ปลอมตัวอย่างงั้นหรอ?
หมิงซี่หยินที่ได้ยินคำพูดของผู้เป็นอาจารย์รู้สึกตกตะลึงมาก
เมื่อมาถึงตอนนี้เหวยซู่หยานผู้ที่ไม่เคยตื่นกลัวเลยกลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไป ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาก่อนที่จะมองกลับไปหาลู่โจว “ทะ…ท่านผู้อาวุโส…ข้าไม่เข้าใจความหมายท่านเลยจริงๆ “
ลู่โจวที่ได้ยินก็ได้ตอบกลับมาทันที “เหวยซู่หยานน่ะมีชื่อเสียงมากในสนามรบ…เขาน่ะสามารถสั่งการกองทัพหลวงทั้งสามกองทัพได้อย่างเด็ดขาด ในตอนนั้นเองที่ศึกเมืองหรงเป่ย เหวยซู่หยานสามารถนำทัพหลวงต่อสู้กับชนเผ่าอื่นๆ ได้อย่างดุเดือด และในตอนนั้นเองเขาก็ได้ผลิกลีบดอกบัวกลีบที่ 7 ในการต่อสู้ครั้งนั้น…”
เหวยซู่หยานไม่เข้าใจว่าทำไมลู่โจวถึงได้พูดเรื่องพวกนี้ออกมา
ศิษย์สาวกของลู่โจวเองก็เป็นเช่นกัน แต่การที่อาจารย์ของพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ มันจะต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่ ศิษย์สาวกทั้งหลายได้แต่ยืนอย่างเคารพก่อนที่จะฟังคำพูดของลู่โจวผู้เป็นอาจารย์อย่างตั้งใจต่อไป
“พลังวรยุทธของแม่ทัพเหวยลึกล้ำสุดจะหยั่งถึง สถานะของเขาเองก็สูงส่งไม่แพ้กัน…เจ้าน่ะเป็นแม่ทัพที่ไต่เต้ามาถึงตำแหน่งอันสูงส่งด้วยร่างกายแบบนั้นอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวได้พูดออกมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินแบบนั้นเหวยซู่หยานก็ได้ทรุดตัวลงไปกับพื้น ใบหน้าของเขาซีดเซียวจนน่ากลัว
หยวนเอ๋อและต้วนมู่เฉิงเองยังคงสับสนกับสิ่งที่ได้เห็น แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินผู้ที่ชาญฉลาดที่สุดในหมู่ศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ที่นี่กลับรู้อะไรบางอย่างแล้ว
หมิงซี่หยินชี้ไปที่เหวยซู่หยานก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว! เจ้าน่ะมันก็แค่นักต้มตุ๋นอย่างงั้นสินะ อธิบายทุกอย่างออกมาซะ! “
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหมิงซี่หยิน ในตอนนั้นเองทุกๆ คนก็เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในตอนนี้เหวยซู่หยานยังคงนิ่งเงียบ
หมิงซี่หยินก้าวไปด้านหน้าก่อนที่จะพูดกับเหวยซู่หยานขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านอาจารย์ต้องการจะพูดแล้ว…เจ้าน่ะแสดงละครจนมาถึงตอนนี้ได้…ข้าน่ะคิดว่ามันแปลกตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเจ้าถึงอยากที่จะกลายเป็นแพะรับบาปด้วย? ข้าน่ะรู้สึกประทับใจในความตั้งใจของเจ้าจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ…พลังวรยุทธที่เจ้ามีน่ะมันเทียบเท่ากับคนที่เจ้าแอบอ้างไม่ได้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะพยายามเพื่อที่จะได้ตายแทนแม่ทัพคนนั้นสักแค่ไหน สุดท้ายแล้วเจ้าก็ยังขาดความเด็ดเดี่ยวและการเตรียมใจของทหารอยู่ดี…ข้าพูดถูกสินะ? “
ในตอนแรกทุกคนคิดว่าเหวยซู่หยานได้ปกปิดซ่อนพลังวรยุทธที่มีเอาไว้ แต่ในตอนนี้ความจริงทุกอย่างปรากฏออกมาแล้ว เขาไม่ได้ปกปิดพลังวรยุทธที่แท้จริงเอาไว้เลย
“…” ต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อต่างก็จ้องมองไปที่เหวยซู่หยานราวกับว่าเขาในตอนนี้กลายเป็นบ้าไปแล้ว
‘เจ้านี้มันไม่ละอายแก่ใจบ้างหรอ? ทั้งๆ ที่ความจริงถูกเปิดเผยไปแล้วเนี่ยนะ’
หมิงซี่หยินยังคงพูดต่อไป “นอกจากนี้ทหารผู้ติดตามของเหวยซู่หยานก็ควรที่จะแข็งแกร่งกว่านี้ ทำไมเจ้าถึงกลับนำทหารอ่อนแอเพียงกลุ่มเดียวมากับเจ้าเท่านั้น พวกเรามาจบเรื่องนี้กันดีกว่า ทำไมเจ้าไม่เริ่มจากบอกชื่อที่แท้จริงออกมา? เจ้าน่ะเป็นพี่ชายฝาแฝดของเหวยซู่หยานอย่างงั้นหรอ? “
คำถามสุดท้ายที่หมิงซี่หยินได้ถามออกไปคือคำถามเดียวกับที่ลู่โจวสงสัย
ในความจริงแล้วตอนที่เหวยซู่หยานคนนี้เข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ ลู่โจวก็รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่ตัวจริง ดวงตาแห่งสัจธรรมของลู่โจวได้ทำให้ตัวเขามองเห็นพลังวรยุทธที่แท้จริงของชายคนนี้ตั้งแต่แรก
หมิงซี่หยินมองไปที่อาจารย์ของตัวเอง ก่อนที่จะหันกลับไปหาเหวยซู่หยานและพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูนุ่มลึกออกมา “ข้ากำลังบอกเจ้าอยู่…พวกเราทุกคนรู้แล้วว่าเจ้าเป็นตัวปลอม ข้าไม่สนเหตุหรอกว่าเจ้าจะปลอมตัวมาเป็นเหวยซู่หยานทำไมกัน แต่ในเมื่อเจ้ามาถึงศาลาปีศาจลอยฟ้าแบบนี้มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการมาตายโดยเปล่าประโยชน์หรอกนะ! “
“…” เหวยซู่หยานตัวปลอมได้แต่กลืนน้ำลายอย่างประหม่า เหงื่อบนใบหน้าของเขายังคงไหลรินอย่างไม่หยุดยั้ง ในตอนนี้สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
“บอกพวกเรามา เจ้าชื่ออะไรกันแน่? “
ในช่วงชี้เป็นชี้ตายนี้เหวยซู่หยานตัวปลอมรู้ดีว่าถ้าหากโกหกไปศาลาปีศาจลอยฟ้าก็คงจะไม่ปล่อยเขาไปแน่ ตัวเขาที่ดื้อรั้นก็จะตายลงที่นี่ไปอย่างไร้ประโยชน์ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ตัดสินใจพูดออกมา “เหวยซู่เหลน…”
“เจ้าเป็นพี่น้องฝาแฝดอย่างงั้นสินะ? “
“เหวยซู่หยานเป็นญาติของข้าเอง…” เหวยซู่เหลนได้ตอบกลับมา
“ก็ไม่ต่างอะไรจากพี่ชายของเจ้างั้นสินะ…เจ้านั่นมันชั่วช้าซะจริง ทำไมเจ้านั่นถึงส่งเจ้ามาตายแทนแบบนี้! ช่างทุเรศซะจริง” หมิงซี่หยินพูดจาเหยียดหยามออกมา
เหวยซู่เหลนส่ายหัว หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดออกมาอย่างโ,่งใจ “ถ้าหากข้าไม่ตาย…ครอบครัวของข้ารวมไปถึงผู้คนอีก 100 คนจะต้องตายแทนข้า”
หมิงซี่หยินปรบมือก่อนที่จะพูดขึ้น “ชั่วช้าจริงๆ! ดูเหมือนว่าข้าจะรู้แล้วล่ะว่าเหวยซู่หยานทำยังไงกันถึงได้กลายเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้บัญชาการกองทัพหลวงทั้งสามทัพได้”
“ข้าไม่มีทางเลือกแล้ว”
“ก็จริงอยู่ที่เจ้าไม่มีทางเลือก…เจ้าคงจะต้องฝึกฝนมาอย่างหนักเพื่อที่จะแสดงละครแบบนี้สินะ ในตอนที่ข้าพบเจ้าครั้งแรก ข้าน่ะคิดว่าเจ้าเป็นแม่ทัพที่ดีมาโดยตลอด ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครในศาลาปีศาจลอยฟ้าที่จะเห็นการทำงานของเหวยซู่หยานน่าเคารพนับถือ สุดท้ายแล้วเจ้าก็ไม่สามารถตบตาสายตาของท่านอาจารย์ได้” หมิงซี่หยินได้พูดสรุปออกมาโดยที่ไม่ลืมจะประจบอาจารย์ของตัวเองไปในท้ายที่สุดด้วย
‘ศิษย์น้องสี่เชี่ยวชาญในการพูดเยินยอซะจริง’
ต้วนมู่เฉิงได้คารวะลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ไม่ว่าเจ้าพวกนี้แท้จริงแล้วจะเป็นใครพวกเราก็ควรจะจัดการพวกเขาทั้งหมดตั้งแต่ตอนนี้ หลังจากนั้นพวกเราก็จะส่งของกำนัลพวกนี้ไปให้เหวยซู่หยานยอมแพ้ซะ”
ลู่โจวไม่ได้ฟังอะไรต้วนมู่เฉิง ตัวเขากำลังเหลือบมองไปที่เหวยซู่เหลนก่อนที่จะมองไปที่เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังตัวเขา
ทหารเหล่านี้ล้วนแต่ฝืนอดทนยืนอยู่ ทั้งแขนและขาของพวกเขาอ่อนแรงเต็มทน ใบหน้าของเหล่าทหารเองก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ลู่โจวส่ายบหัว เขาจ้องไปที่เหวยซู่เหลนก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าจะให้โอกาสไว้ชีวิตเจ้า…แน่นอนว่ารวมไปถึงชีวิตครอบครัวของเจ้าด้วย”
เหวยซู่เหลนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับตกตะลึง! ตัวเขารีบเรียบเรียงคำพูดของลู่โจวอีกครั้ง
ลู่โจวยังคงพูดต่อไป “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจงเป็นเหวยซู่หยานตัวจริงซะ! “
“…”
เหล่าศิษย์สาวกที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน
เหวยซู่เหลนที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ถามกลับมาในทันที “ท่านหมายความว่าอะไรกัน? “
หมิงซี่หยินได้ชิงพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มซะก่อน “ท่านอาจารย์ฉลาดหลักแหลมมาก! เหวยซู่หยานสามารถสั่งการกองทัพหลวงทั้ง 3 กองทัพได้ ถ้าหากเจ้านั้นตายไปจริงๆ แล้วละก็เมืองหลวงจะต้องโกลาหลอย่างแน่นอน…เช่นนั้นแล้วพวกเราควรจะมีใครสักคนที่แสดงละครเป็นเหวยซู่หยาน นี่ถือเป็นแผนการที่ดีจริงๆ “
ทุกๆ คนต่างก็เข้าใจแผนการของลู่โจวดี
เหวยซู่เหลนที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้กลืนน้ำลาย เขามองเหล่าวายร้ายที่อยู่รอบตัวอย่างระมัดระวัง
“อะไรกัน? เจ้าไม่เต็มใจจะทำอย่างงั้นหรอ? ” หมิงซี่หยินได้ถามขึ้น “ถ้าหากเ็นแบบนี้นอกจากที่เจ้าจะต้องตายฟรีแล้ว…ครอบครัวและญาติพี่น้องของเจ้าเองก็จะต้องถูกเหวยซู่หยานฆ่าตายแน่! นี่ถือโอกาสทองที่ท่านอาจารย์มอบให้กับเจ้า เจ้าน่ะไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้หรอก”
“ข้า…ข้าน่ะ…” เห็นได้ชัดว่าเหวยซู่เหลนกำลังขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่าเขาจะทำตามแผนการจริงๆ ตัวเขาที่เป็นตัวปลอมจะไม่ถูกคนจากพระราชวังจับได้หรอกหรอ?
ลู่โจวได้โบกมือก่อนที่จะพูดขึ้น “ขังเจ้าพวกนี้เอาไว้ซะ…จนกว่าที่เหวยซู่หยานจะตายอย่าได้ปล่อยตัวออกมา”
ครับท่านอาจารย์
เมื่อต้วนมู่เฉิงตอบรับ เขาก็ได้พาเหวยซู่เหลนออกไป ในตอนนั้นเองจ้าวยู่ก็ได้ได้รีบวิ่งเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ เหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงจากวังจันทราเองก็วิ่งตามมาติดๆ “ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องยี่มีท่าทีที่แปลกไป! “
หมิงซี่หยิน, หยวนเอ๋อ และต้วนมู่เฉิงต่างก็ตื่นตกใจ
มีเพียงลู่โจวเท่านั้นที่ยังคงสงบเยือกเย็นอยู่
จ้าวยู่ได้พูดต่อไป “ศิษย์เองก็ไม่รู้เช่นกัน แม้ว่าจุดตันเถียนของนางจะไม่สามารถใช้งานได้แล้ว แต่ถึงแบบนั้นนางก็ยังดูดซับพลังรอบๆ ตัวอยู่! ศิษย์ที่เห็นแบบนั้นรู้สึกสับสนมากจึงรีบมาถามท่านอาจารย์! “
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร ตัวเขาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้เดินออกจากห้องโถงใหญ่ไป
หยวนเอ๋อและหมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นก็ได้ตามตัวเขาไป
ต้วนมู่เฉิงได้โบกหอกราชันย์ก่อนที่จะตะโกนเรียกเหวยซู่เหลน “ไปกันเถอะท่านแม่ทัพเหวยในอนาคต! “
ในเวลาไม่นานลู่โจวและคนอื่นๆ ก็ได้มาถึงศาลาทิศใต้ พวกเขาทั้งหมดสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นลมที่ไหลออกมาจากห้องของยี่เทียนซิน
ถึงแม้ว่าพลังที่สัมผัสได้จะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรแต่เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ที่ใช้จุดตันเถียนไม่ได้จะปล่อยพลังแบบนี้ออกมา
ลู่โจวรีบโบกมือ ในตอนนั้นเองประตูก็ได้เปิดออกมา ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้พบกับภาพอันน่าประหลาดใจ
ร่างของยี่เทียนซินกำลังลอยอยู่เหนือเตียง ร่างกายของเธอเปล่งแสงสีขาวออกมาจางๆ สีของมันเหมือนกับหยกขาวบริสุทธิ์ยังไงยังงั้น เธอกำลังดูดซับพลังรอบๆ ตัวไปอยู่ ในตอนนี้เองผิวหนังของเธอก็เริ่มฟื้นฟูจนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สีผมขาวโพลนก็เริ่มที่จะกลับมาดำอย่างช้าๆ …
นี่มันเป็นไปไม่ได้
ลู่โจวยังคงสงบนิ่งในขณะที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของยี่เทียนซินไปด้วย