บทที่ 266 เรียนพิเศษ

บทที่ 266 เรียนพิเศษ
โดย

บทที่ 266 เรียนพิเศษ

เจ้ารองกับเจ้าสามได้เจอกับแม่ของพวกเขาในทันทีที่กลับถึงบ้าน

ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่ก็ต้องประหลาดใจ

“แม่ แม่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะครับ?” เจ้ารองเอ่ยอย่างดีใจ

“ผมคิดว่าแม่จะกลับหลังจากนี้เสียอีก!” เจ้าสามเอ่ยขึ้นมาด้วย

หลินชิงเหอไม่ได้เจอหน้าลูกลิงทั้งสองนี้มาเกือบครึ่งปีแล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะดีใจเมื่อเห็นพวกเขาเติบโตขึ้น

“ตอนนี้ปิดเทอมฤดูร้อนน่ะแม่เลยถือโอกาสกลับมา งานเก็บเกี่ยวฤดูร้อนยุ่งมากอยู่ตลอดแหละ แม่เลยกลับมาทำอาหารให้ไง ใครก็ตามที่แม่ไม่สนใจไม่มีทางเป็นคน ๆ นั้นที่ขยันมากที่สุดในครอบครัวของเราไม่ใช่เหรอ?” หลินชิงเหอตอบอย่างร่าเริง

เจ้ารองกับเจ้าสามยิ้มกริ่ม

“ลูก ๆ หิวกันแล้วใช่ไหม? ไปหยิบหมั่นโถวมากินรองท้องสองลูกสิ” หลินชิงเหอบอก

ในเมื่อมีมิติเก็บของแล้ว หญิงสาวก็นำของบางอย่างมาเหมือนกัน อย่างเช่นของฝากพิเศษท้องถิ่นของเมืองหลวงบางอย่าง แต่ด้วยอากาศที่ร้อน เธอจึงไม่ได้นำเป็ดย่างออกมา ซึ่งในมิติของเธอมีอยู่จำนวนหนึ่ง โดยเธอตั้งใจเก็บไว้เป็นอาหารเย็นให้โจวชิงไป๋

หลินชิงเหอที่ไม่รู้ตัวว่าตามใจสามีเกินไปมากก็เริ่มตุ๋นปลาไหลกับผักดอง

ท่านแม่โจวกลับมาบ้านเร็ว นางรู้สึกดีใจเช่นกันที่ได้เห็นสะใภ้สี่กลับมา “คืนที่แล้วฉันบอกอาสี่ว่าเธอจะกลับมาเร็ว แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาวันนี้”

จากนั้นนางก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าไม่มีจักรยานอยู่ “ทำไมเธอไม่ยืมจักรยานจากเสี่ยวเหมยก่อนล่ะ? จากนั่นมาถึงบ้านมันไกลนะ”

“พอดีมีรถแทรกเตอร์กลับเข้าหมู่บ้านใกล้เคียงน่ะค่ะ ฉันเจอเข้าก็เลยติดสอยห้อยตามมาด้วย เลยไม่ได้ไปที่บ้านของเสี่ยวเหมย” หลินชิงเหอตอบ

ท่านแม่โจวพยักหน้า หลินชิงเหอหันกลับไปเอ่ยกับลูกชายทั้งสอง “ให้คุณย่ากินเค้กรองท้องสักหน่อยสิลูก”

เจ้าสามเป็นคนหยิบมาให้ชิ้นหนึ่งและเอ่ยขึ้น “คุณย่า ลองชิมสิครับ มันอร่อยมากเลย”

ท่านแม่โจวยิ้มรับ “ย่ายังไม่อยากกินตอนนี้หรอก มันใกล้ได้เวลาอาหารแล้วน่ะ”

แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังรับมากิน มีเพียงสะใภ้สี่เท่านั้นที่จะซื้อขนมและของว่างแบบนี้มาได้ ซึ่งบางครั้งเธอก็จะลงมือทำเองด้วย นางไม่รู้วิธีทำของพวกนี้หรอก

ในยุคของนาง บรรดางานฝีมือต่าง ๆ ล้วนสงวนไว้ตอนที่ทั้งครอบครัวไม่อดมื้อกินมื้อแล้วเท่านั้น

“แม่เอาแตงโมลูกใหญ่กลับมาด้วยล่ะครับ หลังกินข้าวเย็นเสร็จ คุณย่ากับคุณปู่อย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ” เจ้าสามเอ่ยต่อ

“แม่กลับมาแล้ว หนูมีความสุขไหม?” ท่านแม่โจวหัวเราะขณะกินเค้ก

“แน่นอนสิครับ” เจ้าสามตอบอย่างภาคภูมิใจ

จากนั้นเขาก็ถูกแม่ไล่ให้ไปเลี้ยงไก่กับเป็ดที่อยู่ในสวนหลังบ้าน

“คุณแม่คะ ทำไมปีนี้เลี้ยงสัตว์ไว้เยอะเลยล่ะคะ?” หลินชิงเหอถามขณะทำอาหาร

เธอเห็นเป็ดจำนวนมากและแม่ไก่อีก 10 ตัวตอนที่กลับมาถึงบ้าน นับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยเลย

“ปีนี้กฎระเบียบต่าง ๆ เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาไม่สนใจกฎเดิมกันแล้วล่ะ” ท่านแม่โจวอธิบาย “ปีที่แล้วหลังกินแกงเป็ดแก่ที่เธอทำไป คุณพ่อก็เลี้ยงเป็ดมากขึ้นในปีนี้ เดิมทีฉันไม่ได้อยากจะเลี้ยงเยอะขนาดนี้หรอกนะ”

“งั้นเก็บไว้ให้ครอบครัวเรากินเมื่อถึงวันสิ้นปีเถอะค่ะ ฉันจะได้กลับมาทำแกงเป็ดให้อีกครั้ง” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ตกลง” ท่านแม่โจวเอ่ยเห็นด้วยอย่างแช่มชื่น

ดูสะใภ้สี่ตอนนี้สิ เธอช่างเป็นที่ภูมิใจในทุกด้านจริง ๆ แสดงว่านางสายตาดีมาตั้งแต่เริ่มและหาคู่ครองที่ดีให้กับอาสี่สินะถูกไหม?

สิ่งที่ท่านแม่โจวไม่รู้ก็คือคนที่นางหามาให้ลูกชายนั้นจริง ๆ แล้วเป็นคนที่สามารถทำลายครอบครัวได้สามชั่วรุ่นต่างหาก

ท่านพ่อโจวกับโจวชิงไป๋ยังไม่กลับจนกระทั่งถึงหกโมงครึ่ง

ทันทีที่กลับมาถึงบ้านและเห็นภรรยาอยู่ เขาก็ชะงักไป ทันใดนั้นหลินชิงเหอก็เห็นแววปิติยินดีอย่างเห็นได้ชัดในดวงตาของชายหนุ่ม

“คุณกลับมาแล้วเหรอคะ? ไปล้างมือเตรียมกินข้าวเถอะค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม

“ครับ” โจวชิงไป๋ตอบและเดินไปล้างหน้าล้างมือก่อนจะเตรียมตัวมากินอาหารเย็น

อาหารเป็นแบบเดิมเหมือนที่เคยกิน แต่รสมือของหลินชิงเหอนั้นกลับต่างออกไป มันถูกปากโจวชิงไป๋มาตลอด

ยิ่งกว่านั้นชายคนนี้ก็หิวมากด้วย

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงหิว เพราะเขากินอาหารเช้าก่อนรุ่งสาง จากนั้นก็ออกไปทำงานจนถึงเที่ยง ได้พักกินอาหารครู่หนึ่งก่อนจะทำงานต่อจนกระทั่งถึงตอนนี้ แม้แต่เหล็กก็คงต้านทานแรงตีไม่ไหวเลยกระมัง

“กินเยอะ ๆ นะคะ วันนี้ไม่มีเนื้ออยู่ที่บ้านแล้ว หลังจากนี้ฉันเลยว่าจะออกไปจองเนื้อกับเหมยเจี่ยน่ะค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างสลดใจและตักปลาไหลให้เขากินเพิ่ม

“แม่อย่ามัวแต่เอาใจพ่อคนเดียวสิครับ ไม่ง่ายเลยนะที่ผมกับพี่รองจะดูแลครอบครัว เราไม่เพียงต้องกลับบ้านมาทำอาหารแล้วยังต้องออกไปร่วมการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนอีก ไม่มีเด็กหนุ่มคนไหนมีความสามารถเท่าเราแล้วล่ะครับ” เจ้าสามเอ่ย

“อืม งั้นลูกก็กินเยอะ ๆ ด้วยนะ” หลินชิงเหอเอ่ยเป็นเชิงรับรู้แต่ยังคงตักอาหารใส่ชามของสามีต่อ

ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวคุ้นชินกับเรื่องนี้ไปแล้ว พวกเขาจึงกินอาหารของตนเองด้วยอาการสงบ หลังกินเสร็จเรียบร้อย สองผู้เฒ่าก็รู้สึกสบายใจเช่นกัน

ความสัมพันธ์ของอาสี่กับสะใภ้ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ต่อให้จะไม่เป็นไปตามบรรทัดฐานทั่วไปแถมเด็ก ๆ ยังโตขนาดนั้นแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังหวานชื่นเหมือนกับสมัยยังหนุ่มสาวกว่านี้

“คุณพ่อกับคุณแม่ก็ควรกินเยอะ ๆ นะคะ อากาศแบบนี้คุณสองคนต้องดูแลตัวเองและคอยเลี่ยงอากาศร้อนตอนออกไปช่วยงานเหมือนกันค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยกับผู้อาวุโสทั้งสอง

“ต่อให้อากาศจะร้อน เราก็ยังทนร้อนไหวน่า” ท่านพ่อโจวพยักหน้า

“ตรงลานตากธัญพืชมีที่พอให้หลบแดดอยู่ล่ะ เธอไม่ต้องห่วงหรอก” ท่านแม่โจวเสริม

นางเป็นคนไปช่วยงานในส่วนของลานตากธัญพืช

แม้ปกติแล้วนางจะไม่ได้ทำงาน แต่อย่างไรนางก็ต้องได้ทำอยู่ดี ในช่วงเวลาอย่างการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วง ทุกคนล้วนออกมาช่วยงานกันหมด ไม่เกี่ยงว่าจะทำงานกันได้เท่าใด แค่มาช่วยงานก็พอแล้ว

ไม่อย่างนั้นแล้ว หากอากาศเกิดแปรปรวนคาดเดาไม่ได้ขึ้นมา คน ๆ นั้นก็จะจมอยู่ในน้ำลายของคนทั้งหมู่บ้าน

ในอดีตหลินชิงเหอก็เคยเจอกับอะไรแบบนี้มาแล้ว เธอจึงต้องทำตัวแข็งกร้าวหน้าหนาไม่เก็บมาใส่ใจอย่างจริงจังเสมอ

หลังจากนั้นจู่ ๆ เธอก็ได้เป็นคุณครูประจำโรงเรียนขึ้นมา การประสบความสำเร็จในการบินขึ้นสูงครั้งนั้นเป็นการล้างมลทินให้เธอขนานใหญ่

ทั้งครอบครัวเพิ่งกินอาหารเสร็จ พอดีกับที่สะใภ้อีกสามคนมาหา

ตอนนี้ความสัมพันธ์ในหมู่สะใภ้เป็นไปด้วยดีแล้ว

สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามนำไข่มาด้วย พวกหล่อนรู้สึกขอบคุณหลินชิงเหอเป็นพิเศษในการสอนหนังสือให้กับโจวหยางและอู่นีในปีที่แล้ว

เด็กทั้งคู่มีผลการเรียนที่ดีขึ้นจากระดับกลางค่อนไปทางต่ำขึ้นมาเป็นระดับกลางจนเห็นการพัฒนาได้อย่างชัดเจน สูตรต่าง ๆ ที่หลินชิงเหอเป็นคนสอนช่างสำคัญนัก

อย่างน้อยโจวหยางกับอู่นีก็เข้าใจในส่วนที่หลินชิงเหอสอนให้

ดังนั้นทั้งคู่จึงมาขอบคุณเธอ

ส่วนสะใภ้รองนั้นนำงาดำมาฝาก 2 ชั่ง หล่อนเองก็รู้สึกดีใจเช่นกัน เพราะปีนี้โจวเซี่ยได้ทำงานเป็นเด็กฝึกงานในโรงแปรรูปไม้โดยผ่านการแนะนำจากโจวชิงไป๋

ครอบครัวสาขาสี่ไม่เคยดูถูกครอบครัวใหญ่ตระกูลโจวหลังจากที่พวกเขาเจริญก้าวหน้าแล้ว แถมยังช่วยเหลือครอบครัวอีกสามสาขาที่เหลือด้วย

หลินชิงเหอปฏิเสธรับของอย่างอื่นนอกจากเมล็ดงาที่สะใภ้รองนำมาให้ “ฉันชอบกินงา ถั่วเหลือง และอื่น ๆ น่ะค่ะ พี่ ๆ นำไข่กลับไปเถอะ หากพี่อยากจะให้ของอะไรกับฉันก็ให้เป็นเมล็ดงาหรือถั่วเหลืองดีกว่า”

ก่อนที่เธอจะกลับมา เธอก็ซื้อไข่มาจำนวนหนึ่งจากตลาดมืดในอำเภอแล้ว อาจเป็นเพราะว่าทุกคนได้เลี้ยงไก่กันมากขึ้นมาปีนี้ ปริมาณไข่จึงมีมากตามไปด้วย

หลินชิงเหอจึงไม่อยากรับไข่จากสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามและบอกให้พวกหล่อนนำกลับไป

สะใภ้ใหญ่รู้สึกกระดากปากที่จะถามว่าเธอจะสามารถสอนพิเศษให้กับเด็กสองคนนี้อีกได้หรือไม่

สะใภ้สามเองก็เช่นกัน

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่ลำเอียงตลอดเลยนะคะ เจ้ารองกับเจ้าสามน้อยใจแล้ว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset