CF:บทที่ 20 ช่วยชีวิตผู้คนบนท้องถนน
หลังจากขับรถออกมานอกตัวเมือง อู๋ ฮ่าวเหรินดูเส้นทางบนอุปกรณ์ระบุตำแหน่งและเสียใจที่ขับรถกลับ
มันใช้เวลา 13 ชั่วโมงในการขับรถจากฉิงหยวนไปหลีฉุย โดยที่ใช้ความเร็วสูงที่สุด
แน่นอนว่า มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะขับรถนานติดต่อกัน 13 ชั่วโมง การฝืนขับรถทั้งๆที่เหนื่อยนั้นมันเสี่ยงอันตรายมากๆ
ด้วยเหตุนี้อู๋ ฮ่าวเหรินจึงเริ่มวางแผนการเดินทาง เขาตั้งใจจะใช้เวลาสองวันในการเดินทาง วันนี้เขาจะไปให้ได้ครึ่งทาง และนั่นก็คือการขับรถ 6 ชั่วโมง ถ้าเขาไม่เหนื่อยเขาก็จะขับต่อไปอีกหน่อย
บางทีคงเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีรถบนถนนเยอะนัก และสภาพถนนก็ใช้ได้ ถนนในทางทิศใต้นั้นไม่เหมือนกับทางทิศเหนือที่มีหิมะและน้ำแข็งทำให้ขับรถเร็วมากไม่ได้
หลังจากที่ขับรถไปนานเกือบสามชั่วโมงครึ่ง อู๋ ฮ่าวเหรินก็หยุดพักที่จุดพักรถ ลงมาเพื่อกินข้าวแล้วขับรถต่อไป
สภาพถนนหลังจากเที่ยงนั้นไม่ค่อยดีเท่าตอนเช้า เพราะมีฝนตกเล็กน้อยระหว่างทางทำให้เขาต้องลดความเร็วลง
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้ขับรถตลอดทั้งคืน แต่เข้าเมืองที่อยู่แยกไปกลางทาง พร้อมที่จะพักผ่อนในเมืองคืนนี้ และขับรถต่อในวันรุ่งขึ้น
เพราะมันไม่มีอะไรทำในตอนกลางคืน เลยเข้าไปดูคนในกลุ่มซองแดงที่กำลังพูดคุยเรื่องที่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด
เช่น มีสงครามเกิดขึ้นที่เขตดาวนั้น, สถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรยานรบอวกาศช่วงนี้เป็นยังไง, เจ้าหญิงของประเทศเขตดาวหนีตามไปกับนักปล้นดาว อะไรทำนองนี้
และเขาพบว่าคนพวกนี้ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อเห็นเขามา
อู๋ ฮ่าวเหรินรู้ตัวว่าเขาพูดบางอย่างผิดพลาดไปซึ่งทำให้คนพวกนี้เข้าใจผิด เขาอยากจะอธิบายมันให้ชัดเจอ แต่ก็พบว่ามันเป็นปัญหาที่ยากจะอธิบาย
ตัวตนของเขาในตอนนี้ เพราะการกระทำของเขามันเหนือกว่าคำอธิบายไปแล้ว อย่างน้อยเขาก็ถามคำถามเด็กๆไป ทำให้ไม่มีใครสงสัยเลยว่าเขามาจากดาวที่ป่าเถื่อน
อย่างไรก็ตาม บางเรื่องที่พวกเขาคุยกันทำให้อู๋ ฮ่าวเหรินคิดถึงแผนการหลังจากที่เขากลับบ้านไปแล้ว
เขาวางแผนจะเปิดบริษัทที่บ้านเกิดของเขา นำเสนอภาพยนต์และเพลงที่สามารถเล่นในโลกปัจจุบันได้โดยเอามาจากระบบซองแดง และเข้าสู่วงการบันเทิง
และในขณะเดียวกันก็พยายามหาทางพัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยีจากขั้นแรกเริ่มของโลกไปถึงระดับอวกาศ และเอามันมาที่โลกปัจจุบันเพื่อวิจัย ดั่งเช่นเพื่อเร่งการพัฒนาของโลกปัจจุบัน
ทั้งๆที่มันเหมือนจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง แต่การเกิดขึ้นของตัวระบบซองแดงเองก็ได้เปลี่ยนอนาคตไปแล้ว ดังนั้นเขาไม่สนเรื่องปรากฎการปีกผีเสื้อเลยแม้แต่น้อย
เพิ่มเติมคือการเกษตรก็สามารถพัฒนาได้ ถึงแม้ว่าสัตว์ที่มีชีวิตไม่สามารถส่งผ่านกันได้แต่มันไม่มีปัญหาอะไรในการที่จะส่งเมล็ดพันธุ์พืช
อู๋ ฮ่าวเหรินพบว่าเทคโนโลยี การเกษตร ทรัพยากร ความบันเทิงและอะไรทำนองนี้ดูเหมือนจะสามารถพัฒนาได้
เมื่อเขาเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องเขาก็เห็นข่าวและสีหน้าเขาก็แปลกไป
“มันดุเดือดเกินไปแล้ว!”
หมวดหมู่ข่าวทั้งหมดมีแต่เรื่องวิดิโอที่เขาอัพโหลดเมื่อคืน ไม่ใช่แค่ข่าวบันเทิง แต่รวมไปถึงข่าวเทคโนโลยีและการทหารด้วย
อู๋ ฮ่าวเหรินดูรายงานและข่าวบันเทิงต่างๆ หลักๆคือพวกเขาศึกษาว่าวิดิโอนี้สร้างขึ้นมายังไง
ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้ข้อสรุป เพราะพวกเขาวินิจฉัยพลาดไป พวกเขาคิดว่าฉากต่อสู้ทั้งหมดสร้างจากเอฟเฟ็คพิเศษ
ดูความคิดเห็นด้านล่าง ทั้งหมดมีแต่การร้องขอวิดิโอฉบับเต็ม
ดูเหมือนว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อเช้านี้ชายตัวอ้วนบ่นเยอะขนาดนั้น
ในข่าววิทยาการ เทคโนโลยีและการทหารส่วนมากจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของชุดเกราะแบบนี้ ซึ่งผลก็คือพวกเขาไม่สามารถศึกษายุดยอดชุดเกราะเช่นนี้ได้เลย
อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหัวและปิดคอมพิวเตอร์ไป แล้วเลือกหนังจากเครื่องเล่นด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็นและชั่วร้าย
หนังเรื่องนี้คือสงครามอวกาศจากโลกอนาคต มันตัดมาจากส่วนของการสู้รบของยานรบอวกาศ หลังจากที่ตรวจดูว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็เชื่อต่อหมายเลขนั้นด้วยมือถือของเขาและส่งวิดิโอไปอีกครั้ง
ทางฝั่งของบริษัทวิดิโอ ในจังหวะที่อู๋ ฮ่าวเหรินเชื่อมต่อกับบัญชีนั้นกลุ่มของช่างเทคนิคก็เริ่มทำการตามตัวเขาทันที
โชคร้ายที่การอัพโหลดวิดิโอนั้นใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที กว่าพวกเขาจะเริ่มทำอะไร อู๋ ฮ่าวเหรินก็ไม่อยู่แล้ว
หลังจากที่วิดิโอถูกส่งไป อู๋ ฮ่าวเหรินก็ไม่สนใจมันอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงไปนอน
วิดิโอวันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อวาน ทันทีที่วิดิโอปรากฏขึ้นมามันก็ถูกตั้งไว้ที่จุดบนสุด
ในเวลาไม่ถึงนาที 30,000 คนก็ดูมันในเวลาเดียวกัน และตัวเลขก็ยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อทุกคนดูวิดิโอจบแล้วพวกก็เสียใจที่ดูมันเพราะว่าพวกเขารู้ตัวว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับอีกแน่ๆ
หลิ่ว หัวเห็นว่ามีวิดิโอใหม่ถูกอัพโหลดมา เขาก็คิดว่าเจ้าของวิดิโอได้เห็นความคิดเห็นต่างๆในโลกออนไลน์แล้ว เลยอัพโหลดวิดิโอเมื่อคืนฉบับเต็มมา
แต่เมื่อดูวิดิโอใหม่ตัวนั้น เขาก็เสียใจที่เปิดมันขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนอยากตาย
แล้วความเห็นใต้วิดิโอก็ไม่ได้เป็นการร้องขอวิดิโอฉบับเต็มอีกต่อไป แต่เป็นการร้องเรียน ข่มขู่และสาปแช่งอู๋ ฮ่าวเหรินแทน
เช้าวันต่อมาหลังจากที่อู๋ ฮ่าวเหรินตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็ไม่ได้สนวิดิโอที่ทำให้คนหลายคนไม่เป็นอันหลับนอนเมื่อคืน
หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เขาก็ขับรถออกไปเพื่อเดินทางกลับบ้านต่อ เขารู้สึกอารมณ์ดีที่จะกลับถึงบ้านวันนี้
และบางทีคงเป็นเพราะเขาอารมณ์ดี อู๋ ฮ่าวเหรินถึงสามารถขับรถได้นานกว่าสี่ชั่วโมงโดยที่เขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
ตามที่เขาคำนวณไว้ ด้วยความเร็วระดับนี้มันจะใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงก็จะถึงบ้าน
เมื่อใกล้ถึงแยกของเมืองหลีฉุย อู๋ ฮ่าวเหรินพบว่าความเร็วของรถบนถนนเริ่มช้าลง หลังจากขับไปอีกนาที ความเร็วรถบนถนนก็ช้าเป็นหอยทาก และดูเหมือนว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้า
เห็นรถคันข้างหน้าหยุด เขาก็ทำได้เพียงหยุดรถด้วยเท่านั้น เขาจึงลงมาจากรถและเดินไปดูข้างหน้า
มีรถพลิกคว่ำบนถนน มีคนกำลังร้องไห้ คนที่กำลังเรียกตำรวจ และบางคนเหมือนกำลังช่วยเหลืออยู่
ในขณะนี้เขาได้ยินคนที่กำลังช่วยเหลืออยู่ตรงนั้นตะโกนมาว่า “มีใครมีเครื่องมืองัดแงะในรถบ้าง? มีบางคนติดอยู่กับประตู”
“ถ้าไม่มี คงต้องรอให้รถกู้ภัยมา มันติดแน่นเกินไปต้องเครื่องมืองัดออกมาเท่านั้น”
“แบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป ขาและแขนของเขามีเลือดออก เมื่อรถกู้ภัยมามันอาจจะสายเกินไป”
เด็กสาวตัวน้อยที่มีรอยฟกช้ำบนหน้าผากร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของหญิงที่น้ำตานองพูดว่า “ช่วยพ่อ ช่วยพ่อหนูด้วย…”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองที่ประตูรถที่เว้าแหว่งยับเยิน และถามหนึ่งในผู้ช่วยเหลือว่า “มีอะไรอันตรายในรถนั่นไหม?”
“ไม่มีอันตรายอะไร ถังน้ำมันไม่ได้รั่ว แต่คนตอนนี้กำลังเสี่ยงมากๆ ถ้าไม่เอาออกมาและพยายามห้ามเลือด มันคงสายเกินไปตอนที่รถกู้ภัยมาถึง”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า ”ผมสามารถพังประตูนั่นได้ ตอนนี้คุณไปหาอะไรที่ใช้ห้ามเลือดได้เถอะ”
เขาเดินไปที่รถที่พลิกคว่ำอยู่ ณ ตอนนี้มีของบางอย่างอยู่ในมือเขา มีดทำครัวความถี่สูงที่เขาแลกมา อู๋ ฮ่าวเหรินหวังว่าพ่อค้าอาวุธจะไม่ได้โกงในเรื่องความสามารถของมันนะ
กดปุ่มทำงานที่ด้ามจับของมันและตัดตรงไปที่ขอบประตู
———————–