CF:บทที่ 144 รูปภาพแปลกๆ
เมื่อเขาลงมาจากรถไฟ, อู๋ฮ่าวเหรินนั่นรู้สึกว่าหญิงสาวที่นั่งข้างๆเขานั่นมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
มันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร เธอคนนั้นคงอยากที่จะถามเรื่องของน้ำหอมกับเขาตลอดการเดินทาง แต่เขามัวแต่กำลังคุยกับพวกคนในซองแดง และแถมไม่ได้หลงสเน่ห์อะไรเธออยู่แล้วด้วย เขาจึงไม่ได้สนใจเธอเลย
ทันที่ที่เขาออกมาจากสถานีรถไฟ, โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าโทรเข้ามาจากที่บริษัท
“หัวหน้าคะ, บริษัทของเรากำลังถูกล้อมด้วยกองทัพนักข่าวค่ะ พอพวกเขาไม่เจอคุณ พวกเขาก็เริ่มมองหาพนักงานแทนค่ะ”
หลิวเหม่ยหรูมองดูสถานการณ์ที่ชั้นล่าง ซึ่งตอนนี้เธอกำลังโกรธมากที่เห็นหัวนั้นหนีเอาตัวรอดคนเดียวไปแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เปิดแถลงข่าวและบอกความจริงพวกเขาไปละกัน”
“มันเปล่าประโยชน์ค่ะ นักข่าวพวกนี้เป็นเหมือนพวกปาปารัสซี่ค่ะ ตอนนี้พวกเขารออยู่หน้าบริษัทของเรา เราบอกพวกเขาไปแล้วว่า อีกอาทิตย์หนึ่งคุณถึงจะกลับมา แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่ได้รบกวนงานของพวกคุณใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะ, ตอนนี้มีตำรวจคอยคุ้มกันอยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่สามารถเข้ามาได้ แต่เมื่อไรที่เราพวกเราออกจากบริษัท, พวกเขาบุกเข้ามาแน่”
หลังจากที่โทรคุยต่ออีกสักพักหนึ่ง, เขาก็วางสายแล้วอู๋ฮ่าวเหรินก็โทรศัพท์หาครอบครัวของเขาเพื่อถามถึงเรื่องของที่บ้าน
“พ่อครับ ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง? มีนักข่าวมาขวางประตูบ้านไหมครับ?”
“ไม่มีหรอก, ลูกเองต่างหากที่ต้องระวังความปลอดภัยข้างนอกให้ดี ดูเหมือนว่าจะมีทหารมาคุ้มกันตรงแยกทางเข้า, ทำให้พวกนักข่าวไม่สามารถเข้ามาที่หมู่บ้านได้ แต่ทางด้านน้องสาวของคุณดูเหมือนน่าจะเจอ, แต่ว่าทางตำรวจได้เข้าไปแก้ไขสถานการณ์แล้ว”
“ดีแล้วครับ ถ้ามีปัญหาอะไร, พ่อก็พาเสี่ยวชานและจ๋วนจ๋วนกลับบ้านก่อนได้เลยนะครับ”
“ขอดูก่อนละกัน ถ้ามันมีอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะต้องพากลับมาจริงๆ เฮ้อ, มีเงินมากไปก็ไม่ดีจริงๆนะ มีแต่ทำให้คนเข้ามาหา”
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกว่าถ้าสามารถผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้, อุปสรรคในการจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของครอบครัวของเขาก็จะน้อยลงไป
“เอาเป็นว่า, ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็โทรหาผมหรือบอกให้พวกทหารมาช่วยเหลือนะครับ”
เรื่องพวกนี้นั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่โชคดีที่, สถานการณ์ของหมู่บ้านซุยฉุ่ยในตอนนี้ได้ทหารมาคุ้มกันที่บริเวณทางเข้า, ดังนั้นพวกนักข่าวจึงไม่สามารถเข้าไปข้างในได้
เขาจึงเรียกแท็กซี่แล้วพูดขึ้น, “แท็กซี่ครับ, ช่วยไปตามที่อยู่นี้่ให้หน่อยครับ”
“น้องชาย, มีญาติอยู่ที่นั่นงั้นเหรอ?”
อู๋ฮ่าวเหรินสงสัยนิดหน่อย, แต่ก็ตอบกลับไป: “ผมกำลังตามหาคนในอดีตอยู่น่ะครับ”
“ถ้าน้องชายต้องการจะตามหาคน, น้องชายคงจะต้องเตรียมตัวซักหน่อยนะ ที่นี่น่ะ มีแต่พวกคนรวยอาศัยอยู่กัน พี่สามารถพาไปส่งไปแค่ตรงทางเข้า ถ้าน้องชายต้องการที่จะเข้าไปข้างใน, คงจะต้องหาทางเข้าต่อไปเองแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินที่คนขับแท็กซี่พูด, อู๋ฮ่าวเหรินก็รู้สึกตกใจนิดหน่อย ดูเหมือนว่าตัวตนของคนที่เขากำลังตามหาในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา, เขาก็มาถึงสถานที่ที่เขากำลังมองหา, อู๋ฮ่าวเหรินถามคนขับแท็กซี่, “มีโรงแรมใหญ่ๆอยู่แถวนี้มั๊ยครับ?”
“อยู่ทางนั้นน่ะ, คุณภาพก็อยู่ในระดับที่คนรวยอาศัยอยู่กันล่ะนะ แต่ราคาก็ไม่ได้แพงมาก”
อู๋ฮ่าวเหรินเดินต่อไปประมาณ 100 เมตรตามทิศทางที่คนขับรถบอกมา, และพบโรงแรมที่เขาบอก มันช่างดูหรูหราจริงๆ
“จองห้องพักหรือเปล่าครับ?”
“จองครับ, ช่วยเปิดห้องสวีทชั้นบุสสิเนสให้ผมห้องนึงครับ”
“ได้ครับ”
มองดูบัตรเครดิตที่อู๋ฮ่าวเหรินหยิบออกมา, พนักงานต้อนรับไม่ได้ตกใจอะไรเพราะพวกเขาเป็นโรงแรมห้าดาว, ซึ่งมีลูกค้ามีเงินมากมายเข้ามาทุกวันอยู่แล้ว
แต่พอได้เห็นบัตรประชาชนของอู๋ฮ่าวเหรินสักพักหนึ่ง เขาก็รีบดำเนินการจัดการจองห้องพักให้อย่างรวดเร็ว
มีบริกรเดินมาหาเขาและพูดขึ้น, “ทางนี้ครับ”
เมื่อเห็นอู๋ฮ่าวเหรินเดินออกไป, เหล่าพนักงานต้อนรับก็ซุบซิบกันกับพนักงานต้อนรับที่อยู่ใกล้ๆ “ข้อมูลในบัตรประชาชนของลูกค้าคนเมื่อกี้แปลกๆล่ะ”
“แปลกยังไงเหรอ? มันมีปัญหารึไง?”
“ไม่หรอก, ไม่ใช่แบบนั้น ก็เขาชื่ออู๋ฮ่าวเหริน, แถมที่อยู่ก็หมู่บ้านซุยฉุ่ย ข่าวเมื่อคืนนี้ไง, ข่าวของฟิวเจอร์กรุ๊ป”
“อะไรนะ!”
เมื่อเธอได้ยินเข้าตอนที่เธอกำลังทำงานอยู่, พนักงานต้อนรับคนนั้นถึงกับปิดปาก และพูดขึ้นถามกลับ “เธอเจอเขาจริงๆเหรอ?”
“จริงสิ, ตอนที่ฉันกำลังกรอกข้อมูลอยู่นะ, ฉันตรวจสอบข้อมูลเป็นพิเศษเลยด้วย”
“พวกคุณสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่? อย่ามัวคุยกันในเวลางานสิ”
“รับทราบแล้วค่ะ, หัวหน้า”
อู๋ฮ่าวเหรินเข้ามาในห้องพักแล้วล็อคประตู, จากนั้นก็วางข้าวของ ก่อนจะให้จี้เริ่มทำการตรวจสอบ
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“80% ว่าพวกเขาจะต้องอยู่ที่นี่ มีข้อมูลในบัญชีว่าพวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่, แต่ก็ยังมีเรื่องน่าแปลก”
“มีอะไรงั้นรึ?”
“มีข้อมูลของคนๆหนึ่ง ดูนี่สิ นี่คือข้อมูลที่ฉันเจอ”
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินมองเห็นข้อมูลที่จี้สืบค้นมา, เขาถึงกับอึ้ง, และขยี้ตาตัวเองแบบไม่อยากเชื่อ
“คุณมั่นใจนะว่า นี่ไม่ใช่รูปที่ดึงมาจากในวิดีโอที่พวกนั้นให้คุณมาน่ะ?”
“ฉันทำงานไม่ผิดพลาดหรอก แล้วยิ่งไปกว่านั้น, เสื้อผ้าในรูปพวกนี้ก็ไม่มีปรากฏในยุคนั้นด้วย”
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกอ้ำอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง และพูดกลับมา, “มีบรรพบุรุษของเธอที่มีหน้าตาเหมือนกันแบบนี้อีกมั๊ย?”
“ไม่มีข้อมูล, ไม่มีคน, และไม่มีการวิเคราะห์ในขณะนี้”
มองดูรูปทั้งสองใบ, อู๋ฮ่าวเหรินมองดูอย่างตั้งใจ ยกเว้นแค่เสื้อผ้าที่ต่างกันแล้ว พวกเขาดูเหมือนฝาแฝดกันมาก พวกเขาดูแทบไม่ต่างกันเลย
อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัว, ในเมื่อตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่, ก็คงทำได้แต่รอให้ถึงพรุ่งนี้และหาทางเข้าไปข้างใน
หลังจากที่ออกมาจากห้อง, อู๋ฮ่าวเหรินก็เดินตรงไปที่ห้องอาหาร
—————————————————-
ในตอนค่ำ, เขาเปิดดูอินเตอร์เนท, และพบว่ามีข่าวของเขาอยู่เต็มอินเตอร์เนทไปหมด
นอกจากมีคนที่ทั้งอิจฉาและเกลียดชังเขาแล้ว, ก็ยังมีคนที่สงสัยเรื่องการก่อตั้งของฟิวเจอร์กรุ๊ป โดยเฉพาะเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่เขาเป็นคนคิดค้นขึ้นมา
ตอนนี้สามารถแบ่งความคิดเห็นบนอินเตอร์เนทออกได้เป็นสามอย่าง หนึ่งคือเขาเป็นอัจฉริยะที่คิดค้นอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดออกมาได้จริงๆ,
ความเห็นที่สองคือ เขานั้นเป็นแค่ตุ๊กตาเชิดที่อยู่เบื้องหน้า, ซึ่งมีสถาบันวิจัยที่สุดยอดอยู่เบื้องหลังเขา ซึ่งความคิดเห็นนี้มีหลายคนเห็นด้วย
และสามคือคิดว่าทั้งสองความคิดเห็นข้างต้นไม่ถูกต้อง และมีความน่าจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า
อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้เขาก็กลายเป็นคนดังไปแล้ว เรื่องของการต่อสู้ระหว่างอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดกับนักแฮกเกอร์นั้นได้สร้างชื่อเสียงให้กับฟิวเจอร์กรุ๊ปจนโด่งดังไปทั่วโลก
เอาไว้ค่อยไปเพิ่มข้อมูลลงบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการทีหลัง, ให้ผู้คนได้รู้ว่าบริษัทนี้ได้ให้ความร่วมมือกันกับหลายประเทศ
และก็จะเป็นอีกครั้ง, ที่ชื่อเสียงของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปจะกลับมาแพร่หลายอีกครั้ง, เรื่องของร้านค้าเฉพาะอย่าง ก็จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านการเงินของฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วย
อู๋ฮ่าวเหรินพบว่ามีข้อมูลของเขาหลายอย่างถูกขุดออกมา, โดยเฉพาะเรื่องของหยกที่มีมูลค่าถึง 30 ล้านหยวน ก่อนที่จะมาก่อตั้งบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป
หลายคนคิดว่านี่คงเป็นเงินทุนของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป แน่นอนว่า, มีบางคนพบด้วยว่ามีเงินทุนอัดฉีดมาจากต่างชาติ, แต่ข้อมูลเรื่องนี้ถูกขัดขวางโดยทางรัฐ หลายคนจึงคิดว่าการเงินลงทุนพวกนี้อาจจะมีสถาบันวิจัยอยู่เบื้องหลัง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่เข้าใจแนวความคิดนี้คือ ทำไมสถาบันวิจัยนี้ถึงเลือกอู๋ฮ่าวเหรินให้มาก่อตั้งบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป?
เมื่ออ่านความคิดเห็นเหล่านี้แล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็คิดว่าคนพวกนี้มีความคิดจินตนาการได้กว้างไกลกันจริงๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ, เขาก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาอธิบายแก้ต่างการคาดเดาที่ยอดเยี่ยมแบบนี้
————————-