CF:บทที่ 39 ความตื่นเต้นในทุกเขตชั้นแนวหน้า
200 ล้านดอลล่าห์!?
เหล่าหัวหน้าในห้องประชุมพูดเป็นเสียงเดียวกันเมื่อได้ยินเช่นนั้น ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในจำนวนเงิน มูลค่าการลงทุนมันสูงถึงขนาด 200 ล้านดอลล่าห์ได้ยังไงกันต่อให้เป็นการลงทุนจากต่างชาติก็เถอะ
ฟ่าน เหวินหมิงแห่งสมาคมพ่อค้าจีนแสดงออกถึงการโต้ตอบเป็นครั้งแรก เขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “เจ้าหนูอู๋ นายแน่ใจเหรอว่ามันคือ 200 ล้านดอลล่าห์จากการลงทุนต่างประเทศ ไม่ใช่หยวนน่ะ?”
อู๋ ฮ่าวเหรินเข้าใจได้ว่าแม้แต่หัวหน้าของเขตนี้ก็คงยังไม่เคยเห็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ขนาดนี้มาก่อนแน่ๆ แต่เงิน 200 ล้านดอลล่าห์นี้ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนอะไรมากมากมาย
หากแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด เขาควรจะคิดผิดจริงๆ เพราะถ้าหากเขาพูดไปว่ามันคือการลงทุนพันล้านหยวน สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ว่านี่คือการลงทุนจากต่างประเทศ ใช่ มันคือการลงทุนจากต่างประเทศ อนิจจา ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีปัญหาขึ้นมาซะแล้ว
“เงินเหล่านี้ถูกโอนเข้าบัญชีบริษัทผมไปแล้ว พวกเขาคงเสียใจกับการลงทุนในตอนนี้แน่ๆ เหมือนว่ามันจะสายไป“
“แน่นอนว่า นั่นก็เพราะเทศมนตรีไม่อนุมัติโครงการของผม…”
“อนุมัติๆ ยินดีที่จะอนุมัติเลย เจ้าหนูอู๋ ไม่ว่านายจะเจอปัญหาอะไร ฉันจะช่วยนายแก้มันเร็วเท่าที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย ขอจงมั่นใจ”
ฟ่านพูดอย่างหนักแน่นว่าใครก็ตามที่ต้องการจะยืนหยัดเคียงข้างเขาจนกว่าจะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ คนๆนั้นก็จะได้เลื่อนขั้นแน่นอน
“ใช่แล้วล่ะเจ้าหนุ่มอู๋ นายกเทศมนตรีของพวกเราจะสนับสนุนนาย ว่าแต่มันคือการลงทุนอะไรกันล่ะ?”
“อย่างที่ผมเพิ่งได้พูดไป ผมกำลังจะสร้างตึกขึ้นมาข้างๆโรงงานเครื่องดื่ม และนั่นอาจจะเป็นที่พักสำหรับพนักงานด้วย หลังจากที่ตึกนั่นสร้างเสร็จ ก็อาจจะใช้เป็นฐานการผลิตวัสดุเส้นใยพืชด้วย…”
เหล่าเทศมนตรีทั้งหลายต่างฟังสิ่งที่อู๋ ฮ่าวเหรินพูด มันเป็นเรื่องที่ฟังดูน่าเหลือเชื่ออยู่เหมือนกันเกี่ยวกับการลงทุนนั้น เพราะมันดันกลายเป็นโรงงานเครื่องดื่ม พวกเขาจะได้เชยชมผลงานของเจ้าหนุ่มนี่…และถ้ามันได้ผลจริงๆ ในปีหน้าพวกเขาก็จะได้ปลูกต้นกล้วยไม้สีม่วงให้บานสะพรั่งไปทั่วเขตจนดูสวยงามตาไปหมด
พูดตามจริงแล้ว ฐานผลิตของอู๋ ฮ่าวเหรินนั้นค่อนข้างถูกเลือกอย่างพิถีพิถัน มันมีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่านท่ามกลางภูเขาที่รายล้อม คุณภาพของน้ำนั้นจัดว่าดีมากๆเลย
ถนนหลักก็ผ่านเส้นนั้นด้วย เพราะงั้นไม่มีปัญหากับการขนส่งแน่ๆ
ส่วนเรื่องจะปลูกที่ไหนก็ไม่ต้องห่วงเลย เพราะที่ดินนั้นเป็นของเทศมนตรี ตราบใดที่ไม่มีปัญหากับพวกเขา ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว
นอกจากนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันอยู่ใกล้กับหมู่บ้านซุยฉุย หลังจากที่ขับรถมาเรื่อยบนถนนหลักก็จะสามารถเข้าสู่สี่แยกของหมู่บ้านได้ใน 10 นาที
หลังจากได้ยินคำกล่าวของ อู๋ ฺฮ่าวเหริน ผู้อำนวนการสำนักงานที่ดินและทรัพยากรก็พูดเสริมว่า “ไม่มีปัญหากับเรื่องของที่ดิน ไม่มีหมู่บ้านอยู่ในละแวกนั้น ตอนนี้ที่ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของเทศมนตรีโรงงานของนายก็ด้วยเหมือนกัน”
สำนักงานก่อสร้างเองก็ยังพูดต่อ “พวกเราไม่มีปัญหา ข้อกำหนดเดิมๆนั้นไม่สามารถใช้ได้กับเขตนี้ทุกๆปี นั่นเพราะเราจะถูกวิพากวิจารณ์จากเบื้องบนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่ปีนี้เป็นปีของเจ้าหนุ่มอู๋ ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องการอนุมัติอะไร”
ทั้งสองหน่วยงานมั่นใจว่านี้จะเป็นความสำเร็จก้าวใหญ่ของเทศมนตรีในเขตนี้ และสำหรับสิ่งดีๆแบบนี้ พวกเขาพร้อมใจที่จะสนับสนุนมันเต็มที่อยู่แล้ว
“เดี๋ยวก่อน พวกเราไม่เห็นด้วย พวกเราจำเป็นต้องทดสอบประเมินโรงงานของเขาก่อน”
ความคิดคัดค้านที่ไม่คิดว่าจะได้พบมาจากเหล่าหัวหน้าที่ยังหนุ่มยังแน่นหลายคนซึ่งอู๋ ฮ่าวเหรินไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
“เจ้านาย คิดไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องมา ผมหยุดพวกเขาไม่ได้ ” หลี่ เหวินหัวพูดด้วยความไม่พอใจ
คนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาคือสำนักงานป่าไม้ สำนักงานปกป้องและรักษาทรัพยากรณ์ธรรมชาติ รวมถึงอื่นๆด้วยที่จะได้หน้าเพียงน้อยนิดจากการกระทำนี้
แผนกเหล่านี้ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการลงทุนและก่อสร้างของอู๋ ฮ่าวเหริน แน่นอนว่าพวกเขาก็จะไม่ทำตามด้วย
“พวกนายจะต่อต้านอะไร? มาทำอะไรกันที่นี่?”
“ทำไมเราจะทำอะไรไม่ได้? โรงงานของเขาตั้งอยู่ตรงแม่น้ำลิวเหอ สำนักงานปกป้องและรักษาสิ่งแวดล้อม จำเป็นต้องประเมินเรื่องมลพิษที่อาจจะเกิดจากโรงงานที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำลิ้วเหอและล้อมรอบด้วยภูเขากับป่าไม้เช่นนี้”
“ใช่แล้ว สำนักงานป่าไม้เองก็ต้องการที่จะประเมินว่าโรงงานของเขาจะสร้างความเสียหายแก่ป่าไม้และพืชพรรณที่อยู่รอบๆหรือไม่”
“…”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองห้องประชุมที่กลายเป็นตลาดสดไปแล้ว ตัวเขาเองนั้นหมดคำพูด พวกเขาเอง ทะเลาะกันไม่ได้ต่างจากคนทั่วไปเลย
“อ่า ไม่ต้องทะเลาะกันๆ ผู้ตรวจการประจำเทศบาลกับเลขารู้เรื่องนี้แล้ว พวกเขากำลังมาที่นี่เพื่อดูสถานการณ์ด้วยตัวเอง ไม่มีใครดีไปกว่ากันหรอก นอกจากนั้น เจ้าหนูอู๋ก็ยังอยู่ที่นี่ เป็นยังไงบ้างล่ะเรา?” เลขาของผู้ตรวจการพูด
เลขาเข้ามาดูในนามของผู้ตรวจการ การลงทุนในบ้านเกิดของเขาที่ส่งผลถึงเขตหยุนหลงไม่ควรเกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้น
เป้าหมายการลงทุนในแต่ละปีของเทศบาลนั้นไม่ค่อยมีมาตรฐาน สำหรับเทศมนตรีคนไหนที่ต้องการจะก้าวหน้า ก็ต้องลงทุนลงแรงด้วยตัวเอง
ผู้ตรวจการนั้นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการลงทุนราคา 10 ล้านหยวน เพราะงั้นเขาจึงให้เลขาส่วนตัวจัดการแทน
แต่ตอนนี้มันคือการลงทุนกับต่างชาติกว่า 200 ล้านดอลล่าห์ ซึ่งมันเป็นการแลกเปลี่ยนที่มีความสำคัญมากๆ มันมีโอกาสที่จะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินประจำเขตนี้ มันคือ…การลงทุนครั้งใหญ่!
เพราะแม้แต่เทศมนตรีบางคนที่ไม่ได้สนใจจะพัฒนาเพื่อก้าวไปข้างหน้ายังคิดถึงเรื่องนี้หลังจากได้ฟัง
ดูจากสถานการณ์แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่าเขาควรจะออกไปจากที่นั่นและปล่อยให้คนเหล่านั้นจัดการกับสถานการณ์ภายในกันเอง
“ท่านหัวหน้าทั้งหลาย การที่ผมมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ คือส่วนหนึ่งการแผนการ หากพวกคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไร โปรดเรียกผมมาอีกทีก็แล้วกัน”
การจากไปของอู๋ ฮ่าวเหรินทิ้งให้ห้องประชุมนั้นคุกกรุ่นไปด้วยเขม่าปืนที่พร้อมจะระเบิดเพียงแค่มีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนเลยว่า พวกคนเหล่านี้มองจากด้านหลังแล้วก็ไม่มีแบบแผนอะไรกันเลย พวกเขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าอู๋ ฮ่าวเหรินลงทุนไปเท่าไหร่ในครั้งนี้
เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินมาถึง เขาทำให้ภายในห้องประชุมนั้นลดความร้อนลงไปมากจนกระทั่งคนในห้องทำตัวราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปกันได้แล้วพวกเรามีประชุมนะ เทศมนตรีทุกคน เจอกันที่ห้องประชุม”
ชัดเจนว่าผู้ตรวจการและเลขาได้คุยกันก่อนแล้วเรื่องประเด็นการลงทุนของอู๋ ฮ่าวเหริน ก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่
ทางด้านอู๋ ฮ่าวเหรินเองไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าเทศมนตรีทั้งหลายหลังจากที่เขาออกมา ในเวลานั้นเขากำลังใจจดใจจ่อกับการอ่านอีเมล์ที่ส่งมาจากจี้อยู่
เมื่อวานเขาได้ส่งแปลนตึกออกไป และในวันนี้ บริษัทรับเหมาก่อสร้างของสหราชอาณาจักรได้ตอบอีเมล์เขากลับมา
เนื้อความในอีเมล์นั้นเข้าใจง่าย พวกเขาสามารถทำโครงการดังกล่าวทั้งหมดได้เลย แต่ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น 20%
อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหน้า คนเหล่านี้ไม่ได้เข้าใจเลยว่าพวกเขาจะได้อะไรหลังจากการสร้างตึกนี้เสร็จจริงๆ
อุตสาหกรรมก่อสร้างเองก็มีมาตรฐานอุตสาหกรรมเช่นกัน ตึกบางตึกก็ไม่สามารถสร้างให้เสร็จได้หากเทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่เพรียบพร้อม
เห็นได้ชัดว่าบริษัทของทางสหราชอาณาจักรไม่ได้ให้ความเชื่อถือในเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่นี่ ตามที่พวกเขาพูด เพราะงั้นแล้ว หากไม่ใช่บริษัทรับเหมาก่อสร้างในประเทศและอุปกรณ์บางอย่างเองก็ยังไม่สามารถใช้ได้ เขาก็ไม่ต้องต้องการที่จะส่งอีเมล์ไปยังบริษัทต่างประเทศทั้งหมด
“ถ้าไม่อย่างงั้น เราคงต้องสร้างตึกในแบบทั่วๆไป และเมื่อเราพัฒนามันได้ เราจะพัฒนามันให้สูงกว่าเดิมด้วยตัวพวกเราเอง”
อู๋ ฮ่าวเหรินตั้งเป้าหมายที่จะให้บริษัทมีชื่อเสียงผ่านตึกที่ล้ำหน้านี้ แต่เมื่อวิธีการนี้มันไม่ได้ผล ก็คงต้องใช้วิธีอื่น
ยกตัวอย่างเช่น การย่อยสลายวัสดุเส้นใย ถุงขยะ และขยะพลาสติกที่เป็นปัญหาของโลกมาตลอด
เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาจัดการเปลี่ยนแปลงพวกฟางพืชให้กลายเป็นวัสดุเส้นใยพืช ซึ่งไม่ใช่เพียงจะแก้ปัญหาถุงขยะที่ย่อยยากเท่านั้น แต่ยังสามารถแก้ปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมได้ด้วย
ฉันไม่รู้ว่ามันจะมีอิทธิพลต่อโลกขนาดไหน แต่สำหรับจีน มันจะต้องมีอิทธิพลจนน่าทึ่งไปเลยแน่ๆ
อย่างไรก็ตามปัญหาหลักมันไม่ได้อยู่ที่วัสดุเส้นใยพืช แต่มันอยู่ที่ขั้นตอนการผลิตเครื่องมือต่างหาก อุปกรณ์ทุกอย่างต้องปรับปรุงใหม่
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินก็ปวดหัวขึ้นมาเลย เขาไม่สามารถจัดการกับเรื่องพวกนี้ได้ด้วยตัวเอง เขาไม่ฉลาดพอ บริษัทยังขาดคนอีก!
——————————-