บทที่ 203 อากาศหนาวมาก

บทที่ 203 อากาศหนาวมาก
โดย

บทที่ 203 อากาศหนาวมาก

โจวชิงไป๋รู้สึกเพลิดเพลินไปกับการนวดหลังจากภรรยาเป็นอย่างมาก​ เขาไม่กังวลกับลูกชายทั้งสามคนแล้ว​ เพราะเธอสั่งสอนพวกเขาเป็นอย่างดี

เขาเองก็เหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน พอภรรยานวดตัวให้เขาก็ดำดิ่งสู่นิทรา

หลินชิงเหอไม่ได้รบกวนเขาเช่นกัน ต่อให้เธอเตรียมอาหารไว้อย่างอุดมสมบูรณ์ในระหว่างการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็ตาม เขาก็ยังอ่อนแรงอย่างหนัก ทันทีที่จิตใจผ่อนคลาย คนเราก็ย่อมหลับไหลไป

เขาตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ของอีกวันหนึ่ง

เมื่อเขาตื่นนอน หลินชิงเหอก็ตื่นก่อนเขาแล้ว และทำอาหารเช้าเสร็จพอดี

ในการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วง ผู้คนจะต้องกินอาหารอย่างหมั่นโถวเพื่อที่จะได้ไม่หิวเร็วเกินไปนัก อาหารจึงเป็นหมั่นโถวขาวลูกใหญ่เคียงกับไข่คนผสมแตงกวาและอาหารจานเนื้อหนึ่งจาน

เขากินอาหารกับท่านพ่อโจว จากนั้นทั้งพ่อและลูกชายก็มุ่งหน้าออกจากบ้านหลังกินอาหารเช้าเสร็จ

ส่วนหลินชิงเหอก็กลับเข้าไปนอนต่อครู่หนึ่ง

ช่วงฤดูนี้มีอากาศขมุกขมัวเล็กน้อย ฝ่ายผลิตต่างยุ่งอยู่กับการทำงาน ด้วยกลัวว่าฝนฤดูใบไม้ร่วงจะมาเร็วกว่าปกติ พวกเขาทั้งหมดรีบเก็บเกี่ยวเมล็ดธัญพืชตั้งแต่รุ่งสางจนถึงค่ำมืด

แม้แต่ตรงลานตากข้าว ผู้คนก็คอยจับตาดู งานไม่อาจดำเนินต่อได้โดยขาดแรงงานชั่วขณะหนึ่ง

ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ โรงเรียนที่หลินชิงเหอสอนอยู่ก็หยุดการเรียนการสอน

ท่านแม่โจวทิ้งซูสวิ่นน้อยไว้ที่บ้านให้เธอดูแลชั่วขณะหนึ่ง ขณะที่นางเองก็ออกไปทำงานในลานตากข้าว

หลินชิงเหอยังทำหน้าที่หลักในการหุงหาอาหารทั้งสามมื้อของครอบครัวอยู่ เธอทุ่มเทอย่างสุดฝีมือในการทำอาหารดี ๆ ทั้งสามมื้อ

ปีนี้ดำเนินการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอากาศที่ขมุกขมัวและความกลัวว่าฝนจะตก

แถมผู้นำหมู่บ้านยังเพิ่มแต้มค่าแรงขั้นต่ำด้วย ดังนั้นโจวชิงไป๋จึงได้แต้มค่าแรง 12 แต้มเป็นระยะหนึ่ง ส่วนท่านพ่อโจวที่เดิมทีไม่คิดจะทำงานหนักเกินไปนักก็ได้แต้มค่าแรง 10 แต้มอีกครั้ง ด้วยมันจำเป็นที่ต้องเร่งงาน

การเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงที่คาดการณ์ว่าจะลากยาวถึงเดือนพฤศจิกายนก็ได้สำเร็จลงในสิ้นเดือนตุลาคม

ยิ่งกว่านั้นท้องฟ้ายังงดงามไม่น้อย ต่อให้มันดูครึ้มไปด้วยเมฆมันก็ไม่มีฝนตก

ฝนฤดูใบไม้ร่วงตกหลังมีการแบ่งปันส่วนแบ่งสาธารณะ ทันทีที่พวกเขาคิดจะแจกจ่ายอาหารชุดสุดท้าย ฝนก็เทลงมา

แต่ถึงอย่างนั้นหัวหน้าหมู่บ้านกับคนอื่น ๆ ก็รีบจัดการแบ่งอาหารให้ทุกคนในทันที หลังจากนั้นงานที่ต้องทำในปีนี้ก็สำเร็จเรียบร้อย

เช่นเดียวกับปีก่อน ๆ หลินชิงเหอได้ซื้อธัญพืชเป็นร้อยชั่งเมื่อเห็นว่ายังมีอาหารเหลืออยู่ที่ฝ่ายผลิต ทั้งหมดนี้เธอจะเก็บไว้เพื่อขายต่อ

ตลอดทั้งปีเธอใช้ธัญพืชที่ได้จากการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงนี้ในการสร้างผลกำไรมหาศาล

และเป็นเพราะว่ามันเป็นธัญพืชใหม่ เธอจึงได้รับผลกำไรถึงครึ่งหนึ่ง นับว่าเป็นรายได้มหาศาล อีกอย่างหนึ่งเธอยังมีสูตรโกงอย่างมิติเก็บของอีกต่างหาก มันคงจะเป็นเรื่องเสียดายหากหลินชิงเหอไม่ใช้มันสร้างผลกำไร

ท้องฟ้าหลังฝนประจำฤดูใบไม้ร่วงยังคงมีเมฆมากและอุณหภูมิอากาศก็ลดต่ำลงอย่างมาก

“ฉันเกรงว่าปีนี้จะหนาวมากนะ”

ท่านแม่โจวรู้สึกถึงสภาพอากาศแบบนี้แล้วก็เอ่ยขึ้นมา

“คุณแม่หมายความว่าอย่างไรคะ?” หลินชิงเหอถาม

“ฉันฟังมาจากคุณพ่อน่ะ เขาจำได้ว่าในอดีตก็เป็นแบบนี้ แค่เดือนตุลาคมก็หนาวขนาดนี้แล้ว ในปีนั้นคนเฒ่าคนแก่บางคนในหมู่บ้านถึงกับหนาวตายเลยล่ะ” ท่านแม่โจวอธิบาย

ทันทีที่หลินชิงเหอรู้ว่ามันเป็นประสบการณ์จากผู้เฒ่าผู้แก่ เธอก็ไม่กล้าประมาท

ในไม่กี่วันต่อมาเธอก็ให้โจวชิงไป๋เชือดไก่มาตุ๋นเป็นซุปไก่เพื่อบำรุงคนในครอบครัว จากนั้นเธอก็เริ่มจัดการอาหารการกินของครอบครัว

หลังได้ยินท่านแม่โจวบอกว่าปีนี้มันจะหนาวมาก เธอก็เข้าไปในอำเภออีกครั้งเพื่อนำถ่านอัดก้อนจำนวนหนึ่งกลับมาโดยใช้เส้นสายที่มีอยู่ก่อนหน้า

ส่วนโจวชิงไป๋นั้นเข้าร่วมการปลูกข้าวสาลีฤดูหนาว

หลินชิงเหอยังบอกเด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านว่าพวกเขาขาดฟืนและครอบครัวของเธอก็ไม่มีเวลาไปเก็บฟืน จึงขอให้พวกเขาช่วยส่งฟืนกลับมาให้หน่อย

ทันทีที่เด็ก ๆ เหล่านี้ได้ยิน พวกเขาก็มีความสุขมาก เด็กสี่หรือห้าคนลากเกวียนออกไปทันที

ภายในไม่กี่วัน เธอก็รวบรวมไม้ฟืนจำนวนมากมาไว้ที่บ้าน แม้จะเป็นเงินเพียงเล็กน้อย มันก็ช่วยประหยัดเวลาที่โจวชิงไป๋ต้องไปหาฟืนหลังปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวเสร็จ

ฤดูหนาวในปีนี้เหมือนจะเย็นเยือกอย่างยิ่ง ผู้เฒ่าผู้แก่คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านต่างมีประสบการณ์ในเรื่องนี้และเริ่มเตรียมรับมือกับฤดูหนาวในปีนี้กันทุกคน

พวกเขาไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นในฤดูหนาวนี้ เนื่องจากฤดูหนาวที่หนาวจัดเมื่อครั้งอดีตเคยทำให้ชายชราคนหนึ่งในหมู่บ้านตัวแข็งจนเกือบตายมาแล้ว

หลังปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวเสร็จ น้องชายสามตระกูลหลินก็ตั้งใจมาเยี่ยมและนำเนื้อชิ้นหนึ่งมาด้วย

เขาเองก็ได้ข่าวว่าอากาศจะหนาวมากที่แพร่สะพัดไปทั่วในตอนนี้

“นายยังต้องเป็นห่วงทางนี้อีกเหรอ? ควรเป็นฝั่งนายมากกว่านะที่ต้องห่วง ได้เตรียมตัวอะไรไว้แล้วหรือยัง?” หลินชิงเหอถาม

“ครับ ปีนี้ที่บ้านเราจะไม่หนาวแน่นอน” น้องชายสามตระกูลหลินตอบ

“หายากนะเนี่ยที่จะได้รับส่วนแบ่งเนื้อ นายเอามาให้แทนที่จะเก็บไว้ให้ครอบครัวของนายเองเนี่ยนะ? แล้วฝั่งพี่ไม่มีการแจกจ่ายเนื้อเหมือนกันหรือไง?” หลินชิงเหอพูด

ในปีนี้ครอบครัวของเธอได้ส่วนแบ่งเนื้อจำนวนมากชนิดที่ว่ามากจริง ๆ น้องชายสามตระกูลหลินนำเนื้อสามชั้นมาให้ชิ้นหนึ่ง ส่วนขากลับเขาก็หยิบซาลาเปาไส้ผักกาดขาวผัดกลับไปจำนวนหนึ่ง

ส่วนที่เหลือคือเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของเจ้าสามในตอนที่เขายังเด็กกว่านี้จำนวน 2 ชุด ซึ่งแต่ละตัวให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดี

เดิมทีหญิงสาวตั้งใจเก็บไว้ให้ซูเฉิงน้อย แต่หลังจากคิดดูแล้ว ซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเม่ยก็คงจะซื้อได้ งานที่พวกเขาทำล้วนไม่ขาดแคลนคูปองเสื้อผ้า ดังนั้นเธอจึงยกเสื้อของเจ้าสามให้น้องชายของเธอไป

สะใภ้สามตระกูลหลินเป็นคนสั่งให้น้องชายสามตระกูลหลินนำเนื้อนี้มาให้ หล่อนตั้งใจจะมอบให้พี่สาวสามจริง ๆ แม้จะมีจำนวนเพียงครึ่งชั่ง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ครอบครัวนี้สะสมได้

หล่อนไม่คิดเลยว่าสามีของหล่อนจะกลับมาพร้อมกับซาลาเปาขาวจำนวนหนึ่งและเสื้อผ้าสองชุด เพียงสัมผัสก็รู้สึกได้ว่าเนื้อผ้ามันช่างหนาอย่างยิ่ง แม้มันจะดูตัวใหญ่กว่าลูกชายของหล่อน แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก มันดูสมบูรณ์แบบเลยล่ะ!

“พี่สาวสามรักครอบครัวเราจริง ๆ นะคะ” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ

“พี่สาวผมบอกว่าครั้งต่อไปถ้าเราได้เนื้อมาเราก็เก็บไว้กินเองนะ ไม่ต้องส่งไปให้หล่อนหรอก หล่อนได้ส่วนแบ่งมหาศาลเลยล่ะ” น้องชายสามตระกูลหลินพยักหน้า

“งั้นปีหน้าเก็บสะสมไข่ของเราไว้และนำบางส่วนไปให้พี่สาวสามแล้วกันค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินตัดสินใจ

พวกเขาไม่อาจรับสิ่งของจากพี่สาวสามได้ตลอด พวกเขาต้องส่งของกลับไปบ้าง ไม่ว่ามันจะมีราคาเท่าใด มันก็ถือเป็นน้ำใจอย่างหนึ่ง

น้องชายสามตระกูลหลินไม่ได้เอ่ยอะไร แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป เขาก็จะไปเก็บฟืนมาเตรียมไว้ ส่วนพี่สาวของเขานั้นคงไม่ต้องกังวล หล่อนคงจะไม่ทำให้หลาน ๆ ของเขาหนาวตายหรอก เพราะเขาเห็นฟืนจำนวนมากที่บ้านของหล่อนแล้ว

ฤดูหนาวในปีนี้หนาวเย็นอย่างยิ่ง เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากการปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวเท่านั้นฝนก็ตกลงมา และอุณหภูมิก็ลดต่ำลงหนึ่งหรือสององศา ยิ่งตอนกลางคืนมันก็ยิ่งหนาวมากขึ้น

หลังมีฝนตกต่อเนื่องเจ็ดหรือแปดวัน หิมะก็ตกลงมา

อากาศช่างหนาวเย็นอย่างหาใดเปรียบ

หลินชิงเหอต้มน้ำแกงกระดูกหมูกับหัวไชเท้าในตอนเช้าตรู่เพื่อกินคู่กับหมั่นโถว หลังจากกินเสร็จเธอก็พาเจ้าใหญ่ไปโรงเรียน

ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงปิดเทอมฤดูหนาว มันจึงยังมีการเรียนการสอนอยู่ แต่ต้องบอกว่ามันหนาวแทบแข็งจริง ๆ

เธอทาครีมบำรุงผิวให้ตัวเอง เจ้าใหญ่ก็ได้ทาครีมบำรุงผิวเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นแล้วผิวจะแห้งแตก อย่างน้อยที่สุดที่หลินชิงเหอเคยเห็นก็มีเด็กจำนวนมากในห้องเรียนมีใบหน้าแดงระเรื่อเพราะอากาศเย็น

เพราะว่าอากาศหนาวเย็นเกินไป ในปีนี้โรงเรียนมัธยมต้นจึงปิดการเรียนก่อนกำหนดมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ และพอเข้าสู่เดือนธันวาคม ช่วงวันหยุดก็มาถึง

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เห็นสภาพอากาศของตอนนี้แล้วก็รู้สึกหนาวเยือกแทนเลยค่ะ ขอให้ผ่านอากาศแบบนี้ไปได้ด้วยดีนะคะ หากเป็นไปได้ขอแบ่งลมหนาวจากตอนนี้มาให้ทางผู้แปลหน่อยได้ไหมคะ ทางนี้ร้อนมากเลยค่ะ ๕๕๕

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset