44 – สร้างความสัมพันธ์กับตระกูลลู่
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้พยายามซ่อนอะไรเพราะเขาไม่สามารถทำได้เลย ดังนั้นเขาจึงไบอกเราไปตามตรงในทุกสิ่งที่เขาสามารถพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาที่บ้านได้
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถซ่อนได้และไม่มีอะไรให้เขาซ่อนอยู่แล้ว
นั่นเป็นเพราะบ้านเกิดของเขาอยู่ในมณฑลชิงไห่ซึ่งอยู่ติดกับ มณฑลหวงหลง หากตระกูลลู่ต้องการรู้เกี่ยวกับเขาจริงๆ
พวกเขาสามารถส่งพ่อบ้านออกไปที่นั่นเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเขาได้อย่างง่ายดายและพวกเขาจะค้นพบทุกสิ่งเกี่ยวกับเขา
ในขณะที่พวกเขาสองคนกำลังคุยกันอยู่ไม่นานอาหารค่ำของ เอี้ยนลี่เฉียงก็มาถึง
แม้ว่าจะเรียกว่าอาหารค่ำ แต่ความอลังการของมันก็เป็นเหมือนกับงานเลี้ยงอันสำคัญ
คนรับใช้ของตระกูลลู่ที่สองสามคนเดินเข้ามาและตั้งโต๊ะกลมขนาดใหญ่ไว้ตรงกลางห้องโบตั๋น ตามด้วยสาวใช้ที่แต่งตัวเหมือนผีเสื้อเป็นคนยกอาหารน่ารับประทานมากมายมาวางไว้บนโต๊ะ
ในพริบตาโต๊ะด้านหน้าเอี้ยนลี่เฉียงก็เต็มไปด้วยอาหารที่มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน มีอาหารมากกว่ายี่สิบรายการและกลิ่นของพวกมันอบอวลไปทั่วห้อง นอกจากนี้ยังมีสุราชั้นดีอายุหลายสิบปีอีกสองสามขวด
ยกเว้นอาหารสองจาน เอี้ยนลี่เฉียงไม่สามารถเอ่ยชื่ออาหารจานอื่นบนโต๊ะได้เพราะว่าตลอดชีวิตของเขาไม่เคยเห็นอาหารที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน
อุ้งเท้าหมีนึ่งไม่ใช่อาหารที่สามารถเตรียมได้ภายใต้การบอกกล่าวสั้นๆเช่นนี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาเตรียมครึ่งวันจึงจะได้ที่
เพื่อให้ตระกูลลู่สามารถจัดเตรียมอาหารนี้ได้ด้วยความเร็วดังกล่าว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นอาหารที่ผู้คนตระกูลลู่ชอบรับประทานอยู่เสมอ
เป็นไปได้มากทีเดียวที่พวกเขาจะมีอุ้งเท้าหมีมากมายนึ่งอยู่ในครัวทุกวัน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถยกออกมาได้ตลอดเวลา
เอี้ยนลี่เฉียงไม่เคยเห็นอาหารระดับไฮเอนด์ที่หรูหราแบบนี้มาก่อน แม้จะเป็นในโลกเดิมของเขาก็ตาม
ทั้งโต๊ะนี้เต็มไปด้วยอาหารที่สิ้นเปลืองและฟุ่มเฟือยเกินกว่าที่ เอี้ยนลี่เฉียงจะกินคนเดียวไหว
“นายน้อยเอี้ยนโปรดเพลิดเพลินกับอาหารของท่าน!” พ่อบ้านใหญ่ตระกูลลู่แสดงท่าทางอย่างสุภาพ เพื่อเชิญให้เขารับประทานอาหาร
เอี้ยนลี่เฉียงถือตะเกียบที่ทำจากงาช้างซึ่งมีลวดลายสีเงินแกะสลักไว้โดยไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาของเขาถึงไหลลงลงมาในขณะมองไปที่โต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยจาน
…
พ่อบ้านใหญ่ตระกูลลู่ตกใจเล็กน้อย “นายน้อยเอี้ยนไม่พอใจกับอาหารไหนหรือ ข้าจะให้คนยกออกไปเดี๋ยวนี้!”
“โอ้ ไม่มัน ไม่ใช่อย่างนั้น!” เอี้ยนลี่เฉียงเช็ดน้ำตาของเขา
“ ทำเรื่องขายหน้าต่อหน้าพ่อบ้านใหญ่เข้าจำได้ จู่ๆข้าก็นึกขึ้นได้ว่าพ่อของข้าจะตีเหล็กทุกวันเพื่อหาเลี้ยงชีพ เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วที่เขาตื่นเช้าและเข้านอนดึก
เขาประหยัดทุกอย่างเพื่อให้ข้าได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ โดยปกติแล้วเขาจะไม่เคยแตะต้องเนื้อสัตว์เลย เขายกพวกมันทั้งหมดให้ข้ากินเพียงคนเดียว
ข้าคิดว่าเขาคงไม่เคยกินอาหารอร่อยๆแบบนี้มาก่อนในชีวิต ”
พ่อบ้านใหญ่ไม่ได้หัวเราะเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่เขาจ้องไปที่เอี้ยนลี่เฉียงอย่างลึกซึ้งพร้อมกับกล่าวเสียงนุ่มนวลกับเอี้ยนลี่เฉียง
“นายน้อยเอี้ยนไม่จำเป็นต้องคิดมากไป หลังจากวันนี้พ่อของ นายน้อยเอี้ยนจะไม่ต้องแบกรับความยากลำบากเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!”
…
เอี้ยนลี่เฉียงใช้เวลาทานอาหารไปประมาณสองเค่อ(30นาที)และกินทุกอย่างไปเกือบครึ่งโต๊ะจึงทำให้เขารู้สึกอายเล็กน้อย
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาใช้เวลาในการฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นมาโดยตลอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาผ่านขั้นตอนท่าม้าแล้วความอยากอาหารของเอี้ยนลี่เฉียงก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับอาหารที่อร่อยเช่นนี้เอี้ยนลี่เฉียงจะไม่สามารถอดกลั้นได้เลย
เอี้ยนลี่เฉียงทานเฉพาะอาหารเท่านั้น เขาไม่ได้แต่ต้องสุราแม้แต่น้อยหลังจากที่ทานอาหารเสร็จเขาก็จิบน้ำชาเพียงไม่กี่คำ
หลังจากที่เขาทานอาหารจบแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกยกออกไป แต่เมื่อจานถูกยกออกไปก็มีของอย่างอื่นมาวางแทนอย่างรวดเร็ว
คนรับใช้ของตระกูลลู่นำหีบหนักสองใบมาวางไว้บนโต๊ะ พ่อบ้านใหญ่ก็เปิดหีบออกมา เผยให้เห็นทองคำแท่งที่ส่องแสงระยิบระยับและน่าตื่นตาตื่นใจภายใต้แสงเทียน
ทองคำถูกยัดมาเต็มกล่องจนเอี้ยนลี่เฉียงต้องหยีตามองเพราะแสงระยิบระยับของมัน
ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงกำลังประเมินจำนวนทองที่อยู่ในหีบ นายผู้เฒ่าลู่ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม