CF:บทที่ 47 2 ไป 1 อยู่
ลู่ เปงเฟย ลงมาจากรถพร้อมกับกระเป๋าและแว่นกันแดด มองไปยังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเทศบาลเล็กๆนี่ เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่เข้ามาที่นี่
ทำไมถึงมีบริษัทแบบนั้นอยู่ในที่แบบนี้กันนะ ถ้าหาที่ที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว คุณยังสามารถหาจุดที่เป็นจุดที่น่าสนใจกว่านี้ อย่างน้อยๆก็เผื่อทัวร์ลงด้วย
เปรียบเทียบกับสิ่งที่อยู่ในหัวลู่ เปงเฟย หม่ารุ่ยอารมณ์เสียมากๆแน่ๆ เขาไม่คาดคิดเลยว่าบริษัทจะมาตั้งอยู่ในเทศบาลเล็กๆแบบนี้
ในปัจจุบัน ความประทับใจของเขากับเทศบาลแห่งนี้เริ่มที่จะติดลบแล้ว ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มันจะต้องมีผลกระทบกับการพัฒนาบริษัทอย่างแน่นอน
และเจ้านายที่มีมุมมองแบบนี้ก็พอจะจินตนาการถึงการพัฒนาบริษัทออกมาได้เลยว่าจะเป็นแบบไหน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปพัฒนาในเมือง แต่อย่างน้อยก็ควรที่จะเลือกที่ตั้งบริษัทในเมืองสิ
ดังนั้น เขาจึงต้องการที่จะไปดูบริษัทแห่งนั้นและพร้อมที่จะออกทันทีเมื่อสถานการณ์มันไม่เป็นไปตามที่หวัง
ผู้เข้าร่วมคนที่ 3 ฉิน ต้าไห่ เขาดูจะเป็นคนที่ไม่เอาจริงเอาจังกับการมาที่นี่ในครั้งนี้ที่สุดแล้ว เขาดูไม่เหมือนว่าจะมาสมัครงานอะไรเลย เพียงแค่มาเที่ยวเฉยๆ นั่นก็เพราะว่าเขามองว่าเขากำลังอยู่ในกรุ๊ปทัวร์ ณ ตอนนี้
เดินตามไกด์ด้านหน้าเพื่อพูดคุยและหัวเราะ เข้าใจสถานการณ์ของเทศบาลแห่งนี้ดีและรับฟังข่าวคราวของบริษัทในเวลาเดียวกัน
แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็วกวนในใจของเขาซึ่งนั่นก็เพราะพวกคนในเทศบาล ดูเหมือนว่าจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของบริษัทขนาดใหญ่นั่นเลย ทั้งตึกต่างๆเองก็ดูเหมือนจะยังไม่เรียบร้อย นั่นยิ่งทำให้เขาคิดหนักกว่าเดิมว่านี่อาจจะเป็นบริษัทที่กำลังฉ้อโกงอยู่หรือเปล่า
อู๋ เชิง ขับรถของอู๋ ฮ่าวเหรินมาและรออยู่ที่ด้านหน้าสถานี งานของเขาคือติดต่อกับผู้มาเยือนทั้ง 3 และพาไปยังสำนักงานของบริษัท
ป้ายขนาดใหญ่ที่มีชื่อทั้งสามของคนสามคนตรงหน้านั้นทำให้เขายืนขึ้นกลางโถงเลย
คนแรกที่มาคือ หม่า รุ่ย ตามด้วย ลู่ เปงเฟย และปิดท้ายด้วย ฉิน ต้าไห่ หลังจากยืนมองในความคึกคักอยู่ขณะหนึ่ง เขาก็มาที่นี่ เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังลังเล
“ทางนี้ครับ ผมคือคนขับรถ ชื่อของผมคือ อู๋ เชิง รถอยู่ด้านนอก ผมจะพาพวกคุณไปยังสำนักงานของบริษัทครับ”
“สวัสดีอู๋ เชิง ผมชื่อฉิน ต้าไห่ ขอถามหน่อยนะ ทำไมผู้คนที่นี่ถึงไม่รู้ว่ามีบริษัทแบบนั้นอยู่ที่นี่ล่ะ?”
อู๋เชิงไม่รู้ว่าเขาจะถามทำไม แต่ในเมื่อถามแล้วก็เลยตอบกลับไป “นั่นก็เพราะว่าบริษัทของเราไม่เป็นที่เผยแพร่ครับ ดังนั้นคนทั่วไปจึงไม่รู้ถึงการมีอยู่ในละแวกนี้”
“ทั้งสามท่านเลยครับ ผมจะพาพวกคุณไปยังบริษัท ถ้าหากพวกคุณมีข้อสงสัยอะไร คุณสามารถถามหัวหน้าของเราได้เมื่อถึงบริษัทเลยครับ”
หลังจากที่ได้เห็นรถที่จอดอยู่ด้านนอก ทั้งสามก็แอบตกใจเล็กน้อย พวกเขาไม่ได้คิดเลยว่าจะโดนรถที่ดูดีไม่น้อยเลยคันนี้มารับ ความกังวลใจนั้นเบาลงไปหน่อยนึง
หลิว เหมยหรู่ได้รับโทรศัพท์จากอู๋เชิง เธอเดินออกจากออฟฟิศเพื่อไปตรวจดูผู้มาเยี่ยมชมทั้งสาม
“สวัสดีค่ะ ฉันคือพนักงานบัญชีของบริษัท ชื่อว่า หลิว เหมยหรู่ ฉันจะเป็นคนดูแลความเรียบร้อยในการสมัครงานของพวกคุณค่ะ”
หลิวเหมยหรู่นั้นยังคงเก่งกล้า คุ้มค่าสมกับที่เป็นพนักงานของบริษัทใหญ่ เธอสามารถเพิ่มความประทับใจให้กับทั้งสามได้แทบจะทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินตามหลิว เหมยหรู่ไปยังบริษัท สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป นั่นก็เพราะทุกสิ่งที่ได้เห็นมันคือการประดับตกแต่งใหม่ ทำให้ทั้งบริษัทดูสดใหม่ไปด้วย แต่กระนั้นกลับไม่มีพนักงานอยู่เลย
“ขอโทษนะครับ คุณผู้จัดการหลิว ขอถามอะไรหน่อย บริษัทเพิ่งจะย้ายมาที่นี่เหรอครับ?”
“อ่า ใช่ค่ะ นั่นก็เพราะว่าหัวหน้าเพิ่งจะพบที่นี่ เพราะงั้นสำนักงานของบริษัทเลยกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างไปด้วย”
หลิว เหมยหรู่ผู้ที่ไม่ได้อยากจะโกหกซักเท่าไหร่ ในตอนนี้เธออยากจะสู้กับอู๋ ฮ่าวเหรินแบบเต็มเหนี่ยวเสียแล้ว สถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทนั้นสามารถทำให้ทั้งสามที่พยายามอย่างหนักในหน้าที่ของตัวเองมาตลอดหลายปีอยู่ต่อได้ นั่นทำให้เธอมีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆเกิดขึ้นในใจเลย
“กำลังก่อสร้าง แต่ภาพพวกนี้…” ลู่ เปงเฟยถาม
“อ้อ ถ้ายังไงอยากจะขอให้มาคุยกันในห้องประชุมน่ะค่ะ เพราะบางอย่างก็ถูกจัดการโดยหัวหน้าและฉันเองก็รู้แค่วันนี้”
หลังจากที่เขาไปยังห้องประชุมแล้ว หลิว เหมยหรู่ก็เชิญให้ทั้งสามนั่งและดึงข้อมูลที่อู๋ ฮ่าวเหรินให้ไว้ออกมา เธอค่อนข้างชัดเจนว่าจะไม่ใช้ถ้อยคำลวงเพื่อให้มาเข้าร่วมบริษัทกับคนเหล่านี้
“มาเริ่มกันเลย นี่ถือสถานการณ์จริงของบริษัทเรา ในความเป็นจริงแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกคุณเห็นในโครงการยังไม่ได้เริ่มทำ สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าพวกเราเป็นบริษัทที่เปิดตัวใหม่ที่ยังขาดคนที่มีศักยภาพเพรียบพร้อมอย่างพวกคุณ อ่า หัวหน้าใช้วิธีนั้น”
ทั้งสามหน้าบึ้งและมองไปยังข้อมูลบริษัทพวกนั้น ยิ่งพวกเขาดูมากขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็รู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้น มันช่างดูน่าเวทนาเหลือเกิน
ฉิน ต้าไห่เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงหาข้อมูลของบริษัทไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม มันไม่มีทางที่จะหาเจอเลย
ห้องประชุมเงียบลงในทันใด และหลิว เหมยหรู่ยังนั่งอยู่ที่นี่ด้วยมุมมองที่ไม่ได้แตกต่างออกไป เธอคิดว่า ยังไงก็ตาม นี่มันคืองานของเจ้านาย ถ้าเธอไม่ได้พูดถึงซักอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด เจ้านายต้องถามแหงๆ
“คุณกำลังจะบอกว่า ตึกสำนักงาน ห้องพักพนักงานและโรงงานของบริษัทที่เราได้เห็น มันไม่เหมือนกับตอนนี้ ใช่หรือเปล่า?” หม่า รุ่ยพูด เขาระงับความโกรธไว้และมองยังจุดที่ยังไม่ได้พัฒนาในข้อมูลที่ให้ไว้
“ใช่ จะพูดแบบนั้นก็ได้ค่ะ แต่ยังไงก็ตาม โรงงานเครื่องดื่มนั้นอยู่ในกระบวนการสร้างแล้วพูดได้ว่าเจ้านายของพวกเราที่กำลังสร้างตึกนั้น กำลังคุยกับผู้รับเหมา การลงทุนนั้นเป็นเรื่องจริง ทุนกว่า 200 ล้านดอลล่าห์คือสิ่งที่ทั้งบัญชีบริษัทมี ยกเว้นส่วนที่เป็นรายจ่าย”
หม่า รุ่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ จริงๆมันไม่มีอะไรต้องพูดต่างหาก ประสบการณ์หลายปีที่ทำงานตามทัศนคติ เขาควรจะลุกขึ้นและออกไปจากที่นี่
หลิว เหมยหรู่หยุดมองไปยังหม่ารุ่นและถามสองคนที่เหลือ “มีอะไรอยากจะสอบถามไหมคะ?”
ฉิน ต้าไห่พูด “ผมมีครับ ถ้าผมมาที่นี่ บริษัทจะจัดการที่อยู่ให้พวกเรายังไง? ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ปัจจุบัน งานของเราคืออะไร?”
“ที่ๆคุณอยู่ก็คือบ้านที่บริษัทจะจัดหาให้อันดับแรกนะคะ และเมื่อที่พักสำหรับพนักงานเสร็จแล้ว คุณสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้เลยถ้าคุณต้องการ สำหรับงานของคุณ ฉันพูดได้เลยว่าเรามีสิ่งนั้นอยู่มากมาย อย่างที่ได้พูดไปว่าเราเป็นบริษัทเปิดใหม่ และตอนนี้เรามีพนักงานน้อยมากสำหรับทุกตำแหน่ง”
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับแรงจูงใจ สำหรับผมตอนนี้ บริษัทยังไม่เข้าที่เข้าทาง ถ้ามีโอกาสในอนาคต เราคงจะได้ร่วมงานกัน ลาก่อน”
ฉิน ต้าไห่ นั่นชัดเจนกว่าหม่า รุ่ย เขารู้ปัญหาของบริษัทและเขาไม่คิดว่ามันจะมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอยู่
“ลาก่อน แต่มันอาจจะไม่มีโอกาสสำหรับบริษัทของเราที่จะร่วมงานกับคุณในอนาคตก็ได้นะ เพราะเจ้านายของพวกเราได้กำหนดเงื่อนไขชัดเจนแล้วว่ามันจะไม่มีการจ้างงานสำหรับคนเดิมๆเป็นครั้งที่สอง”
ได้ฟังเช่นนั้นฉิน ต้าไห่ก็เดินเร็วขึ้นไปอีก เป็นแค่บริษัทเล็กๆแท้ๆ ต่อให้ชวนมาทีหลังก็คงไม่มาหรอก ไม่ต้องพูดถึงมาสมัครครั้งที่สองเลย
หม่ารุ่ยลุกขึ้นหลังฟังคำพูดของหลิว เหมยหรู่จบ เขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่นิดแล้วเดินตรงออกไปด้านนอก บริษัทที่มีกฎเช่นนี้ คุณไม่ต้องไปสุภาพกับพวกเขาก็ได้
หลิว เหมยหรู่มองสองคนที่ออกไปต่อหน้าต่อตาเธอแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหันกลับมามองยังลู่ เปงเฟยเพื่อถาม “สุภาพบุรุษ คุณไม่ไปด้วยเหรอคะ?”
“อา? ทำไมผมต้องไปล่ะ?”
“คุณตกลงที่จะเข้าร่วมบริษัทของเราเหรอคะ?” หลิว เหมยหรู่ประหลาดใจเล็กน้อย ในความคิดของเธอ มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากที่จะได้พนักงาน 1 คนจาก 3 คนที่มาทั้งหมด
ลู่ เปงเฟยยิ้ม หากไม่ใช่เพราะภาพที่สวยงามที่ทำให้เขาใจอ่อนกับสถานการณ์บนเว็บไซต์ เขาคงเลือกที่จะออกไปไม่ต่างกับสองคนนั้น
“มันยังไม่ชัดเจนตอนนี้หรอกครับ แต่ผมอยากจะถามนิดหน่อยว่า ใครเป็นคนทำเว็บไซต์ให้บริษัทของคุณกันน่ะ รูปแบบสถาปัตยกรรมแล้วก็ข้อมูลพวกนั้นที่ส่งให้เราด้วย”
หลิว เหมยหรู่สับสนเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าลู่เปงเฟยหมายถึงอะไร แต่เธอก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้านายทำทุกอย่างเพื่อคุณ เขาน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ขั้นสูงคนนึงเลย”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง หลิว เหมยหรู่ตัดสินใจที่จะสู้เพื่อสิ่งนี้ เพราะงั้นเธอจึงพูดต่อ “และฉันสามารถบอกคุณได้เลยว่า ฉันก็ถูกเจ้านายทำให้ใจอ่อนเหมือนกัน ประสบการณ์การทำงานของฉันไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกคุณทั้งสามเลย ฉันตัดสินใจที่จะเดินออกหลังจากได้รู้เกี่ยวกับบริษัทแห่งนี้ แต่หลังจากที่ได้ร่วมงานกับเจ้านาย ฉันก็ลืมเรื่องพวกนี้ไปเลย”
“ขอผมรู้ได้ไหมว่าทำไม?” ลู่เปงเฟยถามขณะที่เขาตื่นเต้นมากๆ
หลิว เหมยหรู่พูด “คุณต้องมั่นใจก่อนว่าคุณจะไปหรือคุณจะอยู่เพื่อที่ฉันจะได้ตัดสินใจได้ว่าควรจะบอกอะไรกับคุณดี”
——————————–