41 การช่วยชีวิต 2
หลังจากได้ยินว่าเครื่องมือของเอี้ยนลี่เฉียงในการช่วยชีวิตเด็กคนนี้คือแท่งอ้ายเย่ธรรมดาๆ แพทย์ที่อยู่ด้านนอกก็ตามเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาพวกเขาล้มเหลวในการทำให้เด็กคนนี้ฟื้นขึ้นมา แม้ว่าใช้วิธีต่างๆทั้งหมดแล้วก็ตาม
เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ตายไปแล้วและตายไปหลายชั่วโมงแล้วด้วย มันเป็นไปไม่ได้ที่เด็กจมน้ำไปหลายชั่วโมงจะฟื้นกลับมา
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่เชื่อว่าเพียงแค่แท่งอ้ายเย่ธรรมดาจะทำสิ่งมหัศจรรย์นี้ได้ ถ้าแท่งอ้ายเย่สามารถชุบชีวิตคนที่จมน้ำตายได้จริงๆ มีย่อมเป็นการกระทำของเทพเจ้าแล้ว
ในใจของพวกเขาไม่มีใครเชื่อว่าเอี้ยนลี่เฉียงสามารถชุบชีวิตคนตายได้ เหตุผลเดียวที่พวกเขาเข้ามาคือเพื่อดูว่าเอี้ยนลี่เฉียงใช้เคล็ดลับแบบไหนแล้วพวกเขาก็จะเปิดโปงทันที
เอี้ยนลี่เฉียงเข้าใจอย่างชัดเจนถึงความตั้งใจของแพทย์เหล่านั้น อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการให้อารมณ์ของเขาได้รับผลกระทบจากคำพูดพล่อยๆของคนเหล่านั้น
เขาจึงกล่าวกับพ่อบ้านใหญ่ว่า “พ่อบ้านใหญ่ในตอนที่ข้ารักษาเด็กคนนี้จะต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก จึงขอให้มีเพียงญาติสนิทของเด็กเท่านั้นที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์ส่วนคนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา!”
จุดประสงค์ของการอนุญาตให้ญาติสนิทของเด็กสังเกตการณ์ก็เพื่อให้เขามีพยานกับการกระทำของเขา
เพราะแม้ว่าเขาจะไม่สามารถชุบชีวิตเด็กคนนี้ได้ด อย่างน้อยที่สุดตระกูลลู่ก็จะรู้ว่าเขาพยายามอย่างจริงจังในการช่วยแล้ว
นอกจากนี้ยังพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้มองผู้คนตระกูลลู่เป็นคนโง่หรือแม้แต่ทำให้ร่างกายของเด็กคนนี้เป็นมลทินในเรื่องนี้เอี้ยนลี่เฉียงได้คิดอย่างรอบคอบมาตั้งแต่ต้น
เมื่อได้ยินคำขอของเอี้ยนลี่เฉียงแพทย์ทุกคนในห้องก็ถูกพ่อบ้านใหญ่ตระกูลลูกไล่ออกไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
แท่งอ้ายเย่และเทียนถูกวางไว้ก่อน และพ่อของเด็กที่ดวงตาเป็นสีแดงก่ำก็ยืนอยู่ข้างเอี้ยนลี่เฉียง ในขณะที่เขาเบิกตากว้างเพื่อดูว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะช่วยลูกชายของเขาได้อย่างไร
“ น้องชายเอี้ยนโปรดทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยเขาแม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถทำได้ แต่ตระกูลลู่ก็จะไม่ตำหนิเจ้าเช่นกัน…” ชายวัยกลางคนบอกเอี้ยนลี่เฉียงด้วยเสียงที่สั่นสะท้านเล็กน้อย
“ชีวิตของมนุษย์มีค่าเกินกว่าที่ข้าจะให้สัญญาอะไร แต่ข้าก็จะพยายามอย่างเต็มที่!” เอี้ยนลี่เฉียงให้ความมั่นใจกับผู้ชายคนนี้อย่างจริงใจ
นี่เป็นความคิดที่ซื่อสัตย์ของเขาโดยไม่มีความกังวลใดๆ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาเต็มใจที่จะลองแม้ว่าจะเป็นคนธรรมดาคนอื่นๆแทนที่จะเป็นตระกูลลู่ก็ตาม
ถ้าเขาทำสำเร็จเขาจะช่วยชีวิตมนุษย์คนหนึ่งกลับคืนมา แม้ว่าเขาจะล้มเหลวก็คงไม่มีใครตำหนิเด็กชายอายุสิบสี่ปีในสถานการณ์เช่นนี้
นอกจากนี้เขาไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรเลยดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้เขาต้องกังวล พ่อของเด็กพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีกดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงจึงเริ่มลงมือ
เขาหยิบไม้อ้ายเย่ที่พ่อบ้านลู่นำมาให้เขาหลังจากที่ตรวจสอบแล้ว เขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่าอ้ายเย่แท่งนี้มีคุณภาพดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
มันถูกวางไว้ตรงหน้าเขาแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสมันก็ตามแต่กลิ่นหอมนั้นก็ยังคงลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
แต่แน่นอนว่าเนื่องจากพืชโกฐจุฬาลัมพามีอยู่ทั่วไปแม้แต่อ้ายเย่ที่ดีที่สุดก็ไม่ได้มีราคามากนัก
ขั้นตอนแรกเอี้ยนลี่เฉียงถือแท่งอ้ายเย่ให้เหนือเทียนเพื่อจุดไฟ เขารอจนปลายด้านหนึ่งเป็นสีแดงเหมือนก้านธูปก่อนจะวางลงบนถาดที่ด้านข้าง จากนั้นจึงลุกขึ้นปลดกระดุมเสื้อผ้าที่เด็กสวมอยู่
เมื่อพ่อของเด็กเห็นการกระทำของเอี้ยนลี่เฉียงอารมณ์บางอย่างก็วูบวาบในดวงตาของเขา แต่เขายังคงเงียบและเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ
ร่างกายของเด็กเย็นแล้วและแข็งเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหน้าท้องของเขาก็ยังคงมีความร้อนอยู่บ้าง เขาคิดว่าน้ำที่อยู่ข้างในจะต้องถูกใครบางคนจากตระกูลลู่ขับออกมาจนหมดแล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงนวดท้องของเด็กเบาๆ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมในขณะที่เขาเริ่มอธิษฐานอย่างเงียบๆในใจ
“ปรมาจารย์ซุนซือเหมี่ยวเอี้ยนลี่เฉียงลูกศิษย์ของท่านกำลังพยายามช่วยชีวิตอันมีค่าของเด็กน้อยผู้หนึ่งโปรดประทานพรของของท่านให้แก่ข้า
หากวิธีนี้ได้ผลศิษย์คนนี้จะไม่เห็นแก่ตัวและถ่ายทอดความรู้นี้แก่ผู้คนจำนวนมากอย่างแน่นอน
เพื่อให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการจมน้ำในโลกนี้จะได้มีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดโศกนาฏกรรมบางอย่างให้กับครอบครัวจำนวนนับไม่ถ้วน”
หลังจากจบคำอธิษฐานในใจ เอี้ยนลี่เฉียงก็ใช้แท่งอ้ายเย่สีแดงด้วยมือข้างเดียวและจี้ไปที่ท้องของเด็กคนนั้นโดยเว้นระยะห่างระหว่างพวกมันเพียงไม่กี่เซนติเมตร
เขาทดสอบอุณหภูมิของแท่งอ้ายเย่ด้วยมือของเขา หลังจากกำหนดระยะทางที่จะไม่ทำให้ผิวหนังไหม้แล้วเขาก็เริ่มใช้ไม้อ้ายเย่จี้ลงไปที่ท้องของเด็ก
นี่เป็นวิธีการของเอี้ยนลี่เฉียงในการช่วยชีวิตเด็กน้อย แต่แน่นอนวิธีนี้ไม่ใช่สิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงคิดขึ้น มันเป็นวิธีการที่ปรมาจารย์ซุนซื่อเหมียวผู้สมบูรณ์แบบทิ้งไว้เบื้องหลัง เขาเป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคจีนโบราณว่ากันว่าเขามีชีวิตอยู่ได้ถึง 142 ปี
มันเป็นหนึ่งในวิธีการที่น่าสนใจที่ถูกทิ้งไว้ในงานสารานุกรมทางการแพทย์ของเขานั่นคือ ‘สูตรสำคัญสำหรับเหตุฉุกเฉินที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับทองคำ 1000 แท่ง’
มันเป็นวิธีการสำหรับช่วยเหลือผู้ที่จมน้ำโดยเฉพาะ คำพูดหนึ่งจากตำราของเขาบรรยายว่า ‘การช่วยคนจมน้ำ: เปิดเสื้อผ้าของผู้ปู่และทำการรมยาที่สะดือของพวกเขา ใช้ได้เฉพาะกับผู้ป่วยที่จมน้ำน้อยกว่าหนึ่งวัน ‘
ในหนังสือของเขาปรมาจารย์ซุนได้กล่าวไว้ว่าวิธีนี้สามารถชุบชีวิตคนที่จมน้ำมาตลอดทั้งคืนได้ ดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงจึงคิดจะลองดู
เอี้ยนลี่เฉียงรู้วิธีนี้เพราะเขาได้อ่านบทความหนึ่งที่เขาติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งคราวในชีวิตก่อนหน้านี้
เขาคิดว่าเขาคงจำมันไม่ได้ แต่หลังจากที่เขาได้ศึกษาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นเขาก็ตระหนักว่าสมองของเขาดูเหมือนจะมีพื้นที่เก็บความจำเพิ่มมากขึ้น
จริงๆแล้วเขาสามารถจำหนังสือและบทความทั้งหมดที่เขาเคยอ่านมาก่อนในชีวิตก่อนหน้านี้ได้รวมถึงหนังสือที่เขามองผ่านเพียงแวบเดียว
หนังสือและบทความเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในสมองของเขาทั้งหมด ตราบเท่าที่เขามีความตั้งใจเขาจะสามารถจำเรื่องทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์