หยวนเอ๋อกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ดูเหมือนว่านางจะมีความสุขมากที่ไม่ได้กลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าในตอนนี้
แต่มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรอที่จะพาฝานลี่เทียนและเล้งลั่วไปที่แท่นบูชาหลักของสำนักแห่งความบริสุทธิ์? ไม่ใช่เป็นเพราะพวกลู่โจวกลัวอะไรสำนักแห่งความบริสุทธิ์ ในตอนนี้ม่อฉีได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลำพังสำนักแห่งความบริสุทธิ์ในตอนนี้คงจะไม่มีกำลังรบอะไรเหลืออีกต่อไป ยูฮงยี่และเจ็ดยอดฝีมือเองเป็นเหมือนกับปราการด่านสุดท้าย สิ่งที่จะต้องระวังจริงๆ นั่นก็คือสำนักอเวจี สำนักอเวจียังคงอยู่ที่แท่นบูชาหลักของสำนักแห่งความบริสุทธิ์ สี่สุดยอดผู้พิทักษ์ของสำนักอเวจีเองก็ยังคงอยู่ที่นั่น พวกเขาล้วนแต่เป็นสุดยอดฝีมือ มีข่าวลือมาว่าเจ้าสำนักอเวจีมีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำ ยู่เฉิงไห่ผู้เป็นเจ้าสำนักอเวจีอยู่ในระดับเดียวกันกับปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ถ้าหากเป็นการสู้ตัวต่อตัวคงจะเป็นการต่อสู้อย่างแน่นอน แต่ยังไงซะสำนักอเวจีก็ยังมียอดฝีมือมากมายหลายคน ลำพังลู่โจวเพียงคนเดียวจะไปจัดการกับยอดฝีมือทั้งหมดได้ยังไงกัน? ยิ่งไปกว่านั้นม่านพลังของภูเขาทองในตอนนี้ก็ได้อ่อนกำลังลง ถ้าหากลำดับความสำคัญให้ดีการที่จะกลับไปยังภูเขาทองเพื่อฟื้นฟูพลังคงจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ชายชราทั้งสามได้พาเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ออกเดินทาง ไม่ว่าใครที่มองเห็นภาพนี้จะต้องรู้สึกแปลกใจด้วยกันทั้งหมด ทั้งสามคนได้เดินทางไปด้วยรถม้าลอยฟ้าด้วยกัน
ฝานลี่เทียนได้พูดขึ้น “ข้าไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้”
“เรื่องอะไรกัน? “
“ข้าเข้าใจว่าท่านพยายามที่จะเก็บกวาดเรื่องของศาลาปีศาจลอยฟ้าอยู่ แต่ถึงแบบนั้นยู่เฉิงไห่เป็นยอดฝีมือ ด้วยพลังวรยุทธของเขาการที่จะปราบเขาลงได้คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย” ฝานลี่เทียนพูดออกมา
“ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่” ลู่โจวได้พูดขึ้น
เล้งลั่วได้พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “เจ้ากำลังลังเลที่จะไปสำนักแห่งความบริสุทธิ์อย่างงั้นสินะ เจ้าก็เลยคิดข้ออ้างเช่นนี้ขึ้นเพื่อที่จะไม่ต้องไปที่นั่น”
“เล้งลั่ว เจ้าคงจะรู้สึกอึดอัดมากสินะถ้าหากไม่ได้พูดให้ร้ายข้าน่ะ? “
“ฝานลี่เทียน ข้าพยายามที่จะสอนให้เจ้าเผชิญหน้ากับความกลัว แทนที่จะหนีแบบนี้”
บางทีพวกเขาอาจจะทะเลาะกันจนบ่อยเกินไป คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นทำเป็นไม่สนใจ พวกเขารู้สึกคุ้นชินกับการทะเลาะกันของทั้งสองคนไปแล้ว
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ฝานซงที่กำลังนอนอยู่บนรถม้าก่อนที่จะพูดออกมา “จ้าวยู่ พาเขากลับไปซะ”
วิซซาร์ดได้บินลงมาจากบนท้องฟ้า
เมื่อฝานลี่เทียนมองเห็นวิซซาร์ดตัวเขาก็หยุดทะเลาะกับเล้งลั่วไปในทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับเห็นสมบัติล้ำค่ากำลังอยู่ตรงหน้า ที่ลำตัวของวิซซาร์ดห้อมล้อมไปด้วยพลังอันเป็นมงคล นี่ก็คงเป็นหนึ่งในสัตว์ขี่ในตำนานอีกตัวหนึ่งของลู่โจว ผู้ฝึกยุทธบางคนมีชีวิตอยู่ไปทั้งชั่วอายุขัยก็ยังไม่มีโอกาสที่จะเห็นสัตว์ขี่ในตำนานสักตัว แต่เมื่ออยู่กับศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้ เรื่องที่ดูไม่ธรรมดาก็ดูเหมือนเรื่องที่ธรรมดาๆ ทั้งสองคนไม่คาดคิดมาก่อนว่าลู่โจวจะมีสัตว์ขี่ในตำนานถึงสองตัว
ในทางกลับกันเล้งลั่วดูสงบกว่ามาก ภาพความทรงจำในตอนที่ต่อสู้กับสุดยอดเวทมนตร์คาถาของสิบคนทรงยังคงตราตรึงอยู่ใจใจ เขาไม่มีวันลืมพลังอันยิ่งใหญ่ของวิซซาร์ดไปได้
ฝานลี่เทียนได้ถามออกมา “ท่านได้วิซซาร์ดมาจากไหนกัน? ตามตำนานได้ว่าเอาไว้ การที่จะทำให้วิซซาร์ดเชื่องได้เป็นอะไรที่ยากมาก นอกจากนี้การที่จะหามันเจอในป่าม่านหมอกได้เป็นเรื่องที่แทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลย”
“วิซซาร์ดอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวลูบเคราในขณะที่พูดไปด้วย ตัวเขาได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าได้มันมาก็เพราะความโชคดี เพราะแบบนั้นมันจึงไม่มีอะไรสำคัญที่จะพูดถึง”
“ท่านถ่อมตัวมากเกินไปแล้ว ใครก็ตามที่ทำให้วิซซาร์ดเชื่องได้คนคนนั้นจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ มีข่าวลือมาว่าวิซซาร์ดสามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์ได้ มันสามารถเข้าใจความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตได้ นี่เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นสินะ? “
หยวนเอ๋อได้ตอบแทนผู้เป็นอาจารย์ “ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องนี้หรอกนะ แต่เท่าที่ข้ารู้วิซซาร์ดน่ะแข็งแกร่งมาก” มันเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ที่ตัวของวิซซาร์ดสามารถปลดปล่อยพลังอันเป็นมงคลออกมาจนสามารถยับยั้งพลังเวทมนตร์คาถาของสิบคนทรงได้
วิซซาร์ดในตอนนี้อยู่ข้างๆ กับรถม้าลอยฟ้าแล้ว
จ้าวยู่ได้ใช้พลังของนางก่อนที่จะยกตัวฝานซงขึ้นไปบนวิซซาร์ด
“ไปซะ” ลู่โจวได้โบกมือ
วิซซาร์ดได้เคลื่อนตัวไปยังก้อนเมฆก่อนที่จะหายไปในพริบตา
ในแง่ของความเร็ว วิซซาร์ดมีความเร็วมากกว่ารถม้าลอยฟ้าซะอีก ข้อเสียของสัตว์ขี่อย่างวิซซาร์ดเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือความสามารถในการบรรทุกจำนวนคนนั่นเอง
ฝานลี่เทียนได้จับตาดูวิซซาร์ดจนละสายตาไป หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาโดยที่ไม่พูดอะไร ตัวเขาได้หันไปทำความเคารพลู่โจวเล็กน้อย ตัวเขารู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะพูดคำชมเชยด้วยอายุที่มากปูนนี้ เพราะแบบนั้นมันคงจะดีกว่าถ้าหากตัวเขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ตัวเขาได้แต่ยกขวดเหล้าขึ้นมาก่อนที่จะดื่มมันต่อไป
ต้วนมู่เฉิงเป็นผู้ควบคุมพังงาได้หันมาถามอีกครั้ง “ท่านอาจารย์พวกเราจะไปที่แท่นบูชาหลักของสำนักแห่งความบริสุทธิ์สินะครับ? “
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ต้วนมู่เฉิงก่อนที่จะตอบกลับมา “เจ้ากำลังสงสัยอะไรในคำสั่งข้ากัน? “
“ศิษย์ไม่กล้า ศิษย์จะควบคุมรถม้าลอยฟ้าต่อไป “
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ของที่เหลืออยู่ การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาต x3, การ์ดป้องกันไร้ที่ติด x4, การ์ดประกันชีวิต x7, การ์ดกรงผนึกกักขัง x4, เครื่องรางขัดเกลา x1, การ์ดระเบิดจุดสุดยอด x1, การ์ดรักษาฉุกเฉิน x3, การ์ดรักษาฉุกเฉินโฉมใหม่ x3, วิซซาร์ด, บี่เอี๊ยน ถ้าหากลู่โจวใช้ของทั้งหมดนี้จัดการกับศิษย์ทรยศมันก็คงจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่ามาก ตัวเขาจะต้องคิดเรื่องที่จะจัดการกับลูกศิษย์ทรยศให้ดี
ยู่เฉิงไห่, ยู่ฉางตง และสีวู่หยาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ ลู่โจวจะต้องจับพวกเขาให้ได้ก่อนที่จะทำให้พวกเขายอมแพ้ในภายหลัง
เนื่องจากลู่โจวมีการ์ดระเบิดจุดสุดยอดอยู่ เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงมั่นใจ ยังไงซะยู่เฉิงไห่คงจะเทียบกับสิบสุดยอดฝีมือไม่ได้
รถม้าล่องเมฆาเริ่มออกเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันได้พุ่งผ่านไปบนอากาศก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังสำนักแห่งความบริสุทธิื
“ข้าต้องขอโทษด้วยศิษย์น้องเล็ก…จับให้แน่นๆ ล่ะ”
“ไม่เป็นไรศิษย์พี่ ข้ารู้สนุกมากกว่า”
ไม่มีชายชราคนไหนรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับที่หยวนเอ๋อรู้สึก”
รถม้าลอยฟ้าได้พุ่งไปบนฟ้าด้วยความเร็ว ตลอดการเดินทางรถม้าลอยฟ้าเริ่มกลับมาลอยได้อย่างปกติโดยไม่โคลงเคลง
ในขณะเดียวกันที่แท่นบูชาหลักของสำนักแห่งความบริสุทธิ์
แท่นบูชาหลักในตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด มีอาวุธถูกทิ้งอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง มันเป็นภาพแห่งหายนะอันสมบูรณ์แบบที่คนคนหนึ่งจะจินตนาการได้
ครึ่งหนึ่งของยอดฝีมือทั้งเจ็ดไหม้เป็นตอตะโก
รถม้าลอยฟ้าขนาดมหึมาได้จออยู่ที่ท้องฟ้าบนเหนือแท่นบูชาหลัก
ผู้ฝึกยุทธหลายสิบคนกำลังยืนอยู่บนแท่นบูชาก่อนที่จะมองไปยังท้องฟ้าทางทิศตะวันออก ที่ตรงนั้นเองมีคนทั้งสี่กำลังยืนอยู่ พวกเขาต่างก็สวมเสื้อคลุมที่ดูหลากสี
ในบรรยากาศที่เงียบสงบ หยางเยียนโถงวิหคสายฟ้าไม่สามารถที่จะรอยคอยได้อีกต่อไป “ปรมาจารย์มหาวายร้ายจะปรากฏตัวจริงๆ อย่างงั้นหรอ? “
ฮั๊วจงหยางได้มองไปที่เขาก่อนที่จะพูดออกมาอย่างจริงจัง “ระวังคำพูดของเจ้าเอาไว้ ถ้าหากท่านเจ้าสำนักมาได้ยินเจ้าจะต้องถูกทำโทษแน่”
ไปยู่ชิงได้พูดออกมา “ท่านผู้อาวุโสได้ไปที่แม่น้ำเรียวบางแล้ว ด้วยอารมณ์ที่ท่านผู้อาวุโสมี ม่อฉีคงจะหนีไม่รอดแน่ แต่ยังไงก็ตามยังมีกำลังเสริมจากพระราชสำนักคอยหนุนหลังม่อฉีอยู่ เหวยซู่หยานยังมียอดฝีมืออยู่เคียงข้างกาย ท่านผู้อาวุโสอาจจะต้องเจออุปสรรคกว่าที่จะเอาตัวรอดมาได้แน่”
“ข้ากลัวว่าม่อฉีคงไม่คาดคิดว่าจะได้ตายเพราะฝีมือท่านผู้อาวุโสหลังจากที่รอดพ้นเงื้อมมือของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง”
คนอื่นๆ ที่ฟังแบบนั้นก็ได้พยักหน้าออกมาอย่างเห็นด้วย
“ท่านเจ้าสำนักเชื่อใจศิษย์น้องของเขามาก ถ้าหากศิษย์คนที่เจ็ดของศาลาปีศาจลอยฟ้าบอกว่าท่านผู้อาวุโสจะมา…ท่านผู้อาวุโสก็จะต้องมาแน่นอน”
“เขามั่นใจขนาดนั้นเลยอย่างงั้นหรอ? “
“เจ้าลืมไปแล้วหรอว่าท่านเจ้าสำนักลงโทษเจ้ายังไงก่อนหน้านี้? อย่าดูถูกคนคนนั้นจะดีกว่า…อย่าได้ดูถูกศิษย์ของศาลาปีศาจลอยฟ้าเลย” ฮั๊วจงหยางได้พูดต่อ “ถ้าหากท่านผู้อาวุโสไม่ได้แก่ชราไป ข้าไม่คิดว่าเขาจะอ่อนแอไปกว่าพวกเราได้หรอก”
“จำเอาไว้ว่าพวกเราควรจะซื้อเวลาให้กับเจ้าสำนักให้ได้มากที่สุดถ้าหากท่านผู้อาวุโสมาที่นี่…ยูฮงยีและคนอื่นๆ ยังอยู่ที่นี่”
“ข้าหวังว่าจะไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับพวกเราทั้งสี่คน ถ้าหากพวกเราทำอะไรไม่ได้จริงๆ พวกเราก็เลือกหนีกันเถอะ! “
ทั้งสี่ต่างก็เห็นพร้อมต้องกัน พวกเขาเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยที่จะต้องหนียอดฝีมือของยุค
พวกเขาทั้งสี่ยังคงพูดคุยกันต่อไปในขณะที่รถม้าล่องเมฆาปรากฏตัวขึ้นมาบนท้องฟ้า
ฮั๊วจงหยางได้มองไปที่รถม้าก่อนที่จะบอกคนอื่นๆ “พวกเขามาแล้ว”
ไปยู่ชิงดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก “พวกเขาจัดการกับกองกำลังเสริมของพระราชสำนักเร็วขนาดนี้เลยอย่างงั้นหรอ? “
“นี่คือรถม้าลอยฟ้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าแน่”
“รีบแจ้งเจ้าสำนักและยอดฝีมือทั้งเจ็ดเร็วเข้า บอกให้พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง”