ตอนที่ 137 สังหาร
“มอบป้ายทองคํามาให้ข้า ข้าจักตรวจสอบด้วยตนเอง ข้าเคยเห็นป้ายทองคําตระกูลหลงมาก่อน!” หัวหน้าเหิงจ้องมองป้ายทองคําในมือของหลงเฉิน พร้อมกับยื่นมือออกไป
“พวกเจ้าทําให้ข้าเสียเวลามากทีเดียว..” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงจริงจัง แต่ก็ตัดสินใจโยนป้ายทองคําของตนให้หัวงหน้าเหิงไป
เมื่อได้รับป้ายทองตระกูลหลงมาแล้ว หัวหน้าเหิงก็พินิจพิจารณาดูอย่างละเอียด
“อืมม.. ดูเหมือนจะเป็นของจริง ที่ผ่านมาเคยมีทายาทตระกูลหลงมาที่นี่เช่นกัน นับว่าเป็นความโชคดีที่ข้าได้เคยพบเห็นพวกเขาก่อน ป้ายทองคํานี้เหมือนกับป้ายทองคําที่พวกเขาเคยให้ข้าดู ป้ายนี้เป็นป้ายทองคําของตระกูลหลงมผิดแน่!” หลังจากสํารวจป้ายทองคําเพียงแค่ครู่เดียว หัวหน้าเหิงก็เอ่ยขึ้น
“แต่. ที่ผ่านมาก็มิเคยมีทายาทตระกูลหลงคนใดมาที่นี่ด้วยการเดินเท้า ใครๆก็รู้ว่าผู้ที่ครอบครองป้ายทองคํานี้ ย่อมต้องมีรถม้าประจําตัว น่าแปลกที่เจ้ากลับมิมี เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นเล่า? หรือเป็นเพราะว่าเจ้าขโมยป้ายทองคํานี้มาจริง? หรือไม่ก็พบว่ามันตกหล่นอยู่ที่ใดที่หนึ่ง?” หัวหน้าเหิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน
“เจ้าต้องมิใช่เจ้าของป้ายทองคําตัวจริงเป็นแน่! ข้าจําต้องยึดป้ายทองคํานี้ไว้ เพื่อนํากลับไปให้เจ้าของตัวจริง ทหาร!! จับตัวคนผู้นี้ไว้แล้วนําไปสอบสวน เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าคนผู้นี้เป็นหัวโขมย และต้องการหลอกลวงทหารอารักขาประตูเมืองหรือไม่? การสอบสวนจักช่วยให้เรื่องนี้กระจ่างขึ้น”
หัวหน้าเหิงจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับร้องตะโกนสั่ง ในขณะที่ทหารคนอื่นๆก็รีบเดินตรงเข้าไปหาหลงเฉินทันที
หัวหน้าเหิงยังคงยืนนิ่ง และสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของเขาแน่นิ่ง..
หลงเฉินเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เขารู้สึกว่าขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาเองก็ใกล้ที่จะควบคุมความโกรธของตนเองไว้มิได้แล้ว จึงได้ตัดสินใจใช้แผนใหม่ เขาจึงตัดสินใจเดินถอยหลังกลับไป และคิดว่าการผ่านเข้าเมืองด้วยหนทางอื่นน่าจะง่ายดายกว่า และมิต้องทนหงุดหงิดกับทหารเหล่านี้ เขาตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนเป็นเข้าเมืองหลังจากนี้ด้วยปีกมารสวรรค์
“ข้าขอป้ายทองคําคืนด้วย ข้าเปลี่ยนใจมเข้าเมืองแล้ว..” หลงเฉินหันไปเอ่ยกับหัวหน้าเหิง
“ฮ่าๆๆๆ นี่เจ้ายังคิดว่าตนเองจะสามารถหันหลังกลับได้อีกงั้นรึ? พอถูกจับได้ก็คิดที่จะหนีสินะ? การกระทําของเจ้ายิ่งทําให้ข้ามั่นใจว่า เจ้าคือหัวขโมยที่แอบอ้างเป็นคุณชายตระกูลหลง นี่เจ้าถึงกับกล้าทําเรื่องผิดอาญาบ้านเมืองเราถึงเพียงนี้เชียวรึ?! ทหาร!! จับตัวมันไว้เร็วเข้า!” หัวหน้าเหิงยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับออกคําสั่ง
ทหารร่างเตี้ยซึ่งห้ามมิให้หลงเฉินเข้าเมืองเป็นผู้ที่วิ่งตรงเข้าหาหลงเฉินเป็นคนแรก และจ้องมองหลงเฉินด้วยสายตาดุดัน..
ฤทัยมารซึ่งอยู่ในห้วงฝึกยุทธของหลงเฉินถึงกับแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง แววตาของหลงเฉินเต็มไปด้วยความเดือดดาล และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดหลงเฉินก็สูญเสียความควบคุมตัวเอง หลงเฉินหยิบดาบสะบั้นบรรพตออกมาโดยมิคิดไตร่ตรอง และตวัดกระบี่ในมือเข้าใส่ร่างของทหารที่กําลังวิ่งตรงเข้ามาหาตน ก่อนจะตวัดกระบี่พุ่งเข้าใส่ทหารคนอื่นๆต่อไป
ก่อนที่ทุกคนจะทันได้เข้าใจอะไร หลงเฉินก็ได้ยืนตระหง่านพร้อมกับดาบในมือ แขนของเหล่าทหารที่พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลงเฉินนั้น ถูกเขาตัดขาดออกจากร่างและร่วงไปกองกับพื้น แต่นั่นยังมิเพียงพอ เพราะหลังจากนั้นศรีษะของทหารเหล่านั้นก็ร่วงลงไปกองกับพื้น ก่อนจะตามมาด้วยร่างไร้ศรีษะที่ทรุดลงกับพื้นพร้อมโลหิตสีแดงเจิ่งนอง หลงเฉินต้องการที่จะพุ่งตรงไปสังหารทุกคนที่อยู่ตรงหน้า แต่หลงเฉินพยายามรวบรวมสติในเสี้ยวสุดท้ายซึ่งหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ควบคุมความกระสันต์ที่จะสังหารชีวิตผู้คนภายในใจของตน เขายืนแน่นิ่งพร้อมกับถือดาบในมืออยู่เช่นนั้น หลงเฉินรู้ดีว่าในเวลานี้ หากผู้ใดยังจู่โจมเขาอีกล่ะก็ เขาคงต้องสูญเสียสติที่จะควบคุมความปรารถนาที่จะสังหารผู้คนนี้ไว้ได้เป็นแน่ และทุกคนในที่นี้ก็จักต้องถูกเขาสังหารตายจนหมดอย่างแน่นอน เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะควบคุมตัวเอง และหวังว่าทหารเหล่านี้จะไม่ทําเรื่องโง่เขลาด้วยการจู่โจมเขาอีก
ทหารคนอื่นๆที่เหลือต่างก็พากันยืนแน่นิ่ง สีหน้าบ่งบอกถึงความหวาดกลัวสุดขีดหลังจากที่ได้เห็นภาพสังหารตรงหน้า หัวหน้าเหิงขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน
“มันกล้าสังหารทหารของเรา!! ทุกคน!! ทําหน้าที่ปกป้องเมืองของเรา สังหารมันเสีย อย่าให้มันมีชีวิตรอด!! นี่คือคําสั่ง!”
หัวหน้าเหิงร้องคํารามสั่งเหล่าทหารที่เหลือด้วยความโกรธเกรี้ยว เหล่าทหารที่ยืนนิ่งอยู่ต่างก็ทําตามคําสั่ง ทุกคนถืออาวุธวิ่งตรงเข้าไปหาหลงเฉิน
หลงเฉินจ้องมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พุ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจ้อมองเหล่าทหารที่พุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับล้มเลิกที่จะควบคุมตนเองอีก
มือของเขากําดาบในมือไว้แน่น และในที่สุดมันก็เริ่มขยับอีกคราด้วยความโกรธเกรี้ยว หลงเฉินจึงใช้พุ่งเข้าจู่โจมทหารเหล่านั้นด้วยความเร็วสูงสุด จึงยากที่ทหารซึ่งมีขั้นพลังบ่มเพาะต่ํากว่าจะสามารถหลบหลีกได้ทัน ร่างมนุษย์เริ่มร่วงลงไปกองกับพื้นอีกครา ร่างแล้วร่างเล่า
หัวหน้าเหิงเห็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่งของหลงเฉิน และความแข็งแกร่งของเขา ก็ถึงกับหวาดผวายิ่ง สายตาของเขาแทบจะมิสามารถจับความเคลื่อนไหวของหลงเฉินได้ และภาพที่หลง เฉินสังหารทหารคนแล้วคนเล่าได้อย่างง่ายดายนั้น ก็สร้างความสยดสยองให้กับหัวหน้าเหิงอย่างมาก เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่า.. เด็กหนุ่มตรงหน้าตนนั้นแท้จริงก็คือปีศาจในร่างมนุษย์ดีๆนั่นเอง
หัวหน้าเหิงทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง และเริ่มวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในเขตเมือง ดาบเล่มหนึ่งก็ได้แทงทะลุหัวใจของเขาจากด้านหลัง
หลงเฉินชักระบี่ออกจากหัวใจของหัวหน้าเหิง แล้วจึงแทบซ้ําลงไปที่เดิมอีกครั้งก่อนจะชักกระบี่กลับ เขาหันหลังกลับไปและพบว่าเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ กลับมีร่างไร้วิญญาณนอนกองอยู่ที่พื้นเต็มไปหมด หลงเฉินยืนแน่นิ่งด้วยความรู้สึกว่างเปล่าในขณะที่ความโกรธเริ่มลดลง
หลังจากที่สติและจิตใจที่สงบนิ่งกลับคืนมา หลงเฉินก็ได้วิ่งหนีกลับเข้าไปในปาอีกครั้ง เขาทรุดกายนั่งลงบนพื้นใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง พร้อมกับเหม่อมองไปด้านหน้าและเริ่มไตร่ตรองในสิ่งที่ตนเองทําลงไปเมื่อครู่
ผ่านไปครู่ใหญ่ ก็มีรถม้างดงามคันหนึ่งกําลังมุ่งหน้าไปที่ประตูเข้าเมืองจันทราสีเงิน โดยมีผู้อารักขาขี่ม้านําหน้าไปก่อนสองคน
รถม้าคันงามหยุดชะงัก ผู้อารักขาทั้งสองต่างก็ลงจากม้าของตน และจ้องมองไปยังภาพสยดสยองตรงหน้า..