165 – เตรียมการสังหาร
หลังจากเสร็จสิ้นปฐมนิเทศในตอนเช้า เอี้ยนลี่เฉียงก็ลงจากภูเขาและแวะไปที่แผงขายก๋วยเตี๋ยวเล็กๆในหมู่บ้านอู๋หยางใกล้ถนนที่เชิงเขา
เอี้ยนลี่เฉียงกินก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งแล้วซื้อซาลาเปาหกลูก เขานําซาลาเปาที่ห่อด้วยกระดาษ แล้วกลับไปที่ลานเล็กๆที่เขาพักอยู่
ระหว่างทางไปและกลับเอี้ยนลี่เฉียงได้พบกับชาวบ้านจํานวนมากที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านอู่หยาง พวกเขามุ่งหน้าไปที่ทุ่งนาพร้อมกับอุปกรณ์ในมือ
ชายสูงอายุบางคนถึงวัวของพวกเขาและเลี้ยงแพะในที่ราบ ถนนสายเล็กๆในหมู่บ้านนั้นแคบมาก ในสถานที่ส่วนใหญ่ถ้ามีคนลากวัวหรือลาไปด้วยอีกคนหนึ่งจะต้องหลีกทางโดยปริยาย
ถนนในหมู่บ้านเป็นถนนลูกรังปูด้วยหินจํานวนมาก เป็นหลุมเป็นบ่อมีวัชพืชและต้นไม้มากมายตามข้างทาง
บางครอบครัวยังไถแปลงผักเล็กๆ บนที่ดินเปล่าทั้งด้านหน้าและหลังบ้าน มูลแพะและมูลโคสามารถเห็นได้ทุกที่ตามถนน นอกจากนี้ยังมีสุนัขจรจัดสองสามตัววิ่งไปตามถนน สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบชนบท
เมื่อชาวบ้านเห็นคนนอกเช่นเอี้ยนลี่เฉียงอยู่บนถนน บางคนก็มองมาที่เขาด้วยความอยากรู้เป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้รู้จักตัวตนของเขาแล้ว
ท้ายที่สุด หมู่บ้านอู่หยางก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรขนาดนั้น ข่าวเรื่องที่มีนักเรียนจากสถาบันศิลปะการต่อสู้มาอาศัยอยู่ที่นี่กระจายทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเห็นไหม นั่นคือนักเรียนใหม่จากสถาบันศิลปะการต่อสู้ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน…”
เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินเสียงสนทนาเหล่านี้ตลอดการเดินทางของเขา
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงกลับมาที่ลานบ้าน เขาเก็บซาลาเปานึ่งซึ่งจะเป็นอาหารกลางวันและอาหารเย็นของเขาไว้บนหิ้ง
เขาหยิบกองสิ่งของที่เขาซื้อออกมา ในขณะที่เขากําลังซื้อของใช้ประจําวันของเขาเมื่อวานนี้ และเริ่มทํางานเกี่ยวกับอาวุธสังหารของเขา
เอี้ยนลี่เฉียงตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง เขาจะส่งหวังฮ่าวเฟยลงนรกก่อนสิ้นเดือนเก้า
อุปกรณ์ที่เอี้ยนลี่เฉียงซื้อเมื่อวันก่อน ได้แก่ ที่นอน ช้อนส้อม แปรงขนไก่ 3 ด้าม เข็มเย็บผ้าขนาดใหญ่ 20 อัน กล่องลูกอม ม้วนกระดาษ และกรรไกร
ไม่มีใครเคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้สามารถทําให้เป็นอาวุธที่สามารถคร่าชีวิตคนได้ แต่เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงกลับมาที่ลานเล็กๆของเขา
เขาได้ขนกองอุปกรณ์ที่เขาซื้อเมื่อวานนี้เข้าไปในห้องที่ชั้นหนึ่ง และเริ่มประดิษฐ์อาวุธสังหารด้วยสิ่งของ
ด้ามแปรงขนไก่สามด้ามทําด้วยไม้ไผ่สีทอง ไผ่สีทองโดยทั่วไปจะเติบโตได้หนาเท่านิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้น
โดยแต่ละปมจะยาวได้ถึงหกสิบเซนติเมตร โหนดของไม้ไผ่สีทองได้รับการปกป้องโดยผิวชั้นนอกที่หนาและแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ดังนั้นพวกมันจึงยากมากที่จะขัดเกลา พื้นผิวและด้านในของไม้ไผ่เรียบลื่น ทําให้เป็นวัสดุที่เหมาะที่สุดสําหรับทําคันเบ็ดหรือแปรงขนไก่
เอี้ยนลี่เฉียงเลือกแปรงขนไก่หนึ่งอันก่อน จากนั้นจึงตัดปลายด้ามทั้งสองออกด้วยมีด ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ท่อกลวงยาวสี่สิบเซนติเมตรมาไว้ในมือทันที
หลังจากตัดปลายท่อทั้งสองข้างของไม้ไผ่และทําให้แน่ใจว่าแบนราบแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็เป่าลมเข้าไปในต้นไผ่และศึกษาภายในเพื่อให้แน่ใจว่าไม้ไผ่นั้นกลวงจริงๆ
ผนังด้านในของท่อไม้ไผ่เรียบไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดๆ ในเวลาไม่ถึงสามนาที เอี้ยนลี่เฉียงก็ทําส่วนแรกเสร็จ จากนั้นเขาก็หยิบกรรไกรขึ้นมาและตัดกระดาษแผ่นเล็กๆ
จากนั้นเขาก็รีดให้เป็นรูปทรงกรวยและสอดเข็มเย็บผ้าหนาที่ปลายกรวยโดยให้ปลาย เข็มหันออกด้านนอก จากนั้นเขาก็ติดเข็มเย็บผ้าเข้ากับม้วนกระดาษทรงกรวยและเสริมด้วยกาวเหนียวเหนียวๆและด้าย
ด้วยเหตุนี้เครื่องมือที่เขาต้องการจึงสมบูรณ์
เครื่องมือชุดแรกใช้เวลานานมากกว่าจะทําเสร็จ แต่เครื่องมือที่สองใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น
เมื่อการเตรียมการทั้งหมดเสร็จสิ้น เอี้ยนลี่เฉียงก็ออกไปทดสอบพลังยิงของเครื่องมือของเขา
ลานบ้านนั้นกว้างขวางมาก และมีต้นทับทิมในลานเต็มไปด้วยผลทับทิมในลานบ้าน และผลทับทิมเหล่านี้เป็นหนึ่งในผลประโยชน์ที่มาพร้อมกับบ้านที่เอี้ยนลี่เฉียง พวกมันทําให้เขาต้องจ่ายค่าเช่าแพงขึ้นเล็กน้อย
เอี้ยนลี่เฉียงสอดเข็มเข้าไปในหลอดไม้ไผ่และยืนห่างจากต้นทับทิมสิบห้าเมตร เขายกหลอดไม้ไผ่ขึ้นที่ปากเล็งไปที่โคนของต้นทับทิม
จากนั้นเอี้ยนลี่เฉียงเปาเข้าไปในท่อด้วยแรง ส่งเข็มไปที่โคนของต้นไม้ อย่างไรก็ตาม เข็มไม่ได้ฝังตัวอยู่ในลําต้น แต่กลับตกลงที่พื้นแทน
วัตถุที่เอี้ยนลี่เฉียงสร้างคือท่อเปานั่นเอง มันเป็นอาวุธที่ซ่อนอยู่ที่ง่ายที่สุดและเก่าแก่ที่สุด สามารถสร้างและเชี่ยวชาญได้ง่ายที่สุด อาวุธเองก็มีพลังการยิงที่ไม่ธรรมดายากที่ใครจะตรวจจับ
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาบนโลก ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ําว่าประวัติศาสตร์ของท่อเปานั้นยาวนานเพียงใด กระสุนนขนาดเล็กที่ยิงจากท่อกลวงสามารถสร้างความเสียหายให้กับเหยื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ตั้งแต่ชนเผ่าพื้นเมืองในปาฝนอเมซอนไปจนถึงกองกําลังพิเศษของหลายประเทศ ตลอดจนนักฆ่าและมือสังหารรวมไปถึงนินจาต่างก็มีอาวุธเช่นนี้เป็นของตัวเอง
ท่อเป่าเป็นอาวุธที่ไม่เคยทําให้ผู้ใช้ผิดหวัง มันเป็นอาวุธที่ง่ายต่อการประดิษฐ์ ควบคุมและใช้งาน
เอี้ยนลี่เฉียงเห็นด้วยตาของเขาเอง ถึงสิ่งที่เพื่อนร่วมงานใหม่ในบริษัทของเขาทํากับกระป๋องอะลูมิเนียมในสํานักงาน ด้วยไส้ดินสอและกระดาษ A4 ม้วนหนึ่ง
อุปกรณ์ชิ้นนั้นของเขาแค่เปาง่ายๆจากระยะ 15 เมตรก็เพียงพอแล้วที่ไส้ดินสอจะเจาะทะลุกระป๋องอะลูมิเนียมได้แล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงประทับใจกับพลังการยิงของท่อเป่าตั้งแต่นั้นมา ตามที่เพื่อนร่วมงานของเขาเล่า
พี่ชายของเขาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า สามารถปราบสัตว์ร้าย เช่น สิงโต เสือ ช้างและแรด ได้โดยใช้หลอดเปาที่ทําด้วยมือซึ่งมีลูกดอกยาสลบเป็นกระสุน
หากไส้ดินสอถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่แหลมกว่าเช่นซี่ล้อจักรยานกระสุนนั้นจะสามารถยิงทะลุไม้ที่หนา 2 cm ไปได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เป็นขวดเบียร์ที่อยู่ในระยะ 20 เมตรก็สามารถถูกยิงแตกได้
แค่ลูกดอกเปาอย่างเดียวก็ไม่อาจสร้างบาดแผลลึกพอที่จะฆ่าใครได้ อย่างไรก็ตาม หากลูกดอกถูกอาบไว้ด้วยพิษของงูการฆ่าใครสักคนด้วยอาวุธนี้จะง่ายพอๆกับการพลิกฝ่ามือ
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากความเร็วของกระสุนที่ปล่อยออกมานั้นไม่เพียงแต่สูงเท่านั้น แต่มันยังเงียบอีกด้วย
การใช้อาวุธที่ซ่อนอยู่ เช่น มีดขว้างหอกและหอกต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปีจึงจะก้าวหน้าได้ แต่อาวุธเช่นนี้สามารถใช้เวลาเพียง 3-5 วันโดยไม่ต้องมีใครสอนก็สามารถเชี่ยวชาญได้เช่นกัน
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ค่อยพอใจกับหลอดเป่าอันแรก เขาคิดว่าลูกดอกจะสั่นเล็กน้อยหลังจากที่มันบิ นออกไปมากกว่าสิบเมตร
เขาหยิบลูกดอกขึ้นมาและทําอีกอันหนึ่งโดยปรับอัตราส่วนของปลายเข็มที่เปิดอยู่และม้วน กระดาษทรงกรวยที่อยู่ด้านหลัง
จากนั้นทดสอบอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาก็หยิบมันขึ้นมาพร้อมกับแก้ไขข้อบกพร่องและทดสอ บอยู่ตลอดทั้งเช้า
ถ้าขนาดของเส้นเล็กเกินไป เขาจะขยายให้ใหญ่ขึ้น ถ้ามันใหญ่เกินไป เขาจะตัดมันให้เล็กลง
ถ้าความยาวของปลายเข็มที่เปิดออกนั้นสั้นเกินไป เขาจะทําให้มันยาวขึ้นสําหรับการเป่าลูกดอกครั้งต่อไป ถ้ามันยาวเกินไป เขาจะดันกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง
ถ้ามันเบาเกินไปหน่อย เขาจะม้วนด้ายปานที่เขาซื้อที่ปลายเข็มเย็บผ้าเพื่อเพิ่มน้ําหนักโดยรวม…
เมื่อเกือบบ่ายโมงหลังจากที่เขายุ่งอยู่กับการทํางานมาตลอดทั้งเช้า ในที่สุดเขาก็พบอัตราส่วนที่ดีที่สุดสําหรับลูกดอกเปาหลังจากทําการทดลองซ้ําสองสามร้อยครั้ง
ในตอนเย็นเอี้ยนลี่เฉียงสร้างลูกดอกอีกสิบดอกซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานในการฝึกฝนครั้งเดียว
ในตอนกลางคืนเอี้ยนลี่เฉียงยังคงฝึกซ้อมภายใต้แสงของดวงจันทร์และดวงดาว ความแม่นยําในการเปาลูกดอกของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
หลังจากที่เขาฝึกฝนมามากพอแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงฝึกฝนการเคลื่อนไหวในเวลากลางคืนเพื่อให้เกิดความชํานาญ
วันรุ่งขึ้น ในวันที่ 29 ของเดือนเพ็ญเดือนแปด เอี้ยนลี่เฉียงเปลี่ยนเป็นชุดเก่าซึ่งเขาไม่ค่อยใส่ เขาจงใจปิดหน้าด้วยสิ่งสกปรกเล็กน้อย เขาพกกระสอบผ้าและเดินไปซื้อของที่ตลาด
เขาไม่ได้ซื้อสิ่งของที่ต้องการภายในหมู่บ้านอู่หยาง แต่เลือกตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองผิงซีแทน
ทันทีที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ตลาดทั้งหมดก็เริ่มมีชีวิตชีวาและคึกคักไปด้วยกิจกรรมต่างๆ
เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปรอบๆตลาดและสํารวจผลิตภัณฑ์จากภูเขาที่วางขายที่นั่น
ในบรรดาพ่อค้าเร่ขายผลิตภัณฑ์จากภูเขานั้น มีคนจํานวนไม่น้อยขายงูที่คนเก็บสมุนไพรจับมาได้บนเขา นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรตามธรรมเนียมของคนจีนเนื้องูก็คือหนึ่งในอาหารหลักของพวกเขามาตลอดหลายพันปี
หลังจากเดินเที่ยวรอบตลาดหนึ่งรอบ เอี้ยนลี่เฉียงค้นพบว่าไม่มีพ่อค้าคนไหนที่ขายหมูที่เขาต้องการเขาจึงเดินหาเรื่อยๆก่อนจะแวะถามที่ร้านค้าร้านหนึ่ง
“เจ้าของร้าน งูวงแหวนดําตัวนี้ราคาเท่าไหร่” เอี้ยนลี่เฉียงพูดกับผู้ขายด้วยสําเนียงเมืองผิงซี
ผู้ขายเหลือบมองที่เอี้ยนลี่เฉียงและตอบว่า “งูตัวนี้จะถูกขายก็ต่อเมื่อได้ราคา 4 เหรียญเงินเท่านั้นน้องชายเจ้าต้องการงตัวนี้ไปทําไม นี่ไม่ใช่งูธรรมดา พิษของมันร้ายแรงมาก?”
“ข้าไม่ได้จะกินมัน แต่ในใบสั่งยาของหมอเขาบอกว่านี่คือวัตถุดิบหลักในการปรุงยาให้ท่านพ่อ” เอี้ยนลี่เฉียงมองคนขายอย่างเป็นกังวล
“ 4 เหรียญเงินนั้นมันแพงจนน่าเหลือเชื่อเกินไปเงินพวกนี้เพียงพอจะทําให้คนธรรมดาใช้ไปถึงครึ่งปี ลดให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”
เมื่อคนขายได้ยินคําอธิบายของเอี้ยนลี่เฉียงเขาก็รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยจึงบอกว่า
“เนื่องจากน้องชายเป็นคนกตัญญถ้าอย่างนั้นก็ 3 เหรียญเงินก็แล้วกัน”
“นั่นยังแพงเกินไป ลดอีกสักเหรียญเงินได้หรือไม่”
“ถ้าลดขนาดนั้นข้าจะขาดทุนแล้ว…”
หลังจากต่อรองกับผู้ขายแล้วเอี้ยนลี่เฉียงก็ซื้องูพิษวงแหวนดําในราคา 2 เหรียญเงิน 20 เห รียญทองแดง เขาหยิบกรงไม้ไผ่ที่มีงูตัวนี้และออกจากตลาด
เมื่อเขาอยู่ข้างนอก เขาเอากระสอบคุมตะกร้าไม้ไผ่ที่เขานํามาด้วยแล้วจึงอ้อมเส้นทางไปไกล
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครตามมา เอี้ยนลี่เฉียงก็ไปที่แม่น้ํา ก่อนจะล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าค่อยถือตะกร้างกลับสู่หมู่บ้านอู่หยาง