CF:บทที่ 250 ความเจ็บปวดของกูเกิล
การแข่งสิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนล้วนคาดไม่ถึงว่าการแข่งในช่วงบ่ายจะจบลงเช่นนี้เขารู้สึกเหมือนว่ามันได้จบลงก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวเสียอีก
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ผู้บริหารกูเกิลอย่างชมิดท์ก็ออกจากการแข่งขันตรงหน้าก่อนจะเดินทางไปประเทศจีน
ในตอนนั้น พวกเขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อโฆษณาตัวเองให้เกินจริงเข้าไว้ แต่ผลสุดท้ายนั่นกลับเป็นการช่วยโฆษณาให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปให้เป็นที่รู้จักแทนในขณะที่ชื่อเสียงพวกตนนั้นย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี
และสิ่งที่ฝ่ายกูเกิลเจ็บปวดขึ้นไปอีกนั้นก็คือเมื่อการแข่งจบลง หุ้นของบริษัทก็ร่วงกราวสูญเงินไปกว่าสองหมื่นล้านดอลลาร์และมีแนวโน้มจะตกลงอีก
เห็นได้ชัดว่า เทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์จากฟิวเจอร์กรุ๊ปทำให้นักลงทุนเห็นว่าปัญญาประดิษฐ์จากกูเกิลนั้นไม่มีความน่าเชื่อถืออีกต่อไป ถ้าฟิวเจอร์กรุ๊ปยังพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ต่อไป การวิจัยด้านนี้ของกูเกิลคงถึงคราวสูญสิ้น
กูเกิลเองยังคาดไม่ถึงกับสถานการณ์เช่นนี้เป็นอย่างมาก กลุ่มคนจากผังผู้บริหารเองก็มีปัญหากับรัฐบาลสหรัฐฯ
เป็นไปอย่างที่คาดไว้ เพราะเห็นว่าเป็นข่าวใหญ่ นักข่าวจึงเปลี่ยนข่าวที่กูเกิลใช้ประชาสัมพันธ์ก่อนเริ่มแข่งเป็นข่าวเสียดสีในทันที
ในตอนนั้น ทุกคนต่างเห็นด้วยกับโฆษณาชวนเชื่อนี้ เพราะต่างคิดว่ากูเกิลจะชนะ แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้กลับมาดูโฆษณาพวกนี้อีกครั้ง ความหมายกลับเปลี่ยนไปอีกอย่าง
เมื่อต้องให้สัมภาษณ์นักข่าว กลับไม่มีใครในกูเกิลพูดถึงเรื่องนี้ยกเว้นช่างไม่กี่คน
สามชั่วโมงหลังจากการแข่ง พวกเขาก็บินกลับอเมริกา
ฟิวเจอร์กรุ๊ปต่างมีความสุขกับการได้ดูแลเหมือนฮีโร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดจากเฉิน เจิ้นหนิง “ฉันสัญญาว่าเราจะต้องชนะทุกการแข่งแต่พวกเขาจะไม่” ในตอนนี้คำพูดดังกล่าวดูจะเป็นคำประกาศชัยชนะไปเสียแล้ว
แน่นอนล่ะว่า ถ้าฟิวเจอร์กรุ๊ปแพ้ พวกกูเกิลจะต้องหัวเราะเยาะกลับมาแน่
ในช่วงที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปดีใจกับชัยชนะที่ได้รับนั้น การโต้กลับก็ได้เริ่มขึ้น พวกนั้นเพียงแค่ต้องการระบายความอึดอัดใจเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่ต้องเผชิญกับการเยาะเย้ยจากเครือข่ายพลเมืองต่างชาติ พวกเขาจำต้องทนอยู่อย่างเงียบๆเพราะต่างไม่คิดว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปของพวกตนจะเป็นผ่ายชนะ
ฟิวเจอร์กรุ๊ปเอาชนะปัญญาประดิษฐ์ของกูเกิลไปได้ 3-0 ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนดีใจสุดๆ ใครจะกล้าพูดว่าเทคโนโลยีจากประเทศจีนนั้นล้าหลังได้อีก
มีการจับภาพเครือข่ายพลเมืองชาวจีนในเฟซบุ๊ค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเครือข่ายพลเมืองชาวต่างชาติที่ก่อเรื่องในวันนี้ซึ่งจะถูกตัดสินให้ทำโทษและทุบตี
กลุ่มเครือข่ายพลเมืองต่างชาติบางคนที่ส่ง “คำพูดที่แข็งกร้าวและความทะเยอทะยาน”
ต่างก็หายเข้ากลีบเมฆ บางคนก็เริ่มไปลบข้อความก่อนหน้านี้
พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะเอาคืนเพราะความอึดอัดใจ
และตอนนี้ คำพูดที่ครั้งหนึ่งคนพวกนี้เคยเยาะเย้ยถากถางฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ถูกจับภาพไว้
เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องดังกล่าวในเวลานี้ เครือข่ายชาวต่างชาติจึงทำได้แค่หันไปเยาะเย้ยกูเกิล
การที่พวกเราแพ้ในสองเกมแรกไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่การแพ้ในเกมสุดท้ายซึ่งเป็นเกมหมากล้อมด้วยนี่สิที่ไม่อาจลืมได้
เขาต้องกลับหาชมิดท์ที่กูเกิลและเห็นว่าผู้คนที่อยู่บนผังนั้นกำลังรอเขาอยู่
“นี่คือข้อมูลที่คุณต้องการ สำหรับข้อมูลนี้ที่ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก บริษัทเราแบกรับความเจ็บปวดมามากแล้ว”
“”โอ้ ไม่ๆ คุณชมิดท์ ข้อมูลนี้สำคัญกับพวกเรามาก จากข้อมูลพวกนี้ทำให้เรารู้เรื่องระดับเทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์ในประเทศนั้น”
“เข้าใจถึงระดับปัญญาประดิษฐ์งั้นหรือ” ชมิดจ์มองเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลพลางส่ายหน้าอย่างหมดหวัง
เขาเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่าข้อมูลพวกนี้ไม่มีความหมาย เขาได้พูดคุยกับช่างปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ได้รับการเผยออกมาเป็นแค่ผิวๆเท่านั้น
ส่วนผู้บริหารเองก็ไม่ได้เข้าร่วมการกับเกมนี้ อย่างที่หลายคนพูด เขาคิดว่านี่เป็นการแข่งที่ไร้ความหมาย ก็แค่เกมๆหนึ่ง
“เอาล่ะ เดี๋ยวทางรัฐบาลจะจ่ายชดเชยในส่วนที่คุณเสียไปก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อนล่ะ”
เมื่อเจ้าหน้าที่จากทางรัฐบาลเดินออกไป ชมิดจ์ก็มองไปที่สมาชิกในผังท่านอื่นๆก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ เรามาพูดถึงเรื่องการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในบริษัทกันดีกว่า”
นี่เป็นคำถามที่ชมิดจ์เองก็ไม่อยากเอ่ย แต่มาถึงตอนนี้ก็หนีไม่พ้นแล้ว พวกเขาลงทุนในเรื่องจำนวนคนและทรัพยากรด้านวัตถุให้กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ไปมาก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์จากที่อื่นนั้นล้ำหน้าไปกว่าพวกเขาหลายเท่าตัว ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขายอมรับได้ยาก
“ทิ้งโปรเจ็คนี้ไปซะหรือไม่ก็เปลี่ยนทิศทางการวิจัยในโปรเจ็คไป๋อาน หรือถ้าไม่เปลี่ยน พวกเราก็ต้องลงทุนลงแรงกันต่อและผลสุดท้ายก็จะเหมือนเดิม”
การทิ้งงานนี้ไปทำให้สูญเงินเป็นจำนวนหมื่นล้านดอลลาร์ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เสียเวลา ชมิดจ์รู้สึกปวดหน้าอก แต่นี่ไม่มีทางแล้ว เขารู้แล้วว่าโปรเจ็คนี้จะดำเนินต่อไปได้แต่ไม่มีใครที่อยากจะมาลงทุนกับเรื่องนี้แล้ว”
เทียบกับความสิ้นหวังของกูเกิลแล้วนั้น ฟิวเจอร์กรุ๊ปกลับสงบเงียบยิ่งกว่า แม้ว่าจะชนะการแข่ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ฉลองอะไร ลิว หมิงเยว่เพียงแค่ส่งข้อความฉลองไปบนข้อมูลบนแพล็ตฟอร์มเท่านั้น
หลังจากกลับมาแล้ว เฉิน เจิ้นหนิงก็ตรงกลับไปทำงานทันที สำหรับเขาเอง การแข่งเป็นไปอย่างที่เขาหวังไว้ยกเว้นเสียเพียงเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่างโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์เท่านั้น
การแข่งในลักษณะนี้ไม่ได้นำมาซึ่งเกียรติยศและความยินดีเลยสักนิด แม้แต่กับฝ่ายคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก พวกพนักงานยังคงทำงานกันต่อไป
แต่ทว่าปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือนักคณิตศาสตร์ที่มาด้วยนั้นต่างต้องการที่จะแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยการช่วยเหลือของปัญญาประดิษฐ์
โชคดีที่รัฐบาลส่งใครบางคนลงมาในไม่ช้าเพื่อตกลงกับพวกเขาในเรื่องนี้ ดังนั้นอู๋ ฮ่าวเหรินจึงไม่จำเป็นต้องมาแก้ปัญหานี้ด้วยตนเอง
ภายนอกกระดานสนทนาบนอินเทอร์เน็ต มีการพูดคุยในประเด็นนี้เต็มไปหมด แต่ถึงกระนั้นฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ยังทำตัวสงบเสงี่ยมเช่นเดิม
แต่อย่างไรก็ตาม โทรศัพท์สำหรับส่วนที่ให้บริการด้านปัญญาประดิษฐ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีสายโทรเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาหวังว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะเปิดการช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆสำหรับปัญญาประดิษฐ์หมายเลข 0 เพื่อที่พวกเขาจะได้พูดคุยกับเขาบ้าง
เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ลิว หมิงเยว่จึงได้เจออู๋ ฮ่าวเหรินและหวังว่าเขาจะให้คนในแผนกคอมพิวเตอร์เปิดใช้งานตรงนี้
อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นด้วยอย่างยิ่งกับเรื่องนี้เพราะไม่เห็นว่าเป็นเรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด
และเขาเองก็ไม่ได้หวังว่าเรื่องนี้ซึ่งเกี่ยวกับบริษัทอินเทอร์เน็ตโดยตรงจะนำการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้มาให้
อู๋ ฮ่าวเหรินได้รับการแสดงความยินดีอย่างมากมายที่คว้าชัยชนะนี้มาได้ คนพวกนั้นรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังเสแสร้งว่าถูกบังคับให้ต้องมาพูดกับอู๋ ฮ่าวเหริน
โชคร้ายจริงๆเพราะสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือว่าอู๋ ฮ่าวเหรินเองก็ไม่ได้ยินดีกับสิ่งนี้ ในความคิดเห็นของเขา เขาก็เหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังเข้าไปเล่นเกมของเด็กๆ แล้วผู้ใหญ่ก็เล่นชนะเด็ก มันมีความสุขตรงไหนกัน
แต่ความสำเร็จที่แท้จริงของเครื่องงจักรในทุกวันนี้ต่างหากที่ทำให้เขาตื่นเต้นอยู่บ้างและอาจตื่นเต้นกว่าที่เขาคาดหวังไว้
“จี้ นายคิดยังไงกับความสามารถของหุ่นรบระดับประเทศที่จะได้รับการปรับปรุงนี้ ถ้าติดด้วยเครื่องยนต์แบบนี้”
“ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ พลังการต่อสู้ของหุ่นยนต์จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าและสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีระดับเกราะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินพยักหน้า ด้วยเครื่องยนต์ลักษณะนี้ ความสามารถของเครื่องจักรก็จะทำงานได้ดี
แน่นอนว่า โปรเจ็คหุ่นยนต์ทางอุตสาหกรรมของเขาจะเริ่มขึ้นได้ในภายภาคหน้า แล้วงานบางอย่างจะไม่เป็นปัญหาอีก
——————————-