ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 103

ตอนที่ 103 การขัดเกลาจุดที่เจ็ด

 

ในห้องระดับ C ของถ้ำพลังวินาศอันธการบนยอดเขาว่านคูเฟิง

 

“นายท่านเมิ่งชวน ทางนี้ขอรับ” พ่อบ้านกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อมขณะที่ผลักเปิดประตูหิน

 

เมิ่งชวนพยักหน้าและเดินเข้าไปในถ้ำพลังวินาศอันธการ

 

ถ้ำพลังวินาศอันธการจะต้องใช้ห้าสิบแต้มทุกๆหนึ่งชั่วยาม เป็นเพราะพลังวินาศอันธการนั้นหายาก และมันมีประโยชน์หลายอย่างแก่เทพอสูร หากเข้าห้องฝึกระดับ A จะต้องใช้ถึง 5000 แต้มทุกๆหนึ่งชั่วยามเลย แต่ถึงอย่างนั้น กระแสพลังวินาศในห้องระดับ A ก็เข้มข้นเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะรับมือไหว

 

ขนาดในห้องระดับ C ยังทำให้สติของอัจฉริยะหลายคนต้องยุ่งเหยิงเลยด้วยซ้ำ

 

‘หนาวจริงๆ’ เมิ่งชวนเข้าไปในห้องและปิดประตู กระแสพลังวินาศอันธการที่เป็นหมอกสีดำจางๆกระจายอยู่เต็มห้อง กาน้ำร้อนกลายเป็นน้ำแข็งได้ก่อนที่มันจะตกลงพื้นได้ด้วยซ้ำ

 

ส่วนเมิ่งชวนที่ผ่านการขัดเกลามาทั้งหกครั้งได้นั้นก็สามารถทนไอเย็นเหล่านี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

 

กระแสพลังวินาศไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา มันถาโถมเข้าใส่จิตใจของเขาอย่างรุนแรง

 

แก่นสารแห่งจิตคอยปกป้องสติของเขาเอาไว้ กันไม่ให้กระแสพลังวินาศสร้างความเสียหายใดๆ และทำให้สติของเขายังคงแจ่มชัด!

 

‘ได้เวลาเริ่มแล้ว’ เมิ่งชวนใช้ท่ากระบี่สำหรับขัดเกลาอีกรอบ กระแสพลังวินาศแต่ละชนิดนั้นมีท่ากระบี่สำหรับขัดเกลาที่แตกต่างกันไป และด้วยการชี้นำของเจตจำนงแห่งกระบี่ เขาสามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่ทำให้สามารถดูดซึมกระแสพลังวินาศอันธการไปได้

 

แต่ถึงอย่างนั้น ในการขัดเกลาครั้งที่เจ็ดนี้ ความเร็วในการดูดซึมนั้นช้าลงกว่าเดิม โชคยังดีที่เขาสามารถคงสภาพจิตใจเอาไว้ได้แจ่มชัด!

 

เขาใช้วิชากระบี่สำหรับขัดเกลาครั้งแล้วครั้งเล่า

 

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเมิ่งชวนก็หยุดมือ

 

ข้าทำสำเร็จแล้วอย่างนั้นรึ? เมิ่งชวนยิ้ม ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังวินาศอันธการ มันเปลี่ยนร่างกายของเขาไปโดยสิ้นเชิง! ทุกๆการขัดเกลานั้นจะเปลี่ยนแปลงร่างกาย และทุกอย่างจะแสดงให้เห็นผลในช่วงแห่งความเป็นตายเพื่อการรับร่างอสูรตัดสายฟ้ามาครอบครอง

 

เมิ่งชวนชูนิ้วขึ้น กระแสพลังวินาศสีเทาขาวโผล่ขึ้นมาบนปลายนิ้วของเขา มันคือพลังวินาศที่เกิดขึ้นมาหลังจากการขัดเกลาครั้งที่เจ็ด

 

ผ่านจุดขัดเกลาที่เจ็ดในเวลา 53 วัน เมิ่งชวนพยักหน้า ตามหนังสือแล้วเรียกได้ว่าเขาฝึกได้เร็วมาก

 

‘หลังจากถึงจุดขัดเกลาที่เจ็ด ข้าสามารถเข้ารับจุดเปลี่ยนความเป็นตายและดึงอัสนีสวรรค์มาใส่ตัวได้ แต่ว่าร่างอสูรตัดสายฟ้าที่ข้าจะได้นั้นมันจะเป็นระดับที่ต่ำกว่า’ เมิ่งชวนยังไม่พอใจ แม้ว่าจะเป็นร่างอสูรตัดสายฟ้าที่ระดับต่ำกว่า แต่มันก็ยังไวกว่าเทพอสูรร่างอื่นๆทั้งสิ้น แต่ในด้านอื่นๆ รวมไปถึงความบริสุทธิ์ของพลังปราณ สายฟ้าในร่างของเขา และความแข็งแกร่งของพลังวินาศ มันจะอ่อนแอกว่าร่างอสูรตัดสายฟ้าที่ผ่านการขัดครั้งที่เก้ามาก

 

ข้าต้องผ่านจุดขัดเกลาที่เก้าให้ได้ จากที่ข้าประมาณดู ประสิทธิภาพในการขัดเกลาที่แปดของข้าจะค่อยๆลดต่ำลง ข้าอาจจะไม่สำเร็จด้วยซ้ำ

 

ประสิทธิภาพในการฝึกวิชาของเขานั้นสูงมาก เขาฝึกฝนอย่างรวดเร็วและร่างกายของเขาก็รับความเสียหายจากกระแสพลังวินาศแค่ช่วงสั้นๆ ดังนั้น จึงไม่น่ามีโอกาสที่ร่างของเขาจะทรุดตัว

 

แต่ถึงอย่างนั้น กระแสพลังวินาศสำหรับการขัดเกลาที่แปดและเก้านั้นน่าสะพรึงมาก

 

‘การขัดเกลาจุดที่แปด กระแสพลังวินาศอีกาทอง มันติดอันดับหนึ่งในสามของโลกเลยในด้านของการทำลายล้าง มันทรงพลังและรุนแรง และส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างมหาศาล ระหว่างฝึก ข้าจำเป็นต้องมีการสนับสนุนจากภายนอก การฝึกฝนครั้งนี้จะเจ็บปวดมาก’ เมิ่งชวนขมวดคิ้วนิดๆ กระแสพลังวินาศอีกาทองนั้นมีค่ามาก เขาหยวนชูขายมันให้แก่ศิษย์ในเป็นขวด ขวดเล็กๆขนาดเท่าฝ่ามือที่มีพลังอีกาทองอยู่ต้องใช้ถึงร้อยแต้ม! และการขัดเกลาครั้งที่แปดนี้จะใช้ถึง 120 ขวด

 

การขัดเกลาครั้งที่เก้านั้นใช้พลังหกประสงค์วินาศ มันเป็นหนึ่งในกระแสพลังวินาศที่ลึกลับมากที่สุด มันแปลกและแตกต่าง มันจะหลอมรวมเข้ากับร่างกายและจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง หากแก่นสารแห่งจิตคอยกันมันไว้ มันก็จะดูดซึมเข้าไปไมไ่ด้ เมิ่งชวนเข้าใจดีว่าการขัดเกลาจุดที่เก้านี้ยากแค่ไหน ‘ข้าจะใช้แก่นสารแห่งจิตไม่ได้ ข้าต้องฝึกฝนจิตใจของข้า’

 

หากอยากจะเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยันจะต้องไปให้ถึงยอดของแท่นบูชาแห่งความมืดให้ได้ และการที่จะดูดซับกระแสพลังหกประสงค์วินาศได้นั้นจะต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งกว่านั้นเป็นสิบเท่า! มันมากมายจนจินตนาการแทบไม่ออก

 

กระแสพลังหกประสงค์วินาศเองก็มีค่ามากเหมือนกัน

 

พลังหกประสงค์วินาศขวดเล็กๆนั้นมีมูลค่าถึง 3000 แต้ม! มันมีค่ามากกว่าพลังวิาศอีกาทองมาก และจะต้องใช้ถึง 90 ขวดในการผ่านจุดขัดเกลาที่เก้า โดยรวมแล้วจะต้องใช้ถึง 270000 แต้ม!

 

โชคยังดีที่พวกมันจะถูกแจกให้ฟรีด้วยเงื่อนไขพิเศษ

 

อย่างศิษย์มนุษย์ที่ฝึกร่างอสูรตัดสายฟ้าไปถึงจัดขัดเกลาที่แปดจะได้รับกระแสพลังหกประสงค์วินาศฟรีๆ แต่ทุกๆครั้งที่เข้าไปรับ จะมีศิษย์พี่ของเขาหยวนชูมาตรวจสอบว่าขวดที่แล้วนั้นขัดเกลาได้โดยสมบูรณ์ดีหรือเปล่า

 

 

เมิ่งชวนรู้ดีว่าการขัดเกลาครั้งที่แปดและเก้านั้นยากมาก แต่หากสำเร็จ เขาก็จะทรงพลังยิ่งกว่าเดิมมากในอนาคต หากการเจ็บปวดในตอนนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสที่เขาจะสังหารราชาอสูรได้ในอนาคต มันก็เป็นสิ่งที่เขายอมแลกโดยไม่คิด

 

ฟิ้ววว

 

หลังออกมาจากยอดเขาว่านคูเฟิง เมิ่งชวนก็มุ่งหน้าไปยังถ้ำของตน

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

“โอ๋?” ขุนนางเทียนซิงโหวที่เพิ่งเดินออกมาจากถ้ำโลหิตก็เห็นเมิ่งชวนพุ่งผ่านภูเขาจากไกลๆ

 

ใบหน้าที่หล่อเหลาของขุนนางเทียนซิงโหวมีรอยปานรูปไฟอยู่ตรงหว่างคิ้ว เขาเป็นหนึ่งในขุนนางเทพอสูรที่เก่งกาจในวิชาเกาฑัณฑ์ ในแง่ของวิชาเกาฑัณฑ์นั้น เรียกได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกของเทพอสูรจากทั่วทั้งโลก และในฐานะนักเกาฑัณฑ์ สายตาของเขาเองก็ดีมากเช่นกัน! เมื่อเขาเพ่งพลังเข้าไปในดวงตา เขาสามารถมองเห็นกระแสพลังวินาศที่หลอมรวมเข้ากับร่างของเมิ่งชวนได้

 

เขาหลอมรวมเข้ากับกระแสพลังวินาศอันธการได้โดยสิ้นเชิงแล้ว และยังผ่านจุดขัดเกลาที่เจ็ดไปแล้วด้วยอย่างนั้นรึ? ขุนนางเทียนซิงโหวประหลาดใจมาก ‘เมิ่งชวนคนนี้เป็นเพื่อนในวัยเด็กของศิษย์ข้า หลิวชีเยว่ เขาน่าจะเข้าสู่เขาหยวนชูเมื่อปีที่แล้วนี่เอง เพียงแค่ครึ่งปีเขาก็ผ่านการขัดเกลาครั้งที่เจ็ดไปแล้วอย่างนั้นรึ?’

 

การขัดเกลาจุดที่เจ็ดนั้นคือเงื่อนไขขั้นต่ำในการได้รับร่างอสูรตัดสายฟ้า เมื่อเสร็จสิ้นการขัดเกลาจุดที่เจ็ดไปแล้ว ก็จะสามารถสร้างร่างอสูรตัดสายฟ้าขึ้นมาได้ จอมยุทธทุกคนที่มีร่างอสูรตัดสายฟ้านั้นไวอย่างน่าเหลือเชื่อ และพวกเขานั้นสำคัญมากๆในการต่อสู้

 

เขาเพิ่งออกมาจากยอดเขาว่านคูเฟิง แสดงว่าเขาคงจะเสร็จสิ้นการขัดเกลาด้วยกระแสพลังวินาศไปแล้ว ขุนนางเทียนซิงโหวนึกขึ้นมาได้ ‘ในการขัดเกลาจุดที่แปดและเก้านั้นจะต้องใช้พลังวินาศอีกาทองและพลังหกประสงค์วินาศ ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องอยู่ในยอดเขาว่านคูเฟิงอีกต่อไป แสดงว่าเขาพึ่งจะผ่านการขัดเกลาจุดที่เจ็ดในวันนี้อย่างนั้นหรือ? จริงสิ ข้าต้องบอกให้ท่านเจ้าเขาทราบเดี๋ยวนี้เลย’

 

ฟิ้ววว

 

ขุนนางเทียนซิงโหวหายไปในพริบตา

 

 

ณ ตำหนักแม่น้ำสวรรค์

 

ชายผมยาวนั่งดื่มชาสบายๆอยู่ในตำหนักของเขาในขณะที่เจ้าเขาในชุดสีม่วงเดินเข้ามาหา

 

“นายเหนือ” เจ้าเขาหยวนชูทักทาย

 

“เหวินโหย่ว เจ้ามาหาข้าทำไมรึ?” ชายผมยาวยิ้ม

 

เจ้าเขาหยวนชูกล่าวตอบ “นายเหนือ ขุนนางเทียนซิงโหวได้บอกกับข้าว่าเมิ่งชวนคนนั้นได้ผ่านการขัดเกลาจุดที่เจ็ดสำหรับร่างอสูรตัดสายฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว เขาได้ยืนยันด้วยตัวของเขาเอง”

 

“โอ้? ข้าไม่รู้ตัวเลย” ชายผมยาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากขุนนางเทียนซิงโหวเป็นคนยืนยันด้วยตัวเอง มันก็คงจะเป็นความจริง จะว่าไปแล้ว ข้าลืมบอกบางอย่างให้เจ้าฟัง”

 

เจ้าเขาหยวนชูมองดูชายผมยาวด้วยความงุนงง

 

“เมื่อสองเดือนก่อน เมิ่งชวนเข้าถึงเจตจำนงแห่งดาบและเรียนรู้วิชาดวงใจกระบี่ไปเรียบร้อยแล้ว ข้ากำลังหวังอยู่ว่าเขาจะผ่านจุดขัดเกลาที่เจ็ดไปได้อย่างรวดเร็ว และเขาก็ไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย”

 

“อะไรกัน? เขาเรียนรู้วิชาจากโลหะทมิฬได้สำเร็จอย่างนั้นหรือ?” เจ้าเขาหยวนชูรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม การที่มีทั้งร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษและวิชาของโลหะทมิฬนั่นก็หมายความว่าเขาหยวนชูจะได้เทพอสูรที่ทรงพลังมาอีกคนแล้ว!

 

“หากไม่มีแก่นสารแห่งจิตที่แข็งแกร่งพอก็จะไม่สามารถสืบทอดมรดกของโลหะทมิฬได้ เขาเรียนรู้มันได้เร็วขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?” เจ้าเขาหยวนชูดูไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินมา

 

“กระบี่จิตพิสุทธิ์เหมาะกับเขามาก”

 

“เขาเรียนรู้ท่าใดไปอย่างนั้นหรือ?” เจ้าเขาหยวนชูถาม

 

“ท่าแรก ท่าดวงใจกระบี่”

 

เจ้าเขาหยวนชูดูดีใจยิ่งกว่าเก่า เขาพยักหน้ารัวๆ “ดีๆๆท่าร่างดวงใจกระบี่คือหัวใจของกระบี่จิตพิสุทธิ์! มันเป็นทั้งท่าพื้นฐานและท่าที่แข็งแกร่งที่สุด การที่บรรลุเจตจำนงแห่งกระบี่ได้ด้วยท่านี้นั้นเรียกได้ว่าสุดยอดมาก ยอดเยี่ยม!”

 

“เอาล่ะ เจ้าเป็นเจ้าเขานะ ทำไมเจ้าถึงต้องตื่นเต้นกับศิษย์ที่พึ่งจะเรียนรู้วิชาโลหะทมิฬและร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษด้วยล่ะ?”

 

“แค่ได้เห็นเทพอสูรที่ทรงพลังเพิ่มขึ้นมาอีกคนข้าก็มีความสุขมากแล้ว”

 

ชายผมยาวมีความรู้สึกหลายอย่างผสมกันไป เขาพูดว่า “ข้าเคยเห็นเทพอสูรที่ทรงพลังและมีพรสวรรค์มามากมาย พวกเขาพุ่งขึ้นไปอย่างโชติช่วงอยู่เพียงชั่วครู่ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็ต่างร่วงหล่น ในแปดร้อยปีที่ผ่านมานี้ มีเทพอสูรที่ไปไม่ถึงตามพรสวรรค์ของตนอยู่มากเกินไป”

 

นายเหนือดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นเกี่ยวกับผลสำเร็จของเมิ่งชวนซักเท่าไหร่นัก เมิ่งชวนควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้ตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์ และเขาก็เรียนรู้วิชาของโลหะทมิฬและร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษได้ แต่ถึงอย่างนั้นนายเหนือก็ยังมีความรู้สึกที่ผสมปนเปกันอยู่ เขาเคยเห็นอัจฉริยะที่คล้ายกันเหล่านี้มามากแล้วในอดีต

 

“ตราบใดที่เทพอสูรที่ทรงพลังยังคงปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ พวกเราจะต้องเอาชนะอสูรได้อย่างแน่นอน” เจ้าเขาหยวนชูกล่าว

 

“วันนั้นจะต้องมาถึง” แววตาของชายผมยาวดูดุร้าย

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset