83 – เตรียมตัวเข้าสอบ
เด็กรุ่นเยาว์ที่ทำผลงานได้ดีเป็นพิเศษในการทดสอบการต่อสู้ของมณฑลจะสามารถเข้าเรียนในสถาบันศิลปะการต่อสู้ประจำแคว้น
เพื่อศึกษาต่อและหวังว่าจะได้เป็นนักรบและก้าวหน้าในฐานะชนชั้นสูง แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเป็นนักรบได้ในท้ายที่สุดแต่โอกาสที่จะได้เรียนในสถาบันศิลปะการต่อสู้ระดับแนวหน้าของแคว้นก็มีข้อดีมากมายเช่นกัน
มันเป็นโอกาสที่จะทำให้เด็กๆเหล่านี้คบหาสหายซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนชั้นสูงของแคว้น นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าพวกเขาอาจมีโอกาสได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานในหน่วยราชการของรัฐ
เนื่องจากทุกๆแคว้นจะมีสำนักงานของส่วนกลางซึ่งแต่ละมณฑลจะมีงานมากมาย พวกเขามักจะได้ไปที่กองกำลังประจำแคว้นเป็นส่วนใหญ่หลังจากเรียนจบ
ในแง่หนึ่งการทดสอบการต่อสู้ของมณฑลเทียบเท่ากับจุดเชื่อมต่อระหว่างการสอบเข้าของจักรวรรดิฮั่นอันยิ่งใหญ่ถือเป็นการทดสอบข้าราชการรุ่นใหม่ไปในตัว
มณฑลชิงไห่มีทั้งหมดสิบเจ็ดเมืองและมีผู้สมัครสอบเจ็ดถึงแปดร้อยคนทุกปี ในบางปีอาจมีผู้เข้าสมัครถึงหลักพันคน
และมีเพียงสามสิบคนเท่านั้นที่จะมีโอกาสผ่านเข้าสู่สถาบันศิลปะการต่อสู้ประจำเมืองหลวงของแคว้น อัตราการรับสมัครนั้นมีน้อยมากๆ
หลังจากส่งมอบม้าแรดให้กับผู้พิทักษ์ของตระกูลลู่แล้วในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็เดินผ่านทางเข้าของสถาบันศิลปะการต่อสู้ท่ามกลางผู้ปกครองจำนวนนับไม่ถ้วนที่รอผลการสอบของบุตรหลานพวกเขาที่ด้านนอก
มีทางเข้าสี่ทางซึ่งจะเป็นจุดให้กับผู้สมัครของเมืองต่างๆเข้าทดสอบในเขตของตัวเอง เจ้าหน้าที่สามคนนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะรับสมัครพวกเขาค่อนข้างมีใบหน้าเคร่งเครียด
“ชื่อ?”
“ เอี้ยนลี่เฉียง!”
“เจ้ามาจากไหน?”
“ เมืองหลิวเหอ!”
ชายคนนั้นซักถามเอี้ยนลี่เฉียง ในขณะที่พลิกหนังสือในมือของตัวเอง เขาพยักหน้าหลังจากพลิกไปยังหน้าที่มีรายชื่อผู้สมัครของเมืองหลิวเหอและเห็นว่าชื่อของเอี้ยนลี่เฉียงถูกบันทึกไว้ในนั้น
จากนั้นเขาก็ขอให้เอี้ยนลี่เฉียงยื่นนิ้วหัวแม่มือขวาของเขาออกก่อนจะป้ายหมึกสีแดงไปที่นิ้วและให้เขาประทับรอยนิ้วมือไว้
ลายนิ้วมือนี้ถูกวางไว้ในบรรทัดเดียวกับแบบพิมพ์ที่เอี้ยนลี่เฉียงทิ้งไว้ เมื่อเขาเข้าร่วมการทดสอบเบื้องต้นของเมืองเพื่อการเปรียบเทียบที่ง่ายขึ้น
เมื่อเห็นว่าลายนิ้วมือทั้งสองเหมือนกันแล้วพวกเขาก็สามารถยืนยันตัวตนของเอี้ยนลี่เฉียงได้ จากนั้นชายคนนั้นก็มอบทะเบียนให้กับคนข้างๆเพื่อตรวจสอบในช่วงเวลาสั้นๆ
บุคคลนั้นพยักหน้าและก็หยิบหยิบแผ่นโลหะที่มีตัวเลขสลักอยู่ออกมา เขาเขียนชื่อของเอี้ยนลี่เฉียงบนแผ่นโลหะก่อนที่จะส่งมอบให้เอี้ยนลี่เฉียง
หลังจากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็เข้าสู่สถาบันศิลปะการต่อสู้ของมณฑลพร้อมกับแผ่นโลหะในมือ
ยังเหลือเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วยามก่อนเริ่มการสอบและมีผู้สมัครหกถึงเจ็ดร้อยคนมารวมตัวกันที่สนามฝึกของสถาบันศิลปะการต่อสู้
ลานกว้างเก้าแห่งได้มีเวทีจัดเตรียมไว้ บนเวทีที่ใหญ่มีธงซึ่งเขียนข้อความไว้ว่า การทดสอบศิลปะการต่อสู้ประจำแคว้นผิงซี
ในวันสอบจริงผู้สมัครที่ลงสนามต่างรู้สึกดีอกดีใจและวิตกกังวล ผู้สมัครที่มาจากภูมิภาคเดียวกันต่างก็มารวมตัวกันเป็นกลุ่ม พวกเขาทำการอบอุ่นร่างกายไปด้วยกัน
ผู้สมัครที่มาจากเมืองต่างๆจะมีพื้นที่ชุมนุมที่กำหนดไว้ พื้นที่เหล่านั้นจะมีป้ายชื่อเมืองเขียนอยู่ด้านหนึ่ง
ขึ้นอยู่กับว่าผู้สมัครมาจากไหนพวกเขาจะต้องรวมตัวกันภายใต้ธงประจำเมืองของตน การจัดระบบในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ง่ายต่อการจัดการ แต่ยังเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นสวมสิทธิ์เข้ามาแทนที่อีกด้วย
เนื่องจากเหตุผลที่ผู้สมัครจากภูมิภาคเดียวกันน่าจะคุ้นเคยกันและเนื่องจากอย่างน้อยพวกเขาก็เคยพบกันมาก่อนหากมีคนแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นพวกเขาจะตรวจพบได้ทันที
ตามกฎหมายของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่กล้าแอบอ้างเป็นผู้สมัครและโกงการสอบศิลปะการต่อสู้คนผู้นั้นจะถือเป็นอาชญากรร้ายแรงและต้องถูกจับกุมตัวไปลงโทษ
เอี้ยนลี่เฉียงกวาดสายตาไปที่สนามฝึกซ้อมและเห็นป้ายของเมืองหลิวเหอ จากนั้นเขาก็เดินไปยังพื้นที่ชุมนุมที่รวบรวมผู้สมัครของเมืองหลิวเหออย่างใจเย็น
ผู้สมัครจากเมืองหลิวเหอก็มองเห็นเอี้ยนลี่เฉียงที่กำลังใกล้เข้ามาเช่นกัน พวกเขาแต่ละคนต่างกระซิบข้างหูของอีกคน
“ อา เอี้ยนลี่เฉียงอยู่ที่นี่…”
“ เป็นไปได้ไหมว่าอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับครั้งนั้นถูกรักษาหายดีแล้ว?”
“ บางทีมันอาจจะหายแล้วแม้ว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นอย่างน้อยเขาก็ควรมาลองดู!
“ มันน่าเสียดายมากหากโศกนาฏกรรมไม่ได้ตกมาที่บ้านของหงต๋า หงต๋าจะเอาชนะตัวไร้สาระอย่างเอี้ยนลี่เฉียงได้แน่นอน…”
ทุกคนเห็นเอี้ยนลี่เฉียงแต่ไม่มีใครมาทักทายเขาด้วยความเต็มใจ ย้อนกลับไปในเมืองหลิวเหอ เอี้ยนลี่เฉียงไม่มีผู้ใดชมชอบมากนัก