102 – ลานบ้านที่คึกคัก
สิ่งที่คู่พ่อและลูกของตระกูลเอี้ยนไม่คาดคิดที่สุดก็คือคนขายเนื้อหลิวและลูกชายของเขาจะเป็นคนแรกที่มาถึงบ้านตระกูลเอี้ยนในวันนี้
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียง เอี้ยนเต๋อชาง พ่อบ้านลู่และโจวเถี่ยจูกำลังคุยกันในห้องหลังอาหารเช้าก็มีเสียงคนเคาะประตู ผู้คุ้มกันจากตระกูลลู่ที่อยู่นอกลานบ้านเปิดประตูออกไป
ผู้คุ้มกันคนนั้นจากตระกูลลู่ไม่รู้ว่าคนขายเนื้อหลิวและลูกชายของเขาเป็นใคร คนขายเนื้อหลิวและลูกชายของเขากำลังขับรถลากวัวและรถเข็นที่เต็มไปด้วยบางสิ่งที่ด้านหลัง
คนขายเนื้อหลิวอธิบายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาว่าพวกเขาเป็นเพื่อนบ้านจากเมืองหลิวเหอ และมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับเอี้ยนลี่เฉียงดังนั้นผู้คุ้มกันมจากตระกูลลู่จึงอนุญาตให้คนขายเนื้อหลิวและลูกชายของเขาเข้าไป
“เป็นเจ้านั้นเอง?”
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเห็นคนขายเนื้อหลิวและลูกชายของเขาเดินเข้ามาเขาก็คิดว่าทั้งคู่มาผิดที่ รอยยิ้มบนใบหน้าของเอี้ยนเต๋อชางที่ตอนแรกกำลังอารมณ์ดีค่อยๆจางหายไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของคนขายเนื้อหลิวนั้นหวานมากจนสามารถหลอกล่อแมลงวันที่บินอยู่นอกลานบ้านให้เข้ามาพร้อมกับลูกชายของเขา
เขาพยักหน้าและโค้งคำนับเพื่อทักทายทุกคนในห้อง “ข้าได้ยินมาว่าลี่เฉียงได้รับเกียรติ เป็นที่หนึ่งในสามอันดับแรกจากการทดสอบการต่อสู้ของมณฑลเมื่อวานนี้
ข้าตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับทั้งคืนจึงพาลูกชายมาด้วยเพื่อเลือกหมูที่ดีเป็นอันดับแรกในตอนเช้าและฆ่ามันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเราทำความสะอาดมันเป็นอย่างดีก่อนจะนำมาส่งที่นี่เพื่อเป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆ
ทั้งลูกชายและข้ากินน้ำมันหมูมากเกินไปในตอนนั้นหัวใจของเราก็ขุ่นมัวและตาของเราก็มืดบอด ถ้าเราเคยทำให้พี่เอี้ยนและลี่เฉียงขุ่นเคืองมาก่อนก็ขอให้อย่าโกรธเคืองกันไปอีกเลยพวกเราเป็นเพื่อนบ้านกันในถนนนี้มาอย่างยาวนานหวังว่าจะได้ช่วยเหลือกันในภายภาคหน้า! “
มีคำกล่าวที่กล่าวว่า: “อภัยได้ควรอภัย”
เอี้ยนเต๋อชางไม่ใช่คนคร่ำครึ อย่างไรก็ตามในขณะนี้เมื่อเขาเห็นคนขายเนื้อหลิวและลูกชายของเขายอมรับความผิดพลาดของตัวเองและส่งมอบของขวัญให้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ความขัดแย้งที่เขามีกับคนขายเนื้อหลิวในอดีตก็สลายไปทันที การแสดงออกของเอี้ยนเต๋อชางก็อ่อนลงเช่นกัน
แม้ว่าความขุ่นเคืองที่มีต่อเขาจะหายไปอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนสีหน้าและเผชิญหน้ากับคนขายเนื้อหลิวด้วยรอยยิ้มได้ทันทีด้วยบุคลิกที่ตรงไปตรงมาของเขา
แต่ทันใดนั้นก็มีผู้คนมากมายมาเคาะที่ประตูบ้านของตระกูลเอี้ยน
พ่อและลูกชายของตระกูลเอี้ยนรู้จักเพื่อนบ้านเหล่านี้ดีแต่ก็มีบางคนที่พวกเขาไม่คุ้นเคยด้วย อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงนำของขวัญมาให้กับตระกูลเอี้ยนในเวลานี้
เพื่อนบ้านบางคนนำผักสดมาจากไร่นาและสวนของตนเองมามอบให้ บางคนนำสุราที่พวกเขาเก็บไว้หลายปี บางคนนำผ้าพับ ไก่สดและเป็ดรวมถึงไข่ไก่หนึ่งตะกร้าและผลไม้แห้งต่างๆ
ชาวบ้านบางคนนำม้วนผ้าซึ่งมีการเขียนอักษรมงคลว่า “อันดับหนึ่งของมณฑล” มาด้วย
สำหรับครอบครัวที่เป็นตระกูลใหญ่หน่อยก็จะมอบเงินทองมากมาย
หลังจากนั้นคนที่เข้ามามอบของขวัญก็มีไม่หยุดหย่อนตลอดทั้งวัน ในท้ายที่สุดฝูงชนที่มารวมตัวกันที่ตระกูลเอี้ยนก็มีจำนวนมากจนแม้แต่ห้องนั่งเล่นก็ไม่สามารถรองรับแขกได้อีกต่อไป ทุกคนจึงย้ายไปที่ลานด้านนอกแทน
เอี้ยนเต๋อชางและเอี้ยนลี่เฉียงเห็นดังนั้นก็ไม่อยากเอาเรื่องพ่อลูกตระกูลหลิวอีกต่อไป เอี้ยนลี่เฉียงจึงได้บอกพวกเขาว่าทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นเขาลืมไปหมดแล้วทำให้พ่อลูกตระกูลหลิวกลับไปด้วยความดีใจ
เอี้ยนลี่เฉียงไม่สามารถฝึกฝนร่างกายตัวเองในสถานการณ์เช่นนี้ได้ สิ่งที่เขาทำได้คือไปกับเอี้ยนเต๋อชางเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับเพื่อนบ้านในลานบ้าน
น่าแปลกใจที่ตระกูลเสิ่นจากมณฑลชิงไห่ได้สั่งให้พ่อบ้านส่งทองคำห้าสิบเหรียญและผ้าไหมที่มีคุณภาพดีที่สุดสองพับมาให้กับเอี้ยนลี่เฉียงเป็นของขวัญแสดงความยินดีในตอนเที่ยงวัน
เมื่อเพื่อนบ้านที่มารวมตัวกันที่ลานของเอี้ยนลี่เฉียงพบว่าของขวัญเหล่านั้นมาจากตระกูลเสิ่นแห่งเมืองมณฑลพวกเขาอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ม้วนผ้าไหมที่สวยงามและซองจดหมายสีแดงที่ส่งถึงตระกูลเอี้ยนโดยองครักษ์ของตระกูลเสิ่นด้วยความอิจฉา
แต่นั่นไม่ใช่จุดจบของความประหลาดใจของทุกคน ในตอนเที่ยงลู่เปียนจากตระกูลลู่แห่งเมืองหวงหลงมาพร้อมกับเฉียนซูของขวัญจากตระกูลลู่นั้นน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง มีทองคำสองร้อยเหรียญผ้าไหมสีต่างๆสิบพับรวมทั้งดาบวิเศษหนึ่งเล่ม
เฉียนซูนำของขวัญมามอบให้เอี้ยนลี่เฉียงซึ่งเป็นทวนยาวที่งดงาม มันมีความยาวมากกว่าหนึ่งวาครึ่งและทำจากไม้ยางที่มีคุณภาพที่สุด ส่วนคมมีดนั้นถูกตีขึ้นโดยช่างตีเหล็กที่มีฝีมือดีจากย่านโรงตีเหล็กนั่นเอง
เมื่อผู้คนมากมายที่เห็นของขวัญเหล่านี้พวกเขาต่างอุทานด้วยความอิจฉา
หลังจากนั้นในตอนบ่ายยังมีผู้คนมากมายเข้ามาส่งของขวัญอย่างต่อเนื่อง
ที่ลานบ้านของตระกูลเอี้ยนมีความคึกคักตลอดทั้งวัน รถม้าและผู้คนประเภทต่างๆมุ่งหน้าเข้าสู่บ้านตระกูลเอี้ยนยังไม่ขาดสาย
หลังจากวันที่วุ่นวายทุกอย่างก็จบลงในตอนกลางคืน ในที่สุด เอี้ยนลี่เฉียงก็สามารถหายใจได้สะดวก เขารู้สึกว่าการจัดการกับสิ่งเหล่านี้ตลอดทั้งวันนั้นเหนื่อยยิ่งกว่าการเข้าร่วมการสอบศิลปะการต่อสู้เสียอีก
ภายในห้องพักด้านข้างเอี้ยนเต๋อชางเห็นของขวัญแสดงความยินดีทุกประเภทกองอยู่สูงถึงเนินเขา เขาตกตะลึงอ้าปากค้างไม่คิดว่าจะมากมายถึงขนาดนี้
ก่อนที่เขาจะกลับมามีสติเอี้ยนเต๋อชางถามว่า “มีมากขนาดนี้ได้ยังไง”
“ ยังมีพวกสมุนไพรและอาหารอีกจำนวนมากที่ไม่ได้วางไว้ที่นี่!” เอี้ยนลี่เฉียงส่งรายชื่อแขกให้เอี้ยนเต๋อชาง
“ของขวัญแสดงความยินดีที่เราได้รับในวันนี้ถูกบันทึกโดยพ่อบ้านลู่หากไม่รวมของขวัญเช่นผ้าไหมและอาวุธสิ่งที่เราได้รับในวันนี้ก็คือเงิน 1,800 เหรียญและทองคำอีก 200 เหรียญ “
“เราจะเอาทั้งหมดไว้ที่บ้านได้อย่างไรนี่มันจะไม่เป็นเหมือนการเรียกขโมยมาหรือ! ดูเหมือนว่าข้าต้องสร้างตู้เหล็กที่แน่นหนากันไว้แล้ว … ” เอี้ยนเต๋อชางกล่าวในขณะที่รู้สึกทั้งมีความสุขและกังวลในเวลาเดียวกัน
เมื่อหยานลี่เฉียงได้ยินว่าเอี้ยนเต๋อชางกล่าวเขาก็หัวเราะและกล่าวว่า
“ข้าจะจากไปในอีกสองวันเราไม่อาจเก็บมันไว้ที่นี่ได้บางทีเราน่าจะเปลี่ยนมันเป็นเงินทั้งหมดก่อนจะกว้านซื้อที่ดินจำนวนมากไว้เพราะว่าของพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา”