ตอนที่ 27 เจ้าน่ะมันหัวแข็งซะจริง
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “ศิษย์พี่ ไม่ต้องเสแสร้งกับข้าถึงขนาดนั้นหรอกนะ ทั้งศิษย์พี่และก็ข้าต่างก็อยู่กับท่านอาจารย์มาตั้งแต่ยังเด็ก ท่านอาจารย์คนนั้นน่ะทำให้เราบาดเจ็บได้มากกว่านี้หลายครั้งต่อหลายครั้งแล้ว”
“เจ้าน่ะฉลาดมากจริงๆ นะศิษย์น้อง” ด้วนมูเฉิงพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเขินอาย
“สิบวัน…ถ้าหากศิษย์พี่ยังคงนอนอยู่บนเตียงต่อไปเป็นเวลาสิบวัน ข้าจะหยุดซ่อมแซมม่านพลังในทันที และเมื่อท่านอาจารย์กลับมาถึง ท่านอาจารย์จะต้องสั่งสอนศิษย์พี่อย่างแน่นอน” หมิงซี่หยินพูดออกมาในขณะที่ตัวเขาเอามือทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้
“ไม่ต้องใช้เวลานานมากขนาดนั้นหรอก ข้าขอแค่เจ็ดวันเท่านั้น เจ็ดวันก็เพียงพอแล้ว ศิษย์น้องข้าอยากที่จะอยู่คนเดียวเพื่อจะรักษาตัว ยังไงเจ้าก็ออกไปทำงานซะเถอะ”
“ห๊ะ! ” หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นจึงออกจากห้องห้องนี้ไป
ตอนนี้เป็นเวลายามค่ำคืนแล้ว ดวงจันในค่ำคืนนี้กำลังลอยส่องสว่างอยู่บนฟากฟ้า หมิงซี่หยินในตอนนี้ได้แต่มองขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมากับตัวเอง “ท่านอาจารย์ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? เดี๋ยวก่อนนะ นั่นจดหมายอย่างงั้นหรอ? “
หมิงซี่หยินรีบกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนที่จะจับนกพิราบสื่อสารเอาไว้ หลังจากอ่านข้อความในจดหมายทั้งหมดตัวเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที “ท่านอาจารย์รู้ได้ยังไงกันว่าศิษย์พี่สามได้รับบาดเจ็บ? “
หมิงซี่หยินได้มองไปรอบๆ ตัวเองก่อนจะใช้พลังการรับรู้ขั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมา ด้วยพลังนี้เองจะทำให้ขอบเขตการรับรู้ของผู้ใช้ขยายไกลไปกว่าหลายร้อยเมตร นอกจากนกบางตัวที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ ในตอนนี้ที่ภูเขาทองไม่มีแม้แต่กระทั่งสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือผู้คนอาศัยอยู่สักคน
หมิงซี่หยินในตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจและเป็นกังวลเป็นอย่างมาก ตัวเขารู้สึกได้ว่าท่านอาจารย์ของเขาคนนี้กำลังเฝ้ามองดูตัวเขาอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกลอยู่ตลอดเวลา ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินที่หวาดระแวงก็ได้คุกเข่าลงก่อนจะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำตัวไม่ดีกับท่าน ศิษย์จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเป็นอย่างดี ศิษย์จะตั้งใจซ่อมแซมม่านพลังป้องกันของภูเขาทองของพวกเรา”
ในตอนนั้นเองรอบๆ ตัวของหมิงซี่หยินก็ยังคงเงียบสงบและมืดสนิทเช่นเคย เมื่อเห็นแบบนั้นหมิงซี่หยินก็ได้ลุกขึ้นก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ‘อย่าตกใจไปตัวข้า ตราบใดที่ข้าทำตามที่ท่านอาจารย์บอก ยังไงตัวข้าก็จะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน’
…
“ติ้ง! คุณสั่งสอนหมิงซี่หยิน คุณได้รับแต้มบุญ 100 แต้ม”
“ค่าความจงรักภักดีของหมิงซี่หยินเพิ่มขึ้น 2%”
ลู่โจวในตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องของเขา ในระหว่างที่อ่านคัมภีร์วีรชนอักษรสวรรค์อยู่ตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงแบบนั้นนี่ก็เปรียบเสมือนกับข่าวดีอยู่สำหรับตัวเขา
“เพื่อที่จะแสวงหา เพื่อที่จะได้มาซึ่งพลังอำนาจจากในอนาคต เราควรรู้ก่อนว่าสิ่งใดควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูด…”
“…พลังที่สามารถทำให้ได้ยินเสียงของทุกสรรพสิ่ง พลังที่สามารถได้ยินเสียงจากดินแดนทั้งหมดตราบเท่าที่ต้องการ…”
“…พลังแห่งวาจาที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ พลังที่จะปลดปล่อยผู้คนให้พ้นทุกข์ได้…”
ลู่โจวในตอนนี้ได้ปิดปฐมบทของคีมภีร์อักษรสวรรค์ไป เนื้อหาที่ลู่โจวได้อ่านออกมานั้นเป็นเนื้อหาในส่วนแรก ส่วนของวีรชนอักษรสวรรค์นั่นเอง ส่วนเนื้อหาอื่นๆ นั้นลู่โจวยังไม่สามารถที่จะอ่านได้ ตัวเขาจะต้องตีความสัญลักษณ์ที่มีให้ได้ซะก่อน
“ฉันจำได้ว่าตอนที่อ่านเคล็ดอักษรสวรรค์ครั้งแรก ตัวฉันอ่านได้เพียงแค่ชื่อเรื่อง แต่ตอนนี้ฉันอ่านได้ถึง 2 หน้าแล้ว ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะอายุขัยของฉันที่เพิ่มมากขึ้นกับระดับวรยุทธ์ที่มีสูงขึ้นอย่างงั้นสินะ? “
เป้าหมายของการฝึกฝนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ก็คือการพัฒนาระดับวรยุทธ์ของตัวเอง ลู่โจวที่พัฒนาวรยุทธ์ของตัวเขาไปแล้วจึงสามารถอ่านเนื้อหาภายในคัมภีร์ได้ ดูเหมือนว่าเส้นทางในการฝึกฝนยังคงอีกยาวไกล
“ตั้งใจที่จะทำให้เรื่องนี้มันยากสำหรับฉันสินะ? เฮ้อ”
ลู่โจวในตอนนี้รู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของเขาได้ ตั้งแต่ที่ตัวเขาสามารถฝึกฝนตัวเองจนมีวรยุทธ์ถึงขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ ตัวเขาก็ได้ดูดซับพลังจำนวนมากมาจากร่างอวตารของเขา แต่ถึงแม้ว่าลู่โจวจะมีพลังมากขึ้นแล้วก็ตามที แต่เมื่อตัวเขาจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ตัวเขาในตอนนี้ก็ยังคงอ่อนแอไม่ต่างกับพวกมดปลวกเช่นเดิม
ค่ำคืนในวันนี้ช่างยาวนานเป็นพิเศษ ลู่โจวในตอนนี้นั้นไม่สามารถทำอะไรได้นอกซะจากจะต้องอ่านหนังสือต่อไป คำว่า “จับฉลากนำโชค” แวบขึ้นมาในความคิดของเขา “ถึงแม้ว่าระบบกาชานั่นจะน่าเล่นสักแค่ไหน แต่ฉันก็จะต้องเก็บแต้มบุญที่มีเอาไว้ให้ได้ซะก่อน”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ สมาคมมังกรฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ กับแม่น้ำกู่
“เจ้าน่ะจะบอกว่าถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำร้ายมาอย่างงั้นสินะ แถมเธอคนนั้นยังมีอายุแค่ 15ไม่ก็16 ขวบเท่านั้น เจ้าหนูนั่นมาพร้อมกับชายชราคนหนึ่งที่อายุราวๆ 80 ปี” หัวหน้าของสมาคมมังกรฟ้า หลิวจ้าวเฟิงได้ถามขึ้น
ชายทั้งสองคนที่ถูกถามกำลังคุกเข่าอยู่ในห้องโถงใหญ่ ทั้งสองคนเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
หลิวจ้าวเฟิงที่ไม่ได้คำตอบอะไรเดินไปเดินมาอยู่พักหนึ่ง หลังจากที่รอคอยอยู่นานตัวเขาก็พูดออกมาอีกครั้ง “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรู้แจ้งเห็นจริงกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นผ่อนคลายร่างกายระดับ 8 อย่างงั้นสินะ…อะไรกันที่ทำให้เจ้าพวกนั้นกล้าบุกสมาคมมังกรฟ้าของพวกเราได้? “
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันครับท่านหัวหน้า! ในตอนที่พวกเราทั้งสามคนกำลังรับสมัครสมาชิกหน้าใหม่อยู่ที่เมืองอันยาง เจ้าเด็กนั่นก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เจ้านั่นได้ทำร้ายเพื่อนของเราจนบาดเจ็บไป ในตอนนั้นปู่ของเจ้าเด็กนั่นก็ได้พูดออกมาว่า…”
“พูดว่าอะไรกัน? “
“เจ้านั่นบอกเอาไว้ว่าจะขอพบท่านหัวหน้าเป็นการส่วนตัวในวันนี้ครับ”
หลังจากที่หลิวจ้าวเฟิงได้ฟังคำตอบ ตอนนั้นเองสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสับสนอีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้ตัวเขาจะต้องสับสนนั่นก็คือการที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรู้แจ้งเห็นจริงกล้าที่จะมาท้าทายตัวเขาถึงแบบนี้ มันเป็นการกระทำที่บ้าบิ่นจนเกินไป ตัวเขาที่เป็นเหมือนกับหัวหน้าของสมาคมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องเข้าไปจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็คงจะปล่อยให้เรื่องที่รับสมัครสมาชิกหน้าใหม่ผ่านพ้นไปไม่ได้ สมาคมที่ยิ่งใหญ่นั้นจะต้องหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี
“เจ้าน่ะพาคนไป 20 คน ตามหาเจ้าเด็กนั่นที่ทำร้ายพวกของเราในวันนี้ซะ”
“ข้าเข้าใจแล้วครับ! “
เมื่อได้ยินคำสั่งแล้วชายทั้งสองคนนั้นลุกขึ้นก่อนที่จะออกจากห้องโถงไป ในตอนนั้นเองมีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องโถงอย่างเร่งรีบ “ท่านหัวหน้าครับ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยากพบท่าน”
“บอกให้เธอไสหัวไปซะ”
“เจ้าเด็กนั่นได้บอกเอาไว้ว่าความอดทนของเธอนั้นมีจำกัด เธอจะยังอดทนต่อไปตราบใดที่ท่านปู่ของเธอยังคงอารมณ์ดี เจ้าเด็กนั่นบอกให้ท่านหัวหน้าทำตะ…ตาม…ตามที่ปู่ของเจ้านั่นบอก” เมื่อรายงานทุกอย่างเสร็จแล้วชายคนนั้นก็มองไปที่ใบหน้าของผู้ที่เป็นหัวหน้า
‘ทำตามที่บอกอย่างงั้นหรอ’ นี่เป็นเหมือนกับคำพูดที่ศิษย์พี่นั้นได้ใ้ช้บอกกับศิษย์รุ่นน้อง
ปั๊ง!
ปั๊ง!
ทันใดนันเองชายฉกรรจ์อีกหลายคนก็ได้พุ่งชนประตูด้านหน้า ตอนนั้นเสียงประตูรวมไปถึงเสียงหน้าต่างที่พังทลายก็ได้ดังขึ้นจากทางด้านนอก หลิวฉางเฟิงตอนนั้นที่รู้สึกอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วเมื่อได้ยินแบบนั้นตัวเขาก็รู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น? “
“ไปดูซะสิ! “
หลิวฉางเฟิงให้คนที่อยู่ในห้องโถงกับเขาออกไปดูเหตุการณ์ด้านนอก
ในตอนนั้นเองมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ เธอที่ใส่เสื้อผ้าสีน้ำเงินสีสดใสกำลังยืนอยู่ที่ลานบ้านนั่นเอง คนคนนั้นก็คือหยวนเอ๋อ ในตอนนี้หยวนเอ๋อกำลังใช้มือข้างหนึ่งบิดผมตัวเองอยู่ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งนั้นกำลังชี้ไปยังชายผู้โชคร้ายคนหนึ่ง “ข้าบอกแล้วไงว่าความอดทนของข้าน่ะมีขีดจำกัด พวกเจ้ายังจะกล้าให้ท่านปู่ของข้ายืนรออยู่ที่ด้านนอกอีกอย่างงั้นหรอ? พวกเจ้ากล้าดียังไงกัน? “
“นี่มันขะ…แข็งแกร่ง เด็กนี่มันแข็งแกร่งจนเกินไป”
“วรยุทธ์ของเจ้าเด็กนี่จะต้องอยู่ในขั้นมหาราชครูอย่างแน่นอน พวกเราควรจะทำอะไรยังไงกันดี? “
“ท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้าอยู่ที่นี่แล้ว! “
ในตอนนั้นเองฝูงชนก็ได้แยกตัวออกจากกัน พวกเขาทั้งหมดต่างเงยหน้าขึ้นมองหลิวฉางเฟิง หยวนเอ๋อเองก็ได้มองหน้าชายคนนี้เช่นกัน เธอได้แต่จ้องมองไปที่ชายคนนั้นก่อนที่จะขมวดคิ้ว
“ท่านหัวหน้า เจ้าเด็กนั่นไงครับที่ข้าพูดถึงครับ! เจ้าเด็กนี่เป็นคนทำร้ายเจ้าหน้าที่เจียงในเมืองอันยาง”
หลิวฉางเฟิงในตอนนั้นได้เอามือไขว้หลังอยู่ ตอนนั้นเองเขาก็ได้เอ่ยปากพูดออกมา “เจ้าเด็กนี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สินะ ไม่น่าแปลกใจเลย…”
หยวนเอ๋อในตอนนี้ยังคงสับสนอยู่ เธอที่เห็นหลิวฉางเฟิงเดินออกมาจึงรีบถามออกไปในทันที “เจ้าน่ะ เป็นหัวหน้าของสมาคมมังกรฟ้านี่สินะ? “
‘ฮึ เป็นหัวหน้าอย่างงั้นหรอ? ‘
“คุณหนู เจ้าน่ะคงจะคิดเอาไว้สินะว่าวรยุทธ์ที่เจ้ามีน่ะคงจะอยู่เหนือกว่าข้าผู้นี้ อย่าคิดว่าวรยุทธ์ระดับมหาราชครูนั่นจะสูงส่งอะไรซะละ” หลิวฉางเฟิงพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
ตั้งแต่ที่หยวนเอ๋อยังเป็นเด็ก เธอก็แทบที่จะไม่เคยได้ออกจากภูเขาทองมาก่อนเลย ดังนั้นเธอจึงไม่รู้วิธีการที่จะติดต่อพูดคุยกับผู้อื่นมากนัก นอกจากนี้เธอคนนี้ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการพูดคุยกับผู้อื่นรวมไปถึงการถ่อมตัวเลยด้วย สิ่งที่หยวนเอ๋อรู้มีเพียงอย่างเดียว ตัวเธอนั้นจะต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จให้เร็วที่สุดเท่านั้น
“เจ้าน่ะกำลังพูดถึงอะไรกัน? ข้ากำลังตามหาหัวหน้าสมาคมมังกรฟ้าอยู่ เจ้าน่ะเป็นหัวหน้าใช่ไหม? ” หยวนเอ๋อได้ขมวดคิ้วอีกครั้ง
“ข้าเอง ข้าเป็นหัวหน้าของสมาคมมังกรฟ้าสาขาเมืองอันยางแห่งนี้ ข้าหลิวฉางเฟิง”
“เจ้าน่ะเป็นคนที่ดูแลทุกอย่างอยู่อย่างงั้นสินะ? “
“แน่นอน ข้าเอง”
“เยี่ยม! ข้าน่ะมีงานที่จะให้เจ้าทำ”
ในลานแห่งนั้น หลังจากที่หยวนเอ๋อพูดออกมา ทุกๆ คนก็ได้จับจ้องไปที่เธอคน
หลิวฉางเฟิงในตอนนี้รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก ตัวเขาที่คิดมาตลอดว่าเพราะอะไรกันถึงทำให้สาวน้อยคนนี้กล้ามาบุกสมาคมมังกรฟ้าที่ยิ่งใหญ่ของเขาได้ แต่สุดท้ายแล้วตัวเขาก็ไม่ได้คำตอบอะไรออกมา ตัวเขาได้แต่ถอนหายใจเพียงเท่านั้น
“พอแล้ว! จัดการเจ้าเด็กนี่ซะ! ” หลิวฉางเฟิงได้โบกมือให้กับเหล่าลูกน้องของเขา ตอนนั้นเองเหล่ามือธนูทั้งหลายก็ได้เล็งยิงไปที่หยวนเอ๋อตัวน้อย
“เจ้าน่ะมันหัวแข็งซะจริง! ” หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นได้พูดออกมาก่อนที่จะกระทืบเท้าลงบนพื้น
ในตอนนั้นเองวงแหวนพลังงานที่อยู่ใต้เท้าของเธอก็กระเพื่อมพลังออกมา ในพริบตาเดียวเท่านั้น อาคารทั้งหมดแถวนั้นถึงกับต้องพังทลายไปในทันที คลื่นพลังที่หยวนเอ๋อปล่อยออกมานั้นได้กระแทกเข้ากับลูกธนูจากทั่วทุกทิศทางจนกระเด็นกลับไป
“อย่างบอกนะว่าเจ้าน่ะทะลวงเส้นพลังลมปราณทั้งแปดของขั้นมหาราชครูได้แล้ว! ” หลิวฉางเฟิงที่เห็นพลังของหยวนเอ๋อนั้นถึงกับเบิกตากว้าง