เดิมทีฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางนึกว่าซูวั่งชวนและคนอื่นๆจะไม่ตอบตกลง ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงอย่างไม่รอช้าเช่นนี้
เมื่อได้ยินคำตอบ เจ้าเมืองฉินและเลี่ยหยางก็มองหน้ากันด้วยความงุนงง
ซูชิงเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนขั้นสาม เลี่ยหยางไม่ได้ต้องการเอาชนะเขาและนั่นไม่ใช่จุดสนใจของพวกเขาด้วยซ้ำ มันเป็นเพียงการเอ่ยถึงเพื่อปกปิดเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาเท่านั้น
สตรีผู้มีนามว่าอวี้โม่ลึกลับอย่างยิ่งและมีพลังความแข็งแกร่งพอสมควร ฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางรู้ว่าการเอาชนะนางไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงต้องการทดสอบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางเท่านั้น
ผู้ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจที่สุดก็คืออาอู่
พวกเขาทั้งหมดรู้พลังความแข็งแกร่งของบุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างดี แม้ว่าพลังของเขาพัฒนาขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ทว่าหากต้องประจันหน้ากับเลี่ยซานผู้มีพลังขอบเขตเซียนครึ่งก้าว เขาก็ไม่มีทางเอาชนะได้อย่างแน่นอน
เป้าหมายของพวกเขาในการต่อสู้ครานี้ก็คือการให้เลี่ยซานหาโอกาสกำจัดอาอู่ให้สิ้นซาก
พวกเขาเชื่อว่าซูวั่งชวนและคนอื่นๆจะคาดเดาสิ่งนี้ได้และไม่ตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะตกปากรับคำอย่างรวดเร็วเช่นนี้
“ฮ่าๆๆ เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ”
อย่างไรก็ตาม ฉินส่าวชิงและเลี่ยหยางประหลาดใจเพียงชั่วขณะเท่านั้น อึดใจต่อมาพวกเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป นี่คือผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการ ต่อให้จะแปลกใจเล็กน้อย มันก็ไม่อาจทำให้พวกเขาลังเลได้
“ข้าคิดว่าให้คู่ที่อายุน้อยที่สุดประชันฝีมือกันก่อนจะดีกว่า ด้วยพลังของข้าและผู้นำซู ข้าเชื่อว่าหากเราทั้งคู่เริ่มก่อน มันคงกินเวลานานสามวันสามคืนเป็นแน่”
เลี่ยหยางเอ่ยแสดงความคิดเห็นขึ้นก่อน
จุดประสงค์หลักของพวกเขาในครานี้คือการต่อสู้ของเลี่ยซานและอาอู่ สำหรับการประชันฝีมือของเขาและซูชิงนั้นไม่จำเป็นต้องสู้กันด้วยซ้ำ เพราะเหตุนั้นเขาจึงเสนอให้คู่คนหนุ่มเป็นคู่เริ่มต้น
“เราไม่ขัดข้อง”
ซูวั่งชวนและคนอื่นๆยังคงพยักศีรษะตอบตกลงโดยไม่ขัดข้องหรือคัดค้าน
เลี่ยหยางและเจ้าเมืองฉินก็ต้องรู้สึกแปลกใจกับทัศนคติของฝ่ายซูวั่งชวนมากยิ่งขึ้น เพียงแต่พวกเขาเชื่อว่าอาอู่ไม่มีทางเอาชนะเลี่ยซานได้ต่อให้จะมีไพ่ตายใบเด็ดก็ตาม เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่เป็นกังวลนัก
“เอาล่ะ เว้นพื้นที่ออกไปก่อนเถอะ”
ฉินส่าวชิงพยักศีรษะและนำคนของตนเองถอยหลังไปเป็นระยะหนึ่งเพื่อเว้นพื้นที่เป็นวงกว้าง
ซูวั่งชวนและคนอื่นๆก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนในขณะที่บางคนถึงขั้นหยิบน้ำชามาจากชนเผ่า จากนั้นทุกคนก็นั่งลงและชงชาอย่างรวดเร็วราวกับกำลังเตรียมรับชมการแสดงที่ยอดเยี่ยม
เมื่อเห็นอากัปกิริยาของชนเผ่าเมฆาคราม บรรดาคนจากชนเผ่าเพลิงคำรามและเจ้าเมืองฉินก็ถึงกับพูดไม่ออกและแอบคิดริษยาอยู่ในใจ
พวกเขาทำได้เพียงแค่นั่งลงและรอชมผลของการต่อสู้เท่านั้น
เลี่ยซานแค่นเสียงในลำคอก่อนที่เขาจะพุ่งตรงไปปรากฏกลางอากาศ
“อาอู่ ออกมารับความตายซะเถอะ!”
น้ำเสียงของเลี่ยซานแสดงถึงความทะนงตนอย่างไม่ปิดบัง
“ท่านตา ท่านลุง พี่ซูน่า พี่อวี้โม่ ข้าขอตัวก่อน”
อาอู่ลุกขึ้นและกล่าวกับทุกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
ซูวั่งชวนและคนอื่นๆพยักศีรษะ การที่พวกเขากล้าส่งอาอู่ออกไปประชันฝีมือกับเลี่ยซานเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขามีไพ่ตายบางอย่างและเชื่อมั่นในตัวอาอู่อย่างเต็มเปี่ยม
“ข้าจะระวังตัวไว้”
บุรุษหนุ่มพยักศีรษะ เวลานี้ใบหน้าของเขาแสดงความมุ่งมั่นและแน่วแน่อย่างชัดเจน
อาอู่พุ่งตรงไปปรากฏตรงหน้าเลี่ยซานอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ไปถึง แรงกดดันจากเลี่ยซานก็แผ่ออกมาหาเขาจนเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ทว่าสีหน้าของอาอู่ยังไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยขณะต้านทานแรงกดดันของเลี่ยซานโดยตรง
“อาอู่ เจ้ากล้าต่อสู้เดิมพันชีวิตกับข้าหรือไม่?”
เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยไม่แยแสของบุรุษหนุ่มตรงหน้า เลี่ยซานก็อดเอ่ยออกมาไม่ได้
เขาเพียงต้องการลองเชิงเท่านั้นและไม่คิดว่าอาอู่จะตอบตกลง
อย่างไรก็ตาม อาอู่พยักศีรษะโดยไม่ลังเลและยิ้มมุมปาก “ตามที่เจ้าต้องการ”
ทันทีที่กล่าวจบ อาอู่ก็กล่าวคำสาบานเพื่อทำสัญญาความเป็นความตายและรอการเคลื่อนไหวของเลี่ยซาน
เมื่อเห็นสีหน้ามีความสุขของอีกฝ่าย เลี่ยซานก็ตะลึงไปเล็กน้อยและเขาเริ่มกังวลขึ้นมา
“เลี่ยซาน หากเจ้าคิดจะต่อสู้เดิมพันด้วยชีวิตก็รีบกล่าวคำสาบานซะ มิฉะนั้นหากเจ้าพลาดไป เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว”
อาอู่มองเลี่ยซานที่ยังคงลังเลและกล่าวขึ้นเบาๆ
“เหอะ เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้างั้นรึ?!”
เลี่ยซานแค่นเสียงและตัดสินใจกล่าวคำสาบานเพื่อเดิมพันด้วยชีวิตของตนเอง
ทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากันและกฎแห่งฟ้าดินก็ก่อตัวขึ้นรอบๆพวกเขา เว้นแต่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป การต่อสู้จะไม่สิ้นสุดลงและกฎแห่งฟ้าดินก็จะไม่จางหายไป ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครที่สามารถเข้ามาแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้ได้ มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกลงโทษโดยกฎดังกล่าว
“อาอู่ อย่าวู่วามเกินไป!”
ในฟากของซูวั่งชวน ป้าหลานเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่รวดเร็วมากจนนางไม่อาจหยุดยั้งได้ทัน หลังจากกล่าวคำปฏิญาณ กฎแห่งฟ้าดินก็ก่อตัวขึ้นทันทีและไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีก
“ป้าหลาน ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ เชื่อใจอาอู่เถอะและเชื่อมั่นในอวี้โม่ที่ได้ช่วยพัฒนาฝีมือของเขาในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา”
ซูน่าจับมือป้าหลานเพื่อปลอบประโลมและไม่ให้นางกังวลเกินไป แม้ว่าซูน่าเองก็เป็นห่วงอาอู่อยู่ไม่น้อย นางก็เลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวอาอู่และฉินอวี้โม่
จากความเข้าใจที่ซูน่ามีต่อฉินอวี้โม่ หากนางไม่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม นางจะต้องห้ามปรามอาอู่อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นแววตาของซูน่า ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะให้กับนางเพื่อบ่งบอกว่าไม่ต้องกังวล
แม้ว่าเลี่ยซานเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตเซียนครึ่งก้าว อาอู่ในเวลานี้ก็มิใช่อาอู่คนเดิมอีกต่อไป ก่อนหน้านี้นางกังวลว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น นางจึงเสริมความแข็งแกร่งให้กับอาอู่เป็นการพิเศษและมอบหลายสิ่งหลายอย่างให้กับเขา วันนี้หากเอาชนะเลี่ยซานไม่ได้ การดูแลฝึกฝนอาอู่ที่นางทุ่มเทมาตลอดที่ผ่านมาก็คงจะสูญเปล่า
เมื่อซูวั่งชวนและคนอื่นๆเห็นสีหน้ามั่นใจของฉินอวี้โม่และเห็นสีหน้าเรียบเฉยของอาอู่กลางอากาศ พวกเขาก็ไม่คิดมากนักและตัดสินใจที่จะเชื่อในความสามารถของคนหนุ่มสาวทั้งสอง
“เลี่ยซาน เจ้ารวมหัวกับพ่อของเจ้าและทำให้พ่อแม่ของข้าต้องตายไปอย่างที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม วันนี้ได้เวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้แล้ว!”
อาอู่กล่าวอย่างเย็นชาและจิตสังหารแรงกล้าจากร่างกายของเขาก็แผ่ออกไปอย่างไม่ปิดบัง
“เหอะ พลังของเจ้าก็แค่ขอบเขตจ้าวสุริยะ เจ้ายังห่างชั้นกับข้าอีกมาก ข้าคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าอะไรทำให้เจ้ามั่นใจนักว่าจะเอาชนะข้าได้!”
เลี่ยซานแค่นเสียงเย็นชาและไม่รอช้าอีกต่อไปขณะพุ่งตรงเข้าไปโจมตีอาอู่
“เจ้ากำลังจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง”
อาอู่เอ่ยตอบโต้และหายวับไปก่อนการโจมตีของเลี่ยซานมาถึงตัว
“ช่างรวดเร็วยิ่งนัก”
ทุกคนอดตกตะลึงไม่ได้เมื่อเห็นอาอู่ปรากฏตัวในจุดเดิมของเลี่ยซานก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ความสามารถในการทำความเข้าใจของอาอู่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง วิชาทะยานบันไดเมฆาที่นางสอนเขาก่อนหน้านี้บรรลุระดับที่เชี่ยวชาญแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับเลี่ยซาน ในแง่ของความเร็วนั้น อาอู่จะไม่ตกเป็นรองอย่างแน่นอน
เลี่ยซานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อการโจมตีพลาดเป้าหมาย ไม่คิดเลยว่าทั้งที่ถูกกดข่มด้วยแรงกดดันจากเขา อาอู่จะหลบเลี่ยงการโจมตีได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
“เลี่ยซาน เข้าจะแสดงไพ่ตายของข้าให้เจ้าได้ประจักษ์”
อาอู่เอ่ยขึ้นก่อนที่อสูรมายาสองตัวปรากฏข้างกาย ทั้งสองเป็นอสูรมายาระดับสูงโดยตัวหนึ่งเป็นอสูรเซียนครึ่งก้าวและอีกตัวเป็นอสูรเซียนขั้นหนึ่งที่สมบูรณ์
อสูรมายาทั้งสองถูกสยบโดยฉินอวี้โม่ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้อาอู่ซาบซึ้งในการกระทำของจอมยุทธ์สาวเป็นอย่างยิ่ง
บัดนี้เมื่อเผชิญหน้ากับเลี่ยซาน ในที่สุดเขาก็สามารถใช้ประโยชน์จากพวกมันได้
“ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
อาอู่เอ่ยก่อนที่ร่างของเขาพุ่งออกไปและถอยจากระยะโจมตีของเลี่ยซาน
อสูรมายาทั้งสองของเขาก็พยักหน้าและโจมตีเลี่ยซานทั้งซ้ายทั้งขวาทันที
สีหน้าของเลี่ยซานเปลี่ยนไปเล็กน้อยที่ได้เห็นอสูรมายาทั้งสอง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าบุรุษหนุ่มอ่อนแอจะมีอสูรมายาระดับสูงในการครอบครองถึงสองตัว
“เหอะ คิดว่าข้าไม่มีอสูรมายางั้นรึ?”
เลี่ยซานแค่นเสียงเย็นชาก่อนที่อสูรมายาสองตัวปรากฏข้างกายเขาเช่นกัน
เพียงแต่พลังของอสูรสองตัวนี้อ่อนแอกว่าอสูรของอาอู่ โดยตัวหนึ่งเป็นอสูรเซียนครึ่งก้าวและอีกตัวหนึ่งเป็นอสูรสุริยะขั้นสูงสุด
“เจ้า ไปจัดการเด็กนั่นซะ!”
เมื่อออกคำสั่งกับอสูรตัวที่อยู่ในระดับสุริยะขั้นสูงสุด มันก็พุ่งตรงไปหาอาอู่ทันที
ในขณะที่เลี่ยซานและอสูรมายาอีกตัวติดพันอยู่กับการต่อสู้กับอสูรมายาทั้งสองของอาอู่
พลังของอาอู่ไม่แข็งแกร่งนัก เลี่ยซานจึงเชื่อว่าอสูรมายาระดับสุริยะขั้นสูงสุดเพียงตัวเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการกับเขาได้
แต่ทว่า… นั่นคือสิ่งที่เขาทำพลาดอีกครั้ง
เขาไม่คาดคิดว่าความสามารถในการต่อสู้ของอาอู่จะพัฒนาขึ้นกว่าก่อนมาก ภายในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ก็มีเพียงเสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้นมาและอสูรสุริยะของเลี่ยซานก็ถูกอาอู่บั่นหัวอย่างที่ไร้ความปรานี
พรวด!
การตายของอสูรมายาทำให้เลี่ยซานผู้เป็นนายของมันได้รับผลกระทบเล็กน้อยเช่นกัน เขากระอักเลือดคำโตออกมาและอสูรเซียนของอาอู่ก็ได้โอกาสนั้นฟาดโจมตีออกไปทันที
อาอู่ไม่รอช้าขณะพุ่งตรงเข้ามาอยู่ข้างอสูรเซียนครึ่งก้าวของตนเองและอสูรอีกตัวของเลี่ยซานซึ่งกำลังต่อสู้กัน
ฉึก!
คมกริชธรรมดาๆเล่มหนึ่งปรากฏในมือของเขาและฉวยโอกาสในจังหวะที่อสูรมายาทั้งสองกำลังต่อสู้กันแทงตรงไปที่หัวของอสูรมายาอีกตัวของเลี่ยซาน
“โร่วววววว!”
ด้วยเสียงร้องโหยหวน อสูรมายาตัวนั้นของเลี่ยซานก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าในจังหวะนี้มันก็สะบัดตัวกลับมาโดยสัญชาตญาณซึ่งซัดอาอู่จนกระเด็นออกไปทันที
พรวด!
อาอู่ถูกอสูรมายาเหวี่ยงกระเด็นออกไปจนกระอักเลือด เขาตีลังกากลางอากาศหลายตลบก่อนทรงตัวได้เช่นเดิมและไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
จากนั้นอสูรมายาทั้งสองของอาอู่ก็มองหน้าอย่างรู้กันและลงมือสังหารอสูรมายาของเลี่ยซานทันที
พรวด!
เลี่ยซานผู้ที่นอนอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง อสูรมายาประจำตัวของเขาถูกฆ่าตายไปทั้งสองตัว ในฐานะเจ้านาย เขาจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสและความสามารถในการต่อสู้ก็ลดลงเป็นอย่างมาก
เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ อาอู่ก็ไม่รอช้าและตรงเข้ามาปรากฏกายตรงหน้าเลี่ยซานอีกครั้ง
“อาอู่ เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้!”
เมื่อเห็นบุรุษหนุ่มที่ค่อยๆใกล้เข้ามา ใบหน้าของเลี่ยซานก็ซีดเผือดและถอนร่นไปอย่างรวดเร็วขณะสัมผัสถึงความอาฆาตมาดร้ายจากอีกฝ่าย
เขาถอยร่นไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นทว่าดูเหมือนว่าหลังของเขาจะชนเข้ากับกำแพง ซึ่งนี่ก็ถือม่านพลังที่ก่อตัวขึ้นโดยกฎแห่งฟ้าดิน ทำให้เขาทางหลบหนีไปไหนไม่ได้อีก
“ทำไมข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้?”
อาอู่ไม่รีบร้อนขณะมองเลี่ยซานผู้น่าสมเพชด้วยแววตาเย็นชาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อน
เมื่อได้ยินวาจาเย็นชานั้น ใบหน้าของเลี่ยซานก็เหยเกยิ่งกว่าเดิม
“เพราะว่า..”
เขาต้องการเอ่ยบางอย่างออกไป ทว่าหลังจากไตร่ตรองอยู่นาน เขาก็ไม่สามารถสรรหาคำใดออกไปได้
“อาอู่ เจ้ากล้ารึ?!”
เลี่ยหยางซึ่งอยู่ข้างนอกมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที เขาแค่นเสียงเย็นชาและต้องการปรี่เข้ามาโดยเร็ว ทว่าถูกขัดขวางไว้โดยกฎแห่งฟ้าดินและฝ่าเข้ามาไม่ได้ เขาทำได้เพียงแค่ส่งเสียงข่มขู่ด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้นเท่านั้น
“ฮ่าๆๆ ไม่มีอะไรที่ข้าไม่กล้าทำ”
อาอู่มองคู่ต่อสู้อย่างเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เลี่ยหยาง เลี่ยซาน ตอนที่พวกเจ้ารวมหัวกันฆ่าพ่อแม่ข้า พวกเจ้าคงไม่คิดสินะว่าจะมีวันนี้”
เขาเอ่ยขึ้นเบาๆด้วยน้ำเสียงเจือความเศร้า ทว่าคมกริชในมือของเขาก็จ้วงแทงตรงเข้าไปที่หัวใจของเลี่ยซาน…
.