CF:บทที่ 55 คำเชิญจากเทศมนตรี
หลิว เหมยหรู่ชี้ไปที่ข้อมูลแล้วพูดว่า “ถ้าผลิตภัณฑ์นี้ถูกผลิตขึ้นมา นึกถึงสิ่งที่จะตามมาสิ ในวงการแพทย์ทั้งหมด จะต้องมีหมอตั้งกี่คนที่จะตกงานและต้องมีอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกกี่ชิ้นจะต้องถูกทิ้ง”
เว่ย หมิงตอบด้วยเสียงต่ำ “มันไม่หนักขนาดนั้นหรอก อย่างมากก็แค่เราจ่ายเงินน้อยลงเวลาไปหาหมอเท่านั้นแหละ”
อู๋ ฮ่าวเหรินเคาะโต๊ะแล้วพูดว่า “พี่หลิว ฉันคิดถึงปัญหาที่พี่บอกมาแล้ว มันจะไม่สร้างปัญหาใหญ่แน่นอน ความสามารถหลักของมันคือป้องกันการแจ้งเตือน นั่นคือ เพื่อเตือนผู้ใช้ว่าผู้ใช้มีโรคอะไรบ้างตามสภาวะของร่างกาย”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “เหมือนกับที่ผู้จัดการเว่ยพูด มันแค่เตือนว่าผู้ใช้อาจจะกำลังป่วยเป็นโรคอะไร ผู้ใช้ยังคงต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบก่อนที่จะยืนยันได้ มันแค่ทำให้ผู้คนเสียเงินไปกับการตรวจที่ไม่จำเป็นน้อยลง พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปถึงโรงพยาบาลเพียงเพราะเป็นแค่หวัดธรรมดา เพราะพวกเขามีเครื่องตรวจโรคทั่วไปแล้ว”
อย่างไรก็ตาม อู๋ ฮ่าวเหรินก็คิดว่าผลิตภัณฑ์รุ่นที่สอง จะทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งต้องปิดตัวลงจริง เพราะในผลิตภัณฑ์รุ่นที่สองนี้ จะทำให้ร่างกายมนุษย์มีความสามารถในการรักษาตัวเองที่แข็งแกร่งขึ้น ในกรณีนี้จะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันกับโรคภัยเล็กๆได้ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะดันผลิตภัณฑ์รุ่นที่สองนี้ออกมาในตอนนี้ เพราะเทคโนโลยีบางอย่างที่เกี่ยวข้องนั้นไม่มีในจีน และต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น
แต่เทคโนโลยีล้ำสมัยแบบนี้ ถ้านำเข้าจากต่างประเทศนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย ดังนั้นอู๋ ฮ่าวเหรินทำได้เพียงพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปทีละทีละน้อยด้วยตัวเอง และเติมเต็มความต้องการในการสร้างผลิตภัณฑ์รุ่นที่สองนี้
ณ เวลาสิบโมงกว่าๆ ดู่ โบ๋และฮง หมิงยูก็มาถึงเขตหยุนหลง แต่แทนที่จะไปที่สำนักงานเขต พวกเขาขับตรงไปที่เมืองลิวเหอ เพราะหลังจากที่พวกเขาสอบถามสถานการณ์ของที่นั่นแล้ว พวกเขาค่อยกลับมาที่สำนักงานเขตก็ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไปที่บริษัทของอู๋ ฮ่าวเหรินก่อน
ในเวลานี้ นอกจากเซี่ยเสวี่ย และพนักงานบัญชีฝึกหัดของหลิว เหมยหรู่อีกสองคน ก็ไม่มีพนักงานคนสำคัญของบริษัทอยู่เลย
หลังจากประชุมอู๋ ฮ่าวเหรินกลับไปที่หมู่บ้านซุยฉุย หลิว เหมยหรู่ไปจัดการกับบัญชีของบริษัท และเว่ย หมิงไปดูแลเขตก่อสร้าง
“สวัสดีครับ ที่นี่บริษัทเครื่องดื่มแห่งอนาคตรึเปล่า?”
เซี่ยเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมาเห็นดู่ โบ๋และฮง หมิงยู เธอคิดว่าพวกเขามาถามเรื่องวัสดุเส้นใยพืชของบริษัท สองวันที่ผ่านมานี้เธอได้ตอบแต่คำถามแบบนี้ทางโทรศัทพ์ มีหลายบริษัทที่กำลังจะมาเยี่ยมนี่นี่
“ที่นี่คือบริษัทเครื่องดื่มแห่งอนาคต ถ้าคุณกำลังถามถึงวัสดุเส้นใยพืช นี่คือส่วนของข้อมูลคุณจะดูมันก่อนก็ได้ แล้วถ้าคุณอยากจะขอร่วมงานกับบริษัทของเรา มันอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก ปัจจุบันเรามีปัญหาในการผลิตวัสดุเส้นใยพืช ซึ่งต้องได้รับการเลื่อนออกไปก่อน”
ทั้งสองได้รับข้อมูลแล้วก็มึนงงไปครู่หนึ่ง พนักงานต้อนรับคนนี้กำลังเข้าใจผิด
แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพื่อที่จะเข้าใจในตัวบริษัทและผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่าวัสดุเส้นใยพืชเป็นเป้าหมายหลักที่เทศมนตรีสั่งให้พวกเขามาด้วยตัวเอง
เมื่อพวกเขานั่งลงในเขตพักผ่อนที่อยู่ข้างกัน ก็ดูข้อมูลที่ได้มาอยู่ครึ่งชั่วโมง สีหน้าพวกเขาก็เคร่งเครียดขึ้นและเข้าใจว่าทำไมเทศมนตรีถึงให้พวกเขามา
แม้ว่าจะไม่เข้าใจความรู้ระดับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในนั้น พวกเขาก็เห็นประโยชน์ของวัสดุนี้อย่างชัดเจนและรู้ว่าวัสดุนี้มันมีความหมายอย่างไร
พวกเขามองหน้ากันและกันโดยไม่พูดอะไร แต่พวกเขาส่งข้อมูลไปแทน
พวกเขาขับรถกลับ โดยไม่แวะไปที่สำนักงานเขตเลย
ถ้าวัสดุนี่เป็นจริงอย่างในคำอธิบายล่ะก็ มันจะสำคัญเกินกว่าจะให้เขตจัดการ พวกเขาไม่รู้ว่า พวกเขาจะทำรัฐมนตรีกระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตกใจ เพราะนี่มันมันเป็นสิ่งที่ดีกับสิ่งแวดล้อมอย่างมาก
และบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุดิบก็มาติดต่อเพื่อวัสดุที่สามารถเปลี่ยนโลกได้นี้แน่นอน พวกเขาก็สงสัยอยู่บ้างว่าทำไมถึงไม่มีใครรายงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้กับทางรัฐบาลเขตหยุนหลง
แน่นอนว่ามันมีปัญหาอยู่ ปัญหาที่ร้ายแรงด้วย
เทศมนตรีกำลังกินข้าวอยู่ที่บ้าน เพื่อเขารู้ว่าทั้งสองคนได้กลับมาพร้อมกับข้อมูลสำคัญแล้ว เขาก็วางตะเกียบลงและพูดว่า “มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นในเมือง ผมต้องไปแล้ว คุณนายเชิญกินไปก่อนเลย”
โซว หยานเหม่ย ภรรยาของเทศมนตรีบ่นขึ้นว่า “เรื่องอะไรกัน ถึงขนาดที่กินข้าวไม่ได้เลยล่ะ?”
“ครั้งนี้เป็นเรื่องดี บางทีอาจจะเกี่ยวข้องว่าผมสามารถก้าวหน้าไปได้ไกลขึ้นหรือไม่ ดังนั้นอย่าบ่นเลย ผมจะไปก่อน”
ได้ยินคำพูดของสามีเธอแล้ว สีหน้าของโซว หยานเหม่ยก็สดใสขึ้น อารมณ์จะบ่นของเธอก็ปลิวไปในอากาศ
เห็นเทศมนตรีมาแล้ว ดู่ โบ๋ก็เอาข้อมูลออกมาวางบนโต๊ะและพูดว่า “เทศมนตรี นี่คือข้อมูลที่เราได้จากบริษัทนั่น หลังจากที่เราได้ข้อมูลนี้มาแล้วเราก็กลับมาทันที”
“โฮ่ ดูจากสีหน้าพวกนายทั้งคู่แล้ว ครั้งนี้มันร้ายแรงสินะ?”
“มันยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ถ้าข้อมูลนี้เป็นความจริง ก็บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมากแน่นอน มันต้องให้เทศมนตรีจัดการด้วยตัวเอง”
ฟาน เจี่ยหมิงได้ข่าวมาเพียงเล็กน้อย แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าการส่งทั้งสองคนไปตรวจสอบจะทำให้เรื่องนี้กลายมาเป็นเรื่องจริงจังมากขึ้น
เขาเปิดดูข้อมูลด้วยความสนใจเล็กน้อย ไม่ช้าสีหน้าเขาก็เคร่งเครียดเช่นเดียวกับทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาดูข้อมูลพวกนนี้ พวกเขาก็ตกใจ
“พวกนายได้ข้อมูลนี้มาจากบริษัทนั้นงั้นรึ?”
“ใช่แล้วครับ พอพวกเราได้ข้อมูลนี้มา พวกเราก็กลับมาทันทีโดยไม่แม้แต่จะแวะไปที่สำนักงานเขต”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะไปที่เขตหยุนหลงเพื่อตรวจสอบหลังเที่ยงนี้ ฉันจะไม่บอกกับทางเขตนั้นว่าไปตรวจสอบอะไร ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการบริษัทแบบนี้ เราจะช่วยให้พวกเขามาในเมืองของเรา”
ข่าวที่ว่าเทศมนตรีจะมาตรวจสอบด้วยตัวเอง ไม่ช้าก็แพร่กระจายไปทั่วในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเขตหยุนหลง หลายคนถามว่าเทศมนตรีจะมาตรวจสอบเรื่องอะไร
บางคนที่รู้มาเยอะก็บอกว่าเป้าหมายเทศมนตรีเล็งจะตรวจสอบดูเหมือนจะเป็นบริษัทเครื่องดื่มแห่งอนาคต
เมื่อนักปกครองเขตและเลขารู้ข่าว พวกเขาก็แจ้งทุกคนให้หยุดการประชุมเพื่อจะศึกษาการตรวจสอบของเมทศมนตรี
“บอกฉันหน่อยว่าเทศมนตรีจะมาตรวจสอบเรื่องอะไร?”
“ในเมื่อมันเป็นบริษัทเครื่องดื่มแห่งอนาคต บางที่อาจจะเป็นเพราะเทศมนตรีรู้เรื่องโรงงานพลาสติกมลพิษแล้ว จึงมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทนี้ก็อยู่ในรายชื่อของเทศมนตรีมานานแล้ว” เลขานุการฝ่ายอุตสาหกรรมและการค้ากล่าว
“บางทีเทศมนตรีรู้แล้วว่าเราปฏิเสธการจัดตั้งบริษัทที่สร้างมลพิษในเขตหยุนหลง เพื่อที่จะปกป้องสิ่งแวดล้อมในเขตนี้” ผู้อำนวยการของกรมอนุรักษ์กล่าว
“บางที่นี่อาจจะสนใจ คือตอนที่ดู่ โบ๋ ผู้อำนวยการกรมสนับสนุนการลงทุนในเมืองมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนเขาจะพูดไว้ว่าเทศมนตรีให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับบริษัทที่มาลงทุนในเขตหยุนหลง”
โดยที่ไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ การประชุมก็เลิกไปและทุกคนก็ไปเตรียมตัวรับมือไว้
ณ เวลาบ่ายสองครึ่ง ผู้นำของเมืองก็ได้มาถึงเขตหยุนหลง หลังจากไม่กี่นาทีในสำนักงานรัฐบาลเขต พวกเขาก็เอากลุ่มคนมุ่งไปที่บริษัทของอู๋ ฮ่าวเหริน
เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินได้รับสายโทรศัพท์ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเทศมนตรีมา เขาก็พร้อมจะพบที่บริษัท
เมื่อเขามาถึงบริษัท เทศมนตรีและกลุ่มผู้นำได้ตรวจสอบบริษัทและต้อนรับโดยหลิว เหมยหรู่
“สวัสดี ผมฟาน เจี่ยหมิง เทศมนตรีของเมืองหลีฉุย คุณคือคุณอู๋ ฮ่าวเหรินผู้ที่กลับมาลงทุนในบ้านเกิดของตัวเองสินะ เขาช่างหนุ่มและมีแววรุ่ง บ้านเกิดของเขาต้องการการก่อสร้างพรสวรรค์อย่างเช่นที่คุณกำลังพัฒนา”
ความกระตือรือร้นของเทศมนตรี ทำให้สมองของอู๋ ฮ่าวเหรินลัดวงจรเล็กน้อย เขายื่นมือไปจับมือกับเทศมนตรีราวกับหุ่นยนต์
แม้แต่ผู้นำของเขตหยุนหลงยังเห็นว่าเทศมนตรีกระตือรือร้นเกินไป มันดูเหมือนจะมีอะไรผิดปกติ เทศมนตรีเป็นญาติกับเด็กนี่รึไง ไม่สิ เขาไม่เคยได้ยินเลยว่าเทศมนตรีมีญาติอยู่ในเขตหยุนหลง
“สวัสดีครับ เทศมนตรีฟาน ผมขอโทษที่ต้องให้คุณพูดแบบนั้น”
“ผมไม่อายหรอกน่า ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังจะจัดตั้งบริษัทวัตถุดิบใหม่ที่ชื่อว่าวัตถุดิบแห่งอนาคต แล้วเขตหยุนหลงเกรงว่ามันจะก่อให้เกิดมลพิษกับสิ่งแวดล้อมและไม่อนุมัติมัน ถ้าเป็นเช่นนี้ ผมขอเชิญคุณอย่างเป็นทางการให้มาขึ้นทะเบียนบริษัทและโรงงานนี้ในเมือง และทางเมืองจะช่วยคุณแก้ปัญหาต่างๆให้”
“ไปตั้งในเมือง?”
“ใช่แล้ว สร้างโรงงานในเมือง ผมจะส่งคนมาช่วยคุณทุกเรื่องเป็นการส่วนตัว และจะทำให้มั่นใจว่าโรงงานจะสร้างได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
นี่มันมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ผู้นำของเขตหยุนหลงต่างสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมเทศมนตรีถึงเชิญโรงงานพลาสติกร้ายแรงไปสร้างในเมืองหลีฉุย ซึ่งก็พึ่งพาการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเช่นกัน ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้บริษัทมลพิษร้ายแรงเข้าไปตั้งในนั้น
เหล่าผู้นำของเขตหยุนหลงต่างมีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่อยู่บนหัวในขณะนี้
—————————-