แม้เทียนหลางจะไม่ใช่คนที่หวงของสักเท่าไหร่ และเขาเองก็ไม่ใช่คนที่รักรถมากมายขนาดนั้น แต่การที่จู่ๆมีใครก็ไม่รู้เอาปืนมาถล่มยิงรถของเขาจนพรุนมันก็อดที่จะทำให้เทียนหลางหัวเสียไม่ได้
ในขณะที่เทียนหลางกำลังจะเดินลงจากรถบัสอยู่นั้นก็ได้มีตายายคู่หนึ่งห้ามเขาเอาไว้
“เธอจะไปไหนกันน่ะ ? ข้างนอกนั่นอันตรายนะพ่อหนุ่ม”
เทียนหลางหันกลับไปมองตายายคู่นั้นก่อนจะยิ้มเล็กน้อยและบอกออกไปว่า
“ผมจะไปกวาดขยะสักหน่อยนะครับ”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินลงจากรถบัสไป และตรงไปยังกลุ่มคนที่กำลังยิงปะทะกันอยู่
ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณเหล่าบอดี้การ์ดที่กำลังหลบอยู่หลังรถออดี้นั้นได้แต่หันคุยกันด้วยความเป็นกังวล
“จะเอายังไงดีหัวหน้า พวกมันยิงไม่หยุดเลย”
หัวหน้าของเหล่าบอดี้การ์ดได้ยินแบบนั้นเขาก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ยังไงก็ต้องจัดการพวกนี้ให้ได้ ไม่งั้นคุณหนูจะต้องแย่แน่”
พวกเขาพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงก่อนจะถามกลับลูกน้องของเขาไปว่า
“แล้วทางนู้นเป็นอย่างไรบ้าง ?”
ลูกน้องของเขาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า
“สถานะการณ์ค่อนข้างแย่ครับ ศัตรูนั้นมีเยอะมากและขนอาวุธมาเป็นคันรถ หากกำลังเสริมมาไม่ถึงในสิบนาทีล่ะก็คงแย่แน่”
เมื่อหัวหน้าบอดี้การ์ดได้ยินแบบนั้นเขาก็ถึงกับคิดหนักเลยทีเดียว
“แต่ถึงยังไงเราก็ต้องฝ่าไปถึงตัวคุณหนูให้ได้ !!”
หัวหน้าบอดี้การ์ดยืนยัน เหล่าลูกน้องของเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยก่อนยิงปะทะกับฝ่ายตรงข้ามต่อ ในขณะนั้นเองเทียนหลางก็เดินเข้ามาในสนามรบด้วยท่าทีหงุดหงิด หัวหน้าบอดี้การ์ดสังเกตุเห็นเทียนหลางเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
ทำไมถึงมีเด็กอยู่ตรงนั้นได้กัน !? หัวหน้าบอดี้การ์ดสงสัยและพยายามจะตะโกนเรียกเทียนหลาง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรเทียนหลางก็ได้กล่าวขึ้นมาก่อน
“ไอพวกสมองนิ่ม เลิกยิงรถฉันเล่นได้แล้ว !!”
กลุ่มคนเหล่านั้นได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็รีบหันมาทันทีก่อนจะจ้องมองเทียนหลางอย่างงุนงง ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดว่า
“ไอหนูถอยไป ผู้ใหญ่เขามีเรื่องจะคุยกัน”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“คุยกันบ้านแกนะสิ ถึงกับต้องมายิงรถฉันจนพรุนขนาดนี้ !!”
เมื่อพูดจบเขาก็ชี้ไปยังรถออดี้ของเขาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยกระสุน ทันทีที่หนึ่งในกลุ่มโจรติดอาวุธได้ยินแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดว่า
“นั่นรถแกเหรอเจ้าหนู ? สวยดีนี้หว่า เอางี้ไหมแกถอยไปก่อนเดียวจบเรื่องแล้วพวกฉันจะซื้อรถใหม่ให้”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นเขาก็ถึงกับส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆชายคนนั้น เมื่อชายคนนั้นได้เห็นเดินหลางเดินเข้ามาใกล้ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะในตัวของเทียนหลางไม่มีอาวุธและก็ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะทำอะไรพวกเขาที่เต็มไปด้วยอาวุธได้
เขาจึงถามออกไป
“มีอะไรเจ้าหนู ?”
เทียนหลางไม่พูดอะไรเขาเดินเข้าไปใกล้ๆกับชายคนนั้น และพูดขึ้นว่า
“สิ่งที่นายควรพูด…”
เทียนหลางสบัดมือเล็กน้อย ร่องรอยสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนคอของชายคนนั้นทันทีก่อนที่เขาจะล้มตัวลงพร้อมกับที่หัวและลำตัวของเขาได้แยกออกจากกัน
“คือคำขอโทษไม่ใช่หรือไง !?”
เทียนหลางพูดออกมาด้วยใบหน้าเย็นชา
เมื่อเหล่าโจรติดอาวุธได้เห็นว่าเพื่อนของเขาได้ตายลงด้วยฝีมือของเทียนหลาง พวกเขาก็ถึงกับร้องโวยวายขึ้นทันทีและระดมยิงปืนใส่เขา
แต่เทียนหลางก็ไม่ปล่อยโอกาสนั้นได้เกิดขึ้น เขาสบัดมือไปมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับหั่นร่างของเหล่าโจรติดอาวุธเหล่านั้นราวกับเป็นวุ้นก้อนหนึ่ง
เหตุการณ์นี้จบลงอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วินาทีภายใต้สายตาของหัวหน้าของเหล่าบอดี้การ์ด หัวสมองของเขาเกิดอาการด้านชาขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์อันน่าสยดสยอง
เขาทำงานเป็นบอดี้การ์ดมากว่าสิบปีเห็นและผ่านอะไรมาก็มาก แต่ประสบการณ์เหล่านั้นไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยให้สามารถหาคำอธิบายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้
หลังจากที่เทียนหลางจัดการพวกโจรติดอาวุธเสร็จ เขาก็หันมามองหัวหน้าบอดี้การ์ดเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้ รอยยิ้มของเทียนหลางทำเอาหัวใจของเขาถึงกับเกือบจะหยุดเต้นด้วยความกลัว
หลังจากทักทายหัวหน้าบอดี้การ์ดเล็กน้อยแล้ว จากนั้นเทียนหลางก็เดินตรงไปยังอีกจุดหนึ่งที่ได้มีการยิงปะทะกัน