“พี่จั๋ว!”
เสวี่ยหนิงเซียงร้องเรียกจั๋วฝานและพลิกตัวเขาเพื่อพบแผลขนาดเท่าหมัดในหน้าอกเขาที่ทะลุจนถึงหลัง ใบหน้าของเขาขาวซีด อุณหภูมิร่างกายยังลดลง
น้ำตาเอ่อล้นในดวงตาของเสวี่ยหนิงเซียง “พี่จั๋ว ตื่นสิ…”
บางทีอาจเพราะน้ำตาหรือเสียงตะโกนที่ดังในหูถึงทำให้เปลือกตาของจั๋วฝานขยับ
“พี่จั๋ว เจ้าตื่นแล้ว!”เสวี่ยหนิงเซียงดีใจ
จั๋วฝานขยับปากแต่อ่อนแอเกินจะเปล่งเสียงได้
จั่วฝานมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของนาง สูดหายใจลึก บีบพลังงานเฮือกสุดท้ายไปที่นิ้ว แต่ในไม่ช้ามือก็ตกลง
เสวี่ยหนิงเซียงมองตามท่าทางเขา เห็นทารกโลหิตนอนจมกองเลือด
“เจ้าอยากให้ข้านำมันมา?”นางถาม
จั๋วฝานกะพริบตาอย่างอ่อนแรง มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในสภาพนี้ เสวี่ยหนิงเซียงวิ่งไปหาทารกโลหิตและในไม่ช้าก็กลับมาพร้อมมันในอ้อมแขน นางวางมันไว้บนรูในหน้าอกจั๋วฝาน
ทารกโลหิตเปล่งแสงสีแดงและกลับไปในตัวจั๋วฝาน เขาพ่นลมหายใจขณะที่เริ่มขยับตัวเล็กน้อย
ชีวิตของเขากับทารกโลหิตแบ่งปันกัน บาดแผลมันจึงสำคัญกว่าบาดแผลเขา ตราบเท่าที่ทารกโลหิตไม่เป็นไร บาดแผลของเขาก็จะหายเอง แต่ตอนนี้ชีวิตของทารกโลหิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย โดยปราศจากแก่นโลหิตของเขา มันจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
เขาอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นกันและไม่มีทางช่วยมันได้ แต่ทารกโลหิตจะมอบพลังงานให้เขาเล็กน้อยถ้ากลับเข้าตัวเขา
“ละ-เลือด”จั๋วฝานกระซิบเสียงแหบ
เสวี่ยหนิงเซียงหยุดไปชั่วขณะ จากนั้นก็กรีดข้อมือนางด้วยมีดและนำมือนางไปจ่อริมฝีปากของจั๋วฝาน
เลือดของนางไหลเข้าปากจั๋วฝานและเขาก็ค่อยๆฟื้นเรี่ยวแรง
เสวี่ยหนิงเซียงถอนหายใจโล่งอกและยิ้ม
แต่จั๋วฝานพลันกัดข้อมือนาง ดูดเลือดออกไป เสวี่ยหนิงเซียงกลั้นความเจ็บปวดและปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ
เวลาผ่านไปแต่ความกระหายของจั๋วฝานไม่ลด ใบหน้าของเสวี่ยหนิงเซียงซีดและถึงขั้นเวียนหัว
นางรู้ว่ามันมาจากการเสียเลือดแต่นางไม่หยุดเขา
เมื่อจั๋วฝานยอมปล่อยและสูดอากาศ เขาก็เห็นใบหน้าขาวซีดของเสวี่ยหนิงเซียงและรู้สึกซับซ้อน
“ขอบใจเจ้ามาก”จั๋วฝานมีแรงจะพูดแล้วเพราะเลือด เสวี่ยหนิงเซียงยิ้ม นางรู้สึกอ่อนแรงแต่รอยยิ้มของนางกลับประทับตรึงในหัวใจจั๋วฝาน
เขานึกถึงการกระทำก่อนหน้าของเขา หัวใจของเขาเริ่มรู้สึกผิด
ด้วยความคิดนั้น ขวดสีฟ้าจึงปรากฏในมือเขา
“หนิงเอ๋อร์ นี่คือเม็ดยาปกป้องหัวใจระดับสาม ให้ข้าเม็ดหนึ่ง เจ้าเอาไปเม็ดหนึ่ง และอีกเม็ดให้เด็กนั่นถ้าเขายังไม่ตาย”
เสวี่ยหนิงเซียงพยักหน้าและป้อนยาให้เขา นางตรวจสอบเซี่ยเทียนหยางและพบว่าเขายังมีชีวิต นางป้อนเม็ดยาเขา
จั๋วฝานนอนบนพื้นแต่หัวใจแจ่มแจ้ง”หนิงเอ๋อร์ เจ้าเองก็บาดเจ็บ ทำไมไม่กินละ?”
หนิงเอ๋อร์ส่ายหัว”แค่แผลเล็กน้อย เม็ดยานี้ล้ำค่าเกินไป มันดีกว่าที่จะใช้กับพวกเจ้าสองคน”
“ฮ่าๆ มันมาจากศาลาเฉียนหลงอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ใช้ไปเถอะ!”จั๋วฝานยิ้ม เขาเตรียมการก่อนมาเทือกเขาหมื่นอสูร ไม่เพียงจะมีหินปราณ เขายังมีเม็ดยาเติมกระเป๋า
เนื่องจากตระกูลราชวงศ์กับศาลาเฉียนหลงมอบของให้ตระกูลลั่ว เขาจึงมีทุกอย่างนอกจากเม็ดยาหายาก บางเม็ดยาของเขาเป็นสิ่งที่พบไม่ได้ในจักรวรรดิเทียนอวี่ เขากลั่นมันกับตัวเอง
[ข้าไม่คิดว่าข้าจะต้องใช้พวกมันเร็วขนาดนี้!]
“หนิงเอ๋อร์ รับไป มันเป็นของเจ้า!]
เสียงดังและเสวี่ยหนิงเซียงก็หันไปทางเซี่ยเทียนหยาง เขาเองก็สภาพย่ำแย่ ไม่เลวร้ายเท่าจั๋วฝาน แต่ก็ยังขยับตัวไม่ได้
เขาต้องการเวลาพักฟื้น 3-5 เดือน
จั๋วฝานไม่สามารถขยับตัวได้เช่นกัน ถึงกระนั้น ความกลัวของเขาที่มีตต่อจั๋วฝานก็ไม่ได้สูงขนาดนั้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ”หนิงเอ๋อร์ พี่ใหญ่จั๋วอยากใช้เจ้าเป็นเหยื่อล่อตั้งแต่ต้น!”
เมื่อจั๋วฝานถูกเปิดเผยแผนการ นางก็ได้หมดสติอยู่แล้วในคุกพายุไฟสายฟ้า แต่เมื่อได้ยินตอนนี้ นางกลับตกใจและมองจั๋วฝานด้วยความหวังว่าเขาจะปฏิเสธ
นางปฏิเสธที่จะเชื่อว่าพี่ชายจั๋ว ผู้ยืนเคียงข้างนางมาตลอดเดือนจะโหดร้ายถึงขนาดทิ้งขว้างนาง
นางหวังว่านี่จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด อยากให้จั๋วฝานปฏิเสธคำพูดของเซี่ยเทียหนยาง แต่จั๋วฝานกลับเงียบ ดวงตาเย็นชาของเขาปฏิเสธที่จะสบตากับนางเป็นครั้งแรก
ด้วยน้ำตาที่ไหลริน เสวี่ยหนิงเซียงบังคับให้ตัวเองเลิกร้อง แต่หัวใจนางเหมือนโดนแทงด้วยมีด
นางไม่รู้ว่าเมื่อไร แต่จั๋วฝานมีความหมายต่อนางมาก นางไม่รู้สึกเกลียดที่ถูกทิ้งขว้าง แต่เจ็บปวด..
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของนาง จั๋วฝานก็ลังเล”หนิงเอ๋อร์ ข้า..”
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไร”
เสวี่ยหนิงเซียงปาดจมูกและฝืนยิ้ม”ข้ารู้ว่าพี่ชายจั๋วเป็นคนกล้าหาญและฉลาด นั่นคงเป็นไปตามแผนของเจ้า ข้ามั่นใจว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
นางเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เซี่ยเทียนหยางเลิกคิ้ว”เห้ หนิงเอ๋อร์ เจ้าจะยกโทษให้เขาอย่างนั้นเหรอ?เขาบาดเจ็บและขยับตัวไม่ได้ ตอนนี้มันเป็นโอกาสล้างแค้นแล้ว”
แต่เสวี่ยหนิงเซียงไม่กลับมา
เซี่ยเทียนหยางอยากตะโกนอีกแต่เสียงของจั๋วฝานกลับดังขึ้น”เงียบ ถ้าเจ้าอยากตาย ก็แค่พูดมา!”
“ฮึ่ม เจ้าก็ไม่ได้แย่ไปกว่าข้า เจ้าจะไปทำอะไรได้!”
เซี่ยเทียนหยางสวมท่าทางแข็งกร้าวแต่ลึกๆกลับกลัวเพราะจิตสังหารที่แผ่ออกจากจั๋วฝาน
การเห็นกับตาตัวเองถึงวิธีที่จั๋วฝานสู้กับผู้อาวุโสเจ็ด เขาก็รู้ว่าจั๋วฝานน่ากลัวแค่ไหน แม้จะแพ้ จั๋วฝานก็เล่นกับปีศาจเจ้าเล่ห์จนอยู่ในสภาพนี้
เขารู้สึกทั้งกลัวและเกลียดต่อจั๋วฝาน
ความเกลียดมาจากความโหดร้ายของเขา และความกลัวมาจากความเจ้าเล่ห์ แต่จากนั้นความรู้สึกใหม่ก็บังเกิด เป็นสิ่งที่ศิษย์อัจฉริยะของตำหนักกระบี่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนอย่างทึ่ง
เสวี่ยหนิงเซียงกลับมาพร้อมไม้และสร้างเปลสองตัว เมื่อนางวางพวกเขาลงบนเปล จั๋วฝานก็อยากขอโทษแต่ก็ต้องกลืนคำพูดเมื่อเขาเห็นนางหลบเลี่ยงเขา
ครื่น!
เกิดเสียงฟ้าร้อง ฝนเริ่เททลงมาบนป่าขี้เถ้าและช่วยให้ต้นกล้าเติบโต
เสวี่ยหนิงเซียงมัดเปลด้วยเชือกและเดินย่ำโคลน เพราะฝนตกหนัก เส้นทางบนภูเขาจึงขรุขระ บวกกับการเสียเลือด นางจึงล้มครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่นางยังเดินต่อเหมือนเครื่องจักร ลากพวกเขาไปข้างหน้า
ทั้งสามไม่พูดอะไรสักคำ แม้กระทั่งคำบ่นของเซี่ยเทียนหยางถึงการแก้แค้นก็ยังหายไป
ทั้งสองรู้สึกแย่เรื่อยๆเมื่อเห็นใบหน้าขาวซีดของเสวี่ยหนิงเซียงตอนนางลากพวกเขา
เซี่ยเทียนหยางเป็นคนแรกที่พูดถึงการทิ้งนาง จั๋วฝานก้าวไปอีกขั้นด้วยการปฏิเสธความคิดอย่างสง่างาม แต่กลับโยนนางเป็นเหยื่อล่อในวินาทีสุดท้าย
และตอนนี้ ทั้งสองอยู่ในสภาพย่ำแย่ ไร้ประโยชน์ไปอีกเป็นเดือน แต่หัวใจของเสวี่ยหนิงเซียงยังมั่นคงและแน่วแน่ ไม่เคยละทิ้งพวกเขา
ทั้งสองรู้สึกหนักอึ้งในใจจากหนี้ก้อนโตที่ติดนาง[เราจะตอบแทนนางคืนได้อย่างไร?]
บนถนนภูเขาโคลน รอยขุดปรากฏและหนูดินก็เผยตัวเอง มันวิ่งไปหาเสวี่ยหนิงเซียงทันทีที่ออกมา
ตอนนี้นางเห็นเพื่อนตัวน้อย รอยยิ้มนางกลับมาอีกครั้ง
ด้วยความกลัวว่าเจ้าตัวน้อยจะโดนลูกหลง นางจึงไล่มันไปก่อนการต่อสู้ แต่ตอนนี้มันกลับมา
เจ้าตัวน้อยกระโดดรอบขานางด้วยความดีใจและกระโดดไปข้างหน้า
เสวี่ยหนิงเซียงเดาว่ามันกำลังนำทางและลากเปลไปททที่ถ้ำ
นางลากทั้งสองเข้าถ้ำเพื่อหลบฝนและรักษาแผลอย่างมีความสุข
แต่จั๋วฝานกลับหันไปมองรอบๆและตะโกนด้วยความตื่นตระหนก”เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ เราต้องไปเดี๋ยวนี้!”