122 – โหดเหี้ยมอำมหิต
แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะโกรธมากแต่เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็ไม่ได้รีบลงไปช่วยหญิงสาวทั้งสอง แต่เขาถอยห่างจากหน้าต่างห้องและสังเกตสภาพแวดล้อมก่อนจะรีบไปออกไป
ห้องสองห้องยังคงสว่างไสวอยู่ เอี้ยนลี่เฉียงมองไปรอบๆแต่พบว่าทั้งสองห้องไม่มีใครอยู่ ห้องหนึ่งดูเหมือนจะเป็นห้องนอนของคนรับใช้สองคนก่อนหน้านี้ในขณะที่อีกห้องหนึ่งเป็นห้องทำงานตัดเย็บ
เสื้อผ้าหลายชิ้นถูกแขวนไว้ในห้องตัดเย็บและในห้องยังมีผ้าหลายแบบ เจ้าของร้านออกมาจากห้องนี้นั่นเอง
เอี้ยนลี่เฉียงเดินเข้าไปในห้องทันทีจากนั้นหยิบเทียนในห้องขึ้นมาเผากองเสื้อผ้าให้เปลวไฟลุกโชน จากนั้นเขาก็โยนเทียนลงในกองผ้าอีกกองแล้วรีบออกไปจากห้อง
เขารีบออกจากห้องพร้อมกับดึงมีดคูครีออกมาถือและกลับมาซ่อนตัวที่หน้าห้องของคนทั้งครั้งอีกครั้ง
เมื่อเร็วๆนี้เอี้ยนลี่เฉียงมักจะพกอาวุธติดตัวเขาไปทุกครั้งที่เขาไปสำนักงานผู้ว่าการทหาร เขากังวลว่าอาจมีชาวชาตูมาแก้แค้นเขาในสักวันหนึ่ง
ดังที่มีคำกล่าวว่าการเตรียมตัวสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้ มีดคูครีของเขาถูกเก็บไว้ในฝักหนังวัวและแขวนไว้ที่เข็มขัดที่ด้านข้างของต้นขาของเขา จะไม่มีใครพบเห็นหากเขาไม่ได้เลิกชายเสื้อขึ้น
เอี้ยนลี่เฉียงถือมีดคูกรีและค่อยๆผ่อนลมหายใจลงอย่างใจเย็น
ประตูห้องถูกล็อกจากด้านในมันจะทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ถ้าเขาเข้าไปโดยทำลายประตูหรือหน้าต่าง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของเจ้าของร้าน
ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดที่เขาคิดได้คือการหลอกล่อเจ้าของร้านออกมาและเขาจะลงมือจัดการทุกอย่างที่นี่ การจุดไฟขึ้นยังเป็นการแจ้งให้ทุกคนในเมืองทราบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นที่นี่
ยิ่งมีคนมารวมตัวกันที่นี่มากเท่าไหร่เขาก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้นและเรื่องอื้อฉาวของคนๆนั้นก็สามารถเปิดเผยได้อย่างง่ายดาย
ห้องทำงานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เต็มไปด้วยกองเสื้อผ้าและผ้าที่ติดไฟง่าย ดังนั้นเปลวไฟในห้องจึงรุนแรงขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสองนาที
แสงของเปลวไฟส่องไปยังห้องอื่นๆผ่านหน้าต่าง เมื่อเจ้าของร้านในอีกห้องหนึ่งรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเขาจึงรีบไปที่ประตูและเปิดออกจากนั้นก็โผล่หัวออกมาอย่างระมัดระวังเพื่อสังเกตสถานการณ์ด้านนอก
น่าเสียดายสิ่งที่รอคอยเจ้าของร้านอยู่คือมีดคูครีในมือของเอี้ยนลี่เฉียง
ตามกฎหมายของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่การค้ามนุษย์ถือเป็นการปล้นสะดม ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฆ่าอาชญากรดังกล่าวโดยไม่ถูกตั้งข้อหาตามกฎหมาย
เอี้ยนลี่เฉียงไม่มีความเมตตาต่อคนชั่วร้ายและไอ้คนชั่วเหล่านี้ที่สมรู้ร่วมคิดกับชาวต่างชาติเพื่อทำลายล้างชีวิตของเด็กสาวชาวฮั่นที่ไร้เดียงสา
มีดคูครีของเขาปักลงบนคอของเจ้าของร้านอย่างแรง ก่อนที่เจ้าของร้านจะทันได้ตอบสนองศีรษะของเขาร่วงลงไปที่พื้นหลังจากนั้นร่างของเขาจึงล้มตามลงไป เลือดจากลำคอที่ถูกตัดขาดไหลออกมาราวกับแม่น้ำทำให้พื้นเป็นสีแดงเข้ม
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเห็นไก่หรือหมูถูกฆ่าที่ตลาดในบางครั้งเขาก็รู้สึกสงสารมันอยู่บ้าง แต่สำหรับคนเช่นนี้เขาไม่เคยเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่ที่เขากำจัดตระกูลหง เอี้ยนลี่เฉียงก็ตระหนักถึงความมืดและความโหดเหี้ยมที่อยู่ลึกลงไปในใจของเขา เขาไม่รู้สึกกลัวเลยที่จะประหารชีวิตใครบางคนด้วยมือของเขาเอง
เขาเพียงเหลือบมองไปที่ศพที่นอนอยู่บนพื้นก่อนที่จะก้าวข้ามไปเพื่อเปิดประตูและเข้าไปข้างในห้อง
ทันทีที่เขามาถึงทางเข้าอุโมงค์ใต้ดินภายในห้องเสียงฝีเท้าของบ่าวทั้งสองก็ดังออกมาจากด้านล่าง
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้รีบลงไปชั้นล่าง แต่ถอยกลับมาแทนเขารออยู่ที่จุดหลังทางเข้าอุโมงค์บนพื้น เมื่อทั้งสองคนขึ้นมาจากด้านล่างของอุโมงค์ศีรษะของพวกเขาจึงหันหลังให้เอี้ยนลี่เฉียง
ไม่นานนักเสียงฝีเท้าก็เข้ามาใกล้และตามที่คาดไว้คนรับใช้ทั้งสองก็โผล่ออกมาจากด้านล่าง
เมื่อบุคคลที่สองออกมาจากอุโมงค์ใต้ดินคนตรงหน้าเขาสังเกตเห็นแล้วว่าประตูห้องเปิดอยู่และเห็นศพของเจ้าของร้านนอนอยู่บนพื้นด้านนอกประตูทางเข้า
อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ให้เวลาทั้งคู่ในการตอบโต้ เอี้ยนลี่เฉียงตะครุบคนรับใช้ผู้หนึ่งและจ้วงมีดจากด้านหลังแทงทะลุหัวใจของเขาไป
เมื่อคนรับใช้อีกคนหนึ่งหันมาด้วยความตกใจ เอี้ยนลี่เฉียงก็ใช้มีดปาดคอของเขาอย่างรวดเร็ว
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่ายเกาทัณฑ์ซ่อนเร้นยากจะหลบหลีก’ ในสถานการณ์ที่เขาเตรียมพร้อมที่จะซุ่มโจมตีอีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังไม่ได้ระวังตัวผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างที่เห็น
เอี้ยนลี่เฉียงเพิ่งสังหารคนสามคนติดต่อกัน ตอนนี้มีดคูครีในมือของเขาเคลือบไปด้วยเลือดสดอย่างเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ตามมือที่เขาถือมีดนั้นไม่ได้สั่นสะท้านแม้แต่น้อย
เขาเช็ดเลือดออกจากมีดบนเสื้อผ้าของคนรับใช้ จากนั้นก็เดินเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินด้วยความเยือกเย็นไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุฆาตกรรมใดๆเลย
อุโมงค์ใต้ดินมีความสูงถึงสามวา และได้รับการก่อสร้างอย่างดีโดยมีอิฐเรียงกันทั้งสองด้าน อุโมงค์กว้างประมาณหนึ่งวา มีตะเกียงน้ำมันแขวนอยู่ทุกระยะเจ็ดหรือแปดวาที่ผนังอุโมงค์ทั้งสองข้าง
อุโมงค์ใต้ดินยาวเป็นเส้นตรงและลึกเข้าไปเกือบหนึ่งร้อยวา ทางด้านหน้าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นทางเลี้ยวแห่งหนึ่งซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้
เอี้ยนลี่เฉียงขบกรามและรีบวิ่งไปที่ปลายอุโมงค์ เขาวิ่งไปประมาณร้อยวาก็ถึงทางเลี้ยว ระยะไกลอีกสิบวามีประตูไม้ปิดกั้นไว้
ความคิดแวบเข้ามาในใจของเอี้ยนลี่เฉียงเขาใช้มือเคาะประตูเหล็กอย่างรวดเร็วโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“ลูกไก่ 2 ตัวก็ถูกส่งมาหมดแล้ว! หรือยังมีตัวที่สามอีก?” เสียงดังออกลอดมาจากอีกด้านของประตู หลังจากเสียงพูดนี้จบลงประตูก็ถูกเปิดออก
ชายในวัยสามสิบแต่งกายด้วยชุดสีดำท่าทางหยาบกร้านโผล่ออกมา เขากระโดดถอยหลังด้วยความตกใจเนื่องจากสายตาของเขาเหลือบไปเห็นเอี้ยนลี่เฉียงที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด
ก่อนที่ชายคนนั้นจะเอื้อมมือไปหาดาบยาวที่ห้อยอยู่เอว เอี้ยนลี่เฉียงก็จ้วงแทงมีดเขาใส่หน้าอกของเขาอย่างดุดัน
มืออีกข้างของเอี้ยนลี่เฉียงเอื้อมออกไปปิดปากของชายคนนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เขาส่งเสียงก่อนจะผลักเขากลับไปที่หลังประตู
ดวงตาของชายคนนั้นเบิกกว้างเหมือนจานรองถ้วย มือข้างหนึ่งของเขาสัมผัสด้ามดาบแล้วในขณะที่มืออีกข้างของเขาจับเข้าที่ข้อมือของเอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงจ้องมองอย่างเย็นชาก่อนจะถอนมีดออกมาและแทงซ้ำอีกนับสิบแผล เกือบทุกครั้งที่ชายคนนั้นถอยหลังเขาจะรู้สึกว่ามีดของเอี้ยนลี่เฉียงได้จมเข้าไปในหน้าอกของเขาอย่างต่อเนื่อง
ชายคนนั้นเดินถอยหลังไปห้าก้าวติดต่อกัน เขาไม่สามารถแม้แต่จะดึงดาบยาวที่เอวของเขาออกมา ชายคนนั้นทรุดตัวลงช้าๆไม่สามารถดิ้นรนได้อีกต่อไป
ครึ่งหนึ่งของร่างกายเอี้ยนลี่เฉียงเปียกโชกไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากอกและหน้าท้องของชายชุดดำคนนั้น