ตอนที่ 13 เปาเอ๋อประหลาดใจ 2
เปาเอ๋อมองไปยังหยางเย่ด้วยท่าทีแปลกประหลาด นางนึกในใจ “ท่านปู่โกหกเรา! เปาเอ๋อใช้เวลาตั้งสามเดือนในการสร้างยันต์ และยังเป็นเพียงยันต์ระดับกลาง แต่ท่านปู่กลับบอกว่าเราว่าเป็นอัจฉริยะ หลอกเรางั้นหรือ! กลับมาเมื่อไหร่เราจะดึงหนวดท่านปู่ให้หมดเลย!”
“เกิดอะไรขึ้น? ข้าโง่เขลาเกินไปใช่หรือไม่?” หยางเย่ถามเมื่อเห็นเปาเอ๋อตกอยู่ในภวังค์
ท่าทางเปาเอ๋อแปลกยิ่งขึ้นเมื่อได้ยิน มันใช้เวลาชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ นางมองไปที่หยางเย่พร้อมพยักหน้า “เจ้าสร้างยันต์หนึ่งชิ้นในเวลาครึ่งเดือน สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์นั้นค่อนข้างปกติแต่ยังด้อยกว่าเปาเอ๋ออยู่เล็กน้อย!” เมื่อกล่าวจบ ใบหน้านางกลายเป็นสีแดงโดยปราศจากเหตุผล
แต่สำหรับหยางเย่กลับถอนหายใจโล่งอกแทน “ถือว่าดีแล้วใช่ไหมเปาเอ๋อ ข้าไม่คุ้นเคยกับคุณลักษณะยันต์มาก่อน เจ้าจะสอนข้าได้หรือไม่!”
“สำหรับเรื่องนั้น!” นางแสดงท่าทีมีปัญหา เมื่อเห็นหยางเย่แสดงท่าทีจริงจังจึงรีบตอบ “ข้าสามารถหากเจ้ารับเงื่อนไขได้”
“เงื่อนไขอันใดหรือ?” หยางเย่ค่อนข้างตื่นเต้น หากมันสามารถทำให้เขากลายเป็นอาจารย์ยันต์ มันคงเป็นประโยชน์ต่อความแข็งแกร่งสำหรับเขาในอนาคต
“ข้าจะเสนอให้ท่านปู่รับเจ้าเป็นศิษย์ และเจ้าเองต้องยอมรับว่าเป็นศิษย์ของท่านปู่ ใช่แล้ว ในนามว่าศิษย์น้อง เจ้าคิดเห็นเช่นไร?” เปาเอ๋อมองไปยังหยางเย่ด้วยดวงตากระพริบปริบที่มีชีวิตชีวา
“เป็นศิษย์น้องเจ้า?” หยางเย่งุนงง
“อะไร? เจ้าไม่ต้องการงั้นหรือ?” เปาเอ๋อกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ
หยางเย่รีบส่ายหัวตอบ “เปล่าเลย มันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด ข้าต้องการเป็นศิษย์น้องเปาเอ๋ออยู่แล้ว แต่ แต่เปาเอ๋อ ท่านปู่ของเจ้าจะรับข้าเป็นศิษย์หรือไม่กันละ? ยามนั้น หากเขาไม่ต้องการ ข้าคง…” ใช่แล้ว เขายังค่อนข้างกังวล อาจารย์ยันต์ทุกคนล้วนร้ายกาจ หากท่านปู่ของเปาเอ๋อไม่คิดสนใจ ในเวลานั้นมันจะน่าขายหน้าสำหรับเขาแค่ไหนกัน?
เมื่อนางได้ยิน ความไม่พอใจบนใบหน้าเปาเอ๋อหายไปหมดสิ้น “ไม่มีเหตุอันใดต้องกังวล มันเรียบร้อยตั้งแต่ข้าตั้งใจให้เจ้าเป็นแล้ว เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าเป็นน้องเล็กของเปาเอ๋อนะ ใช่ ศิษย์พี่จะดูแลเจ้าอย่างดี ตอนนี้มันค่อนข้างสายแล้ว ดังนั้นข้าจะมาเจอเจ้าเมื่อมีเวลา ศึกษายันต์ธาตุชนิดอื่นก่อนในเวลาไม่กี่วัน ข้าจะกลับมาทดสอบเจ้าด้วยบทเรียนทั้งหมดนี้ เข้าใจหรือไม่?”
หยางเย่ไม่กล้าส่ายหัว เขารีบพยักหน้าตอบรับ
เมื่อนางเห็นหยางเย่พยักหน้า เปาเอ๋อจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “สายแล้วล่ะ ข้าต้องไปก่อนแล้ว และจะนำยันต์เสริมกำลังเจ้าไปศึกษาต่อ อืม ข้าหมายถึงตรวจสอบน่ะ ตรวจสอบ เจ้าไม่จำเป็นต้องให้ข้า” เมื่อนางกล่าวจบ เปาเอ๋อวิ่งไปยังหุบเขาวายุเหมันต์ ขณะที่นางหันหน้าจากหยางเย่ ใบหน้าแสดงถึงความเคร่งขรึมภายในรอยยิ้ม นางกล่าวในใจ “เราพบสมบัติล้ำค่าเข้าแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า! สมบัติชิ้นนี้ถูกพบโดยเปาเอ๋อ ทั้งยังกลายเป็นศิษย์น้องเปาเอ๋อด้วย ฮ่าฮ่า!!”
หยางเย่รู้สึกได้ว่าถูกปกปิดบางสิ่งอยู่ เปาเอ๋ออายุไล่เลี่ยกับเสี่ยวเหยา ด้วยการที่ทั้งสองคล้ายคลึงกันทั้งความฉลาดและซุกซน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเหมือนถูกปิดบังบางอย่างจากนาง
“ช่างมัน ไม่ว่าด้วยการใด นางไม่มีเจตนาร้ายกับเราแน่นอน!” หยางเย่ยิ้มขณะส่ายหัวพร้อมหยุดคิดเกี่ยวกับท่าทีแปลกของเปาเอ๋อ และมองไปยังแหวนมิติที่เปาเอ๋อให้มา เมื่อมองมันเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะแหวนมิตินี้ แม้กระทั่งผู้ว่าการแห่งเมืองทักษิณภิรมณ์ยังไม่อาจมีไว้ครอบครองได้!
หลังจากคลุกคลีกับแหวนอยู่ชั่วขณะ หยางเย่โคจรพลังเข้าสู่แหวน หัวใจเขาเต้นรัวเมื่อเห็นช่องว่างในแหวน ภายในนั้นช่างกว้างอย่างยิ่ง มันกว้างราวเจ็ดสิบเมตรทั้งความสูงและความยาว ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีหินพลังปราณจำนวนมหาศาลข้างใน กองหินพลังปราณนับรวมได้ถึงหนึ่งแสน!
เมื่อนึกถึงที่เปาเอ๋อกล่าว มุมปากหยางเย่กระตุก เปาเอ๋อกล่าวไว้ว่าได้ทิ้งหินพลังปราณไว้จำนวนหนึ่ง เขาเคยคิดว่าประมาณไม่กี่ร้อย แต่ไม่คาดคิดว่าจะมากถึงหนึ่งแสนก้อน!
“ข้าติดหนี้นางมหาศาลยิ่ง!” หยางเย่ส่ายหัวและยิ้มเมื่อมองไปยังกองหินพลังปราณ เขาสามารถเข้าใจได้แล้วว่าความร่ำรวยคือสิ่งใด
หลังจากสวมแหวน หยางเย่ระงับความคิดไว้ชั่วคราวและนำดาบเหล็กดำระดับสีเหลืองจากเฟิงอวี่ออกมา ดาบเหล็กดำมีความยาวเมตรครึ่ง กว้างประมาณสองนิ้ว ใบมีดที่คมกริบเปล่งประกายความเย็นเยือกออกมา แค่เพียงตวัดดาบ เสียงตัดอากาศก็ดังออกมา
“ดาบอะไรกันนี่!” ขณะมองที่ดาบในมือ ประกายความสุขไหลผ่านในดวงตาหยางเย่ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอันเบา “เดิมคิดว่าภายหลังได้เป็นศิษย์นอกสำนักจะไปยังกระโจมดาบเพื่อเลือกหาดาบ ผู้ใดกันคาดคิดว่าเฟิงอวี่จะมอบดาบให้ ทั้งยังเป็นระดับสีเหลืองขั้นสูง ยามนี้เราไม่จำเป็นต้องใช้กิ่งไม้ฝึกฝนอีกต่อไปแล้ว”
“สำนักดาบราชันจัดการทดสอบสำนักนอกขึ้นทุกชั่วระยะเวลาสองปี มันห่างไกลเพียงยี่สิบแปดวันนับจากนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของเรา คิดเป็นศิษย์นอกไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากต้องการอยู่สิบอันดับแรก พลังเท่านี้ยังไม่พอ เราต้องฝึกฝนเพิ่มขึ้น” ขณะมองที่ดาบในมือ หยางเย่จึงพึมพำบ่นกับตัวเอง