันอย่างงั้นเหรอ?
เป็นไปได้ยังไง?
ท่านผู้เฒ่าหยุนซัดใส่ศาสตราจารย์หวงอีกว่า “เป็นไปไม่ได้งั้นเหรอ? หยุดคิดว่าบางสิ่งบางอย่างเป็นไปไม่ได้เสียที เมื่อใดก็ตามที่แกเจอสิ่งที่แกไม่เคยเห็น แกก็ต้องใช้ตามองสิ หยุดเดาและคิดเพ้อฝันถึงสิ่งต่างๆได้แล้ว แกใช้แค่การยืนกรานกล่าวหาใครสักคนไม่ได้ ไม่มาเรียนไม่ได้หมายความว่าเธอไม่จริงจังกับงานของเธอ”
ในสายตาของศาสตราจารย์หวง เขาเพียงแค่เห็นเจี่ยนอีหลิงปรากฏตัวที่ห้องปฏิบัติการเป็นเวลาสามวันต่อสัปดาห์
เขาไม่รู้ว่าเจี่ยนอีหลิงทําอะไรในวันอื่น
แต่ทว่า ในวันเหล่านั้น เธอก็ทํางานของเธอด้วยเช่นเดียวกัน
อันที่จริง เธอกําลังทํางานของเธอในห้องปฏิบัติการที่มีอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้
ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยไม่ได้มีอุปกรณ์ทั้งหมดที่เธอต้องการ
ศาสตราจารย์หวงหน้าซีด เขาไม่สามารถเอ่ยคําปฏิเสธได้แม้แต่คําเดียว
ศาสตราจารย์คนอื่นก็ดูตกตะลึงเช่นเดียวกัน
“แล้วใครคือลู่หยวน?” ท่านผู้เฒ่าหยุนถาม
นักศึกษาทุกคนมองไปในทิศทางของลู่หยวนอย่างระมัดระวัง
ในตอนนี้ ลู่หยวนคอตกเป็นอย่างมาก เธอเกลียดความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถหาหลุมฝังตัวเองได้
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เธอ
จากนั้นเธอก็ตื่นตระหนก
ร่างของเธออดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน และมือของเธอก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
“ฉัน… ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะ…” ในที่สุดลู่หยวนก็พูดอย่างตะกุกตะกัก เธอไม่สามารถรับมือกับความกดดันได้อีกต่อไป เป็นผลให้เธอเปิดปากเพื่อที่จะป้องกันตัวเอง
ก่อนท่านผู้เฒ่าหยุนจะมาถึง ลู่หยวนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทันทีที่ศาสตราจารย์คนอื่นเข้ามาในห้องปฏิบัติการ เธอก็ตระหนักว่าเรื่องในวันนี้จะไม่คลี่คลายไปในทางที่ดีได้เลย
อย่างไรก็ตาม ด้วยการพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ลู่หยวนก็ได้ยอมรับในอาชญากรรมที่เธอได้ก่อขึ้นแล้ว
ลู่หยวนเริ่มร้องไห้ขณะที่เธอพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทําจริงๆ… ฉันไม่เคยนึกเลยว่ามันจะมาออกมาเป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากทําร้ายใคร… ฉัน ฉันแค่หลง ฉันไม่รู้ว่าทําไมตอนนั้นฉันถึงได้หัวร้อน… ฉันแค่ อาา… ฉันรู้ว่าฉันคิดผิด… ฉันรู้จริงๆแล้วว่าฉันทําผิด…”
เนื่องจากลู่หยวนยอมรับความผิดพลาดของเธอเอง ศาสตราจารย์หวงจึงรู้สึกว่าตนเองถูกตบหน้า เป็นการตบที่ดังและเจ็บปวด
ศาสตราจารย์หวงจ้องไปยังนักศึกษาของเขา ในขณะนั้น เขาต้องการอย่างถึงที่สุดที่จะบีบคอลู่หยวนให้ตาย
ลู่หยวนเป็นนักศึกษาของเขา ความผิดพลาดของเธอก็เท่ากับตบหน้าเขา
บทที่ 496 ขอร้องให้อภัย 1
เขาถูกตบหน้าต่อหน้าศาสตราจารย์คนอื่นมากมาย อันที่จริง เขาถูกตบต่อหน้านักศึกษาทุกคนในห้องทดลองด้วยซ้ําไป
เขาถูกตบหน้าโดยนักศึกษาคนหนึ่งที่เขาไว้ใจและตั้งความหวังไว้อย่างสูง
นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าอายมากเหลือเกินสําหรับเขา ที่เลวร้ายไปยิ่งกว่านั้นก็คือ มันเกิดขึ้นต่อหน้าอธิการบดี ศาสตราจารย์คนอื่นๆ และผู้นําที่ได้รับการยกย่องในวงการ
ขณะที่ศาสตราจารย์หวงยืนอยู่ในห้องทดลอง เขาก็รู้สึกว่าตอนนี้ทุกคนกําลังมองมาที่เขาด้วยความรังเกียจและเหยียดหยาม ความรู้สึกนี้ทําให้เขารู้สึกอึดอัดเหลือเกิน
จากนั้นจ๋ายหวินเชิ่งก็พูดขึ้นว่า “ผมได้ยินมาว่ามีคนบอกให้เราควรจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการไล่ออกและรายงานวิพากษ์วิจารณ์ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ควรจัดการที่นี่เช่นเดียวกันใช่ไหม”
ทันทีที่จ๋ายหวินเชิงพูดแบบนี้ ลู่หยวนที่ยังคงสะอื้นไห้ก็ทรุดตัวคุกเข่าลง
“ไม่ โปรดอย่าไล่ฉันออก ฉันทํางานหนักมาหลายปีเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถ้าคุณไล่ฉันออก… ฉัน ฉัน…”
ลู่หยวนไม่อยากจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ ชีวิตเธอจะจมดิ่งสู่ความมืดมิดไม่รู้จักจบสิ้นถ้าเธอถูกไล่ออก
เมื่อเรื่องคลี่คลายลง สายตาของฝูงชนก็หันไปมองเจี่ยนอีหลิง เจี่ยนอีหลิงเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เธอเฝ้าดูอย่างเงียบๆตลอดการตรวจสอบทั้งหมด นอกจากคําพูดไม่กี่คําที่เธอพูด เมื่อตอนเริ่มต้นต่อศาสตราจารย์หวง เธอก็ได้เงียบมาตลอดช่วงเวลาที่เหลือ
ต่อมา ไม่ว่าศาสตราจารย์หวงหรือศาสตราจารย์คนอื่นจะว่าอย่างไร เธอก็ไม่ปกป้องตัวเองอีกเลย
เมื่อเผชิญกับการใส่ร้ายและกล่าวหา เธอเพียงแค่มองทุกคนอย่างใจเย็น
แม้หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าหยุนเปิดเผยความจริง เธอก็ไม่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีลู่หยวน
นอกจากนี้ เธอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเมื่อท่านผู้เฒ่าหยุนถามผู้นํามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการลงโทษศาสตราจารย์หวงและหยวน
เจี่ยนอีหลิงพูดกับท่านผู้เฒ่าหยุนเมื่อเขาเดินมาหาเท่านั้น ท่านผู้เฒ่าหยุนบอกเธอว่าเขาขอให้มหาวิทยาลัยเปลี่ยนศาสตราจารย์ให้กับเธอ
ทันใดนั้น ลู่หยวนก็คลานเข้ามาและคุกเข่าต่อหน้าเจี่ยนอีหลิง เธอเริ่มร้องไห้ขณะขอร้องอีกฝ่าย “อีหลิง ฉันรู้ว่าฉันผิด โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ฉันขอร้อง ฉันเรียนหนักมาหลายปีแล้ว ถ้าฉันถูกไล่ออก ชีวิตของฉันจะต้องพังทลาย ฉันรู้ว่าฉันผิด ฉันตาบอด ฉันจะไม่ทําเช่นนี้อีกแล้ว โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้ง”
เจี่ยนอีหลิงมองลงไปที่ลู่หยวนก่อนที่จะพูดว่า “ฉันช่วยเธอไม่ได้ การลงโทษเธอจะถูกตัดสินโดยมหาวิทยาลัย”
สิ่งต่างๆได้มาถึงจุดที่ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เจี่ยนอีหลิงจะสามารถเต็มใจให้อภัยอีกฝ่ายได้อีกต่อไปแล้ว
ลู่หยวนชะงักชั่วขณะก่อนจะดึงเสื้อของเจี่ยนอีหลิงแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่ เธอสามารถช่วยฉันได้ ถ้าเธอพูดว่าฉันมีส่วนร่วมในงานวิจัย เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยและศาสตราจารย์จะไม่สามารถกล่าวหาฉันในข้อหาขโมยได้ นั่นจะเป็นเพียงถ้อยคําจากปากเธอเท่านั้น คําเดียวก็พอ”
อย่างไรก็ตามเจี่ยนอีหลิงปฏิเสธทันที “ฉันไม่ช่วยเธอ”
จากนั้นเธอก็ก้าวถอยหลัง แต่ทว่า เมื่อไม่มีใครขัดขวางลู่หยวน เธอจึงพุ่งไปที่เจี่ยนอีหลิงอีกคน
จ๋ายหวินเชิ่งซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆเจี่ยนอีหลิงเอื้อมมือออกไปและดึงเธอไปด้านข้างเบาๆ จากนั้นเขาก็ยกเท้าขึ้นกันลู่หยวน
ถ้าเธอก้าวไปตรงหน้าอีก จ๋ายหวินเชิ่งจะเตะหน้าเธอ
อย่างไรก็ตาม ลู่หยวนก็ได้ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยดึงตัวไป
ที่น่าแปลกก็คือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้นถูกเรียกมาโดยศาสตราจารย์หวง ย้อนกลับไป ศาสตราจารย์หวงได้วางแผนที่จะจัดการกับเจี่ยนอีหลิง
อย่างไรก็ตาม รปภ.กลับจับนักศึกษาคนโปรดของเขาแทน
จ๋ายหวินเชิ่งดึงเจี่ยนอีหลิงเข้าใกล้ตัวเขามากขึ้นก่อนจะถามบรรดาผู้นํามหาวิทยาลัยว่า “เอาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปจากนี้”
ผู้นํามหาวิทยาลัยถอนหายใจ ก่อนจะประกาศว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลู่หยวนและศาสตราจารย์หวง
“ลู่หยวนจะถูกไล่ออก เธอจะไม่สามารถเข้ารับการศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้อีก ฉันจะประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อฉันกลับไปที่สํานักงานและพบกับผู้นําคนอื่น”