บทที่ 497 ขอร้องให้อภัย 2
“สาหรับศาสตราจารย์หวงแม้ว่าเขาจะตัดสินใจผิดพลาด แต่แรงจูงใจเขาดี เขาไม่ต้องการให้สิ่งเลวร้ายและไม่บริสุทธิ์มาปะปนกับสภาพแวดล้อมการวิจัยทางวิชาการของเราแต่ว่าการกระทําของเขาค่อนข้างประมาท ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องทบทวนพฤติกรรมของตนเองกับเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องสําคัญสําหรับเขาที่จะไม่ด่วนสรุปเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวในอนาคต”
ลู่หยวนทรุดตัวลงกับพื้น ตาของเธอเริ่มเหม่อลอย
ความคิดที่ผิดพลาดโดยบังเอิญได้ฝังอนาคตที่สดใสของเธอไว้อย่างสมบูรณ์
ไม่มีใครโต้แย้งการลงโทษดังกล่าว
อย่างไรก็ตามจํายหวินเพิ่งได้พูดขึ้นว่า “ตราบใดที่แรงจูงใจของคุณดี นั่นหมายความว่าการกล่าวหาใครสักคนอย่างผิดๆและการใช้วาจาดูถูกพวกเขานั้นยอมรับได้ใช่ไหม? โปรดคิดเรื่องนี้ให้จบผมไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เป็นข่าวในวันพรุ่งนี้ ข่าวนั้นจะบอกได้อย่างชัดเจนว่าศาสตราจารย์และผู้นํามหาวิทยาลัยของพวกคุณกําลังพยายามปกปิดการฉ้อโกงทางวิชาการสําหรับนักศึกษาคนหนึ่งของพวกเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของผู้นํามหาวิทยาลัยก็ซีดเผือด สีหน้าของศาสตราจารย์หวงเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวน่าเกลียดขึ้นมาเป็นพิเศษ
เห็นได้ชัดว่าจํายหวินเซิ่งไม่พอใจกับการลงโทษของพวกเขา
เขาข่มขู่พวกเขาด้วยความคิดเห็นของประชาชน
ผู้นํามหาวิทยาลัยรีบขอให้ศาสตราจารย์หวงขอโทษเจี้ยนอีหลิง “ศาสตราจารย์หวง คุณควรขอโทษเจียนอีหลิง คุณกล่าวหานักศึกษาคนนี้อย่างผิดๆ”
ศาสตราจารย์หวงมองไปที่เงี่ยนอีหลิง เขาไม่เต็มใจที่จะขอโทษเธอ
ศาสตราจารย์ที่ต้องขอโทษนักศึกษาต่อหน้าคนจํานวนมากนั้นน่าอับอายมากเหลือเกินอันที่จริงนั่นถือได้ว่าเป็นความอัปยศ
อย่างไรก็ตาม เขาก็กลัวว่าจํายหวินเพิ่งจะทําให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต ถ้าทุกคนได้ยินเรื่องนี้ชื่อเสียงเขาก็จะเสียหาย
ดังนั้นสิ่งเดียวที่ศาสตราจารย์หวงทําได้ก็คือขอโทษเจียนอีหลิง
“ฉันเสียใจฉันไม่ควรด่วนสรุป” ศาสตราจารย์หวงพูดกับเจียนอีหลิง
อย่างไรก็ตาม เขาเพียงหันหน้าไปหาเจียนอีหลิงเพียงบางส่วนในขณะที่พูด
จํายหวินเซึ่งเยาะเย้ยเมื่อเห็นเช่นนี้ “เอาล่ะ ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่ต้องการขอโทษ ผมก็จะไม่บังคับให้คุณขอโทษ แต่ว่า คําขอโทษที่ไม่จริงใจแบบนี้จะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น”
ศาสตราจารย์หวงโต้กลับในทันที “เอ้อ ผมขอโทษเจียนอีหลิงแล้ว เธอยังไม่ได้พูดอะไรเลย เหตุใดคุณจึงตัดสินใจแทนเธอ”
จํายหวินเฉิ่งไม่รําคาญเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่เขาพูดด้วยน้ําเสียงไม่แยแสว่า “รือ นั่นมันสําคัญไหม? ผมยังสามารถช่วยให้คุณโด่งดังในพาดหัวข่าวได้ด้วย คุณต้องการที่จะเป็นข่าวใช่ไหม?”
อธิการบดีมหาวิทยาลัยที่ยืนอยู่ข้างพวกเขาพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ในทันที “จํายหวินเพิ่งเราจัดการเรื่องนี้เป็นการภายในได้ ไม่จําเป็นต้องทําเรื่องใหญ่”
ศาสตราจารย์หวงไม่รู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าตนเองเป็นใคร อย่างไรก็ตาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยจําเขาได้ ชายคนนี้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เมื่อสองปีก่อน
ที่จริง อธิการบดีมหาวิทยาลัยรู้ดีถึงพลังของตระกูลของจํายหวินเพิ่งมีอยู่ ถ้าเขาบอกว่าจะทําเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาก็จะสามารถทําได้อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นจะสร้างความปวดหัวให้กับหน่วยงานบริหารของมหาวิทยาลัย
จากนั้น อธิการบดีของมหาวิทยาลัยก็พยายามเกลี้ยกล่อมศาสตราจารย์หวง “ศาสตราจารย์หวงคุณคิดให้รอบคอบในสิ่งที่คุณทํา ถ้าทําผิดก็ต้องยอมรับ คุณควรเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นโปรดแสดงความจริงใจเมื่อคุณขอโทษเจี้ยนอีหลิง ขอให้เธอยกโทษให้กับความประมาทและความมุทะลุของคุณ”
หลังจากที่ศาสตราจารย์หวงได้ยินเช่นนี้ เขาก็เริ่มตื่นตระหนก
ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นข่าวจริงๆ สิ่งที่เขาต้องเผชิญคงแย่กว่านี้อีก
และด้วยเหตุนี้ ศาสตราจารย์หวงจึงละทิ้งความเย่อหยิ่งและความภาคภูมิใจของตนเอง เขาเริ่มด้วยเสียงเบาและอ้อนวอนเจียนอีหลิงเพื่อยกโทษให้
“เจี้ยนอีหลิง สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความผิดของฉัน ฉันไม่ได้คิดกับการกระทําของฉัน ฉันกล่าวหาเธอโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน และมีอคติเนื่องจากนักศึกษาของฉันเอง นั่นเป็นความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะยกโทษให้ในครั้งนี้ฉันสัญญาจะไม่ทําผิดแบบนี้อีก เมื่อฉันต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้อีกในอนาคตฉันสัญญาว่าฉันจะยุติธรรมและเป็นกลาง”
บทที่ 498 แค่ต้องการกอด
คราวนี้คําขอโทษจริงใจมากขึ้น
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างจบลงแล้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยจึงขอให้ทุกคนแยกย้ายกันไป
หลังจากเรื่องนี้ เจียนอีหลิงก็ได้รับศาสตราจารย์อีกคนหนึ่งสําหรับเวลาเธอยังอยู่ในระหว่างการแลกเปลี่ยน นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
จากนั้นท่านผู้เฒ่าหยุนก็พูดกับเจียนอีหลิงเป็นเวลาชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะจากไป เขาขอให้เธอแวะไปคุยกับเขาเป็นครั้งคราวบ้าง
หลังจากที่ท่านผู้เฒ่าหยุนเดินทางจากไปแล้ว จํายหวินเชิงก็ดึงเสื้อของเงี่ยนอีหลิงเบาๆและออกจากห้องทดลองไปด้วยเช่นกัน
จํายหวินเพิ่งเดินไม่เร็วนัก ทําให้เจี้ยนอีหลิงสามารถติดตามเขาได้ อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าเขากําลังจะพาเธอไปไหน
จํายหวินเชิงหยุดอยู่กลางบันได ไม่มีใครอยู่รอบตัวพวกเขา
จากนั้นเขาก็หันกลับมาและพูดกับเจียนอีหลิงว่า “ถ้าเธออารมณ์เสีย เธอสามารถพูดออกมาว่าเธอรู้สึกยังไง”
เจียนอีหลิงหยุดอยู่ชั่วขณะ เธอเงยหน้าขึ้น และมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของจํายหวินเงด้วยความสับสนเธอเห็นความจริงจังในดวงตาเขา
จากนั้นจํายหวินเซิ่งก็พูดต่อไปว่า “ฉันรู้ว่าเธอไม่สนใจคนเหล่านั้นมากเท่าไรนัก แต่ว่า การถูกกล่าวหาอย่างผิดๆนั้น เป็นสิ่งที่สามารถทําให้ทุกคนอารมณ์เสียได้ ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้นจากเรื่องนี้”
เจียนอีหลิงอารมณ์เสียไหม บางทีเธออาจจะไม่ได้อารมณ์เสียขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงมีอารมณ์และความรู้สึก
จํายหวินเพิ่งรู้ว่า ถึงแม้เจี้ยนอีหลิงจะดูเยือกเย็นแต่ก็ยังมีระลอกคลื่นในหัวใจของเธอ
จํายหวินเซิ่งอยากให้เธอแสดงความรู้สึกของเธอออกมา
เจียนอีหลิงก้มหน้าลงครู่หนึ่ง หลังจากคิดดูแล้ว เธอก็กางแขนออกและโอบกอดจํายหวินเชิง
เธอมุดหน้าของเธอเข้าไปที่อกเขาแล้วถูไปมาสองครั้ง
จํายหวินเชิงร่างกายแข็งที่อในทันที
เขาต้องการให้เจียนอีหลิงได้แสดงความเสียใจของเธอออกมา…. แต่ทว่า เขาไม่ได้คาดหวังว่าเจียนอีหลิงจะแสดงออกมาเช่นนี้
แขนของจํายหวินเชิงยกค้างอยู่กลางอากาศ เขาไม่รู้ว่าจะวางมันไว้ตรงไหน
หลังจากเวลาผ่านไปนาน เจี้ยนอีหลิงก็ปล่อยจํายหวินเชิง เธอก้าวถอยหลัง
อีกครั้ง เธอก้มหน้าลง คราวนี้แก้มเธอแดงระเรื่อราวกับว่าเธอกําลังเขินอายเหลือเกิน
เจียนอีหลิงรู้ว่าการกอดผู้ชายแบบนี้ไม่เหมาะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อกี้นี้ จู่ๆเธอก็ต้องการ
จํายหวินเซิ่งก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน
จํายหวินเซึ่งใช้เวลาสักพักที่จะพูดออกมาได้อีกครั้ง
“เธอกอดฉันทําไม”
“เพราะ… เมื่อก่อน… ฉัน ฉันแค่อยากจะ…”
เมื่อตอนนั้นที่เงี่ยนอีหลิงยังเด็กอยู่ ที่จริงเธอก็จําไม่ได้ว่าเธออายุเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม เธอจําได้ว่ามีแม่และลูกสาวมาที่สถาบันที่เธอเคยอยู่
ลูกสาวป่วย และด้วยเหตุนั้นเธอจึงมารักษาที่สถาบัน
หลังจากกินยา ร่างกายของเด็กหญิงตัวเล็กๆก็รู้สึกไม่สบายตัว เมื่อย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้นเด็กหญิงตัวเล็กๆซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของแม่
เจียนอีหลิงเฝ้าดูจากด้านข้าง ตอนนั้นเธออยากรู้ว่ามันจะมีความสุขสบายไหมกับการที่จะกอดใครสักคนแบบนี้ เธออยากจะลองเอาเอาหน้าซุกไซ้ถูไถกับอกใครสักคน
คําพูดของจํายหวินเชิงเมื่อกี้นี้ทําให้ความทรงจําของเธอปรากฏขึ้นอีกครั้ง ไม่เป็นไรที่จะแสดงความเศร้าออกมา
และเมื่อเธอมองไปที่จํายหวินเชิง เธอก็พลันอยากจะกอดเขาอย่างอธิบายไม่ถูก…. เธออยากจะลองซุกเข้าไปในอ้อมกอดของใครสักคน
ขณะที่จํายหวินเซิ่งมองไปทางเจียนอีหลิง ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกเจ็บปวดในใจเล็กน้อย
เขาไม่ได้รู้สึกมีไข้หรือเจ็บป่วย เพียงแต่ว่าเขาแค่รู้สึกแปลกๆที่ไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกมาอย่าง
จํายหวินเชิงเดินไปตรงหน้าแล้วกอดเธอเบาๆ “คราวหน้าถ้าเธอเสียใจ ก็เข้ามากอดฉันได้นะอ้อมแขนของฉันจะเปิดให้เธอเสมอ และจะเปิดให้เฉพาะเธอเท่านั้น”
ขณะที่เงี่ยนอีหลิงถูกจํายหวินเชิงกอด เธอไม่รู้สึกว่าจําเป็นต้องต่อต้าน เธอไม่รู้สึกอยากจะผลักไสเขาออกไปด้วยเหมือนกัน
แต่เธอกลับรู้สึกค่อนข้างอบอุ่น
จากนั้นจํายหวินเชิงก็ก้มหน้าลงและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม เธอต้องสัญญาว่าเธอจะทําเช่นนี้กับฉันเท่านั้น อย่ากอดใครอีก เธอเป็นคนกอดฉันก่อน ดังนั้นเธอต้องรับผิดชอบ ถ้าเธอไม่สัญญากับฉันแสดงว่าเธอไร้ยางอายและผิดศีลธรรมที่กอดฉันเมื่อกี้นี้”