Chapter 106: กวาดล้าง
ฟางหยวนนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องฝึกฝน ถือหยกตำราที่จ้าวแห่งฝันสืบทอดมาให้เขา เขามีสีหน้าจริงจัง
“หนทางการเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์นั้นประกอบด้วยหนึ่งก้าวใหญ่เท่านั้น! แต่ว่า ศิษย์วิญญาณ ศิษย์สายแปรธาตุ และศิษย์แห่งฝันล้วนเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูตี่ ควบคุมได้เพียงพลังธาตุก่อกำเนิด… มีเพียงแค่การทะลวงด่านได้เท่านั้นจึงจะได้มาซึ่งพลังธาตุ!”
แม้ว่าเขาจะเป็นศิษย์แห่งฝันและครอบครอบเพียงพลังธาตุพื้นฐาน ด้วยการฝึกฝนที่เหมาะสมมาเรื่อย ๆ โดยจ้าวแห่งฝัน วิทยายุทธ์ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าเขาเองจะไม่ใช่เพียงแค่นักสู้ที่เก่งกาจอยู่ตั้งแต่แรก
เทียบกับโลหิตสังหารที่ก็อยู่ในระดับเดียวกับศิษย์วิญญาณ เขากลับอวดอ้างว่าตนเองสำเร็จพลังธาตุโลหิต แต่กลายเป็นว่าเขาเพียงพยายามทำให้ผู้อื่นเกรงกลัวเท่านั้น ถ้าเขาสำเร็จพลังธาตุโลหิตจริง เขาก็คงจะสังหารฟางหยวนได้ในทันทีตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้ว
ถึงอย่างนั้น พลังธาตุโลหิตของโลหิตสังหารก็ยังคงรุนแรงและอันตราย เรื่องตอนนั้นมีผลต่อฟางหยวนเป็นอย่างมาก
ส่วนตอนนี้ ฟางหยวนนั้นมุ่งมั่นจะเป็นจ้าวแห่งฝันเพื่อให้สามารถควบคุมและใช้พลังธาตุได้อย่างเต็มที่
“เป็นจ้าวแห่งฝัน ข้าต้องเป็นตัวของตัวเอง เพียงแค่ข้าสามารถสำเร็จพลังธาตุได้ เมื่อนั้นข้าก็สามารถเป็นนายแห่งโลกจินตนาการของข้าได้”
“ถ้าข้ามีพลังเช่นนั้น การต่อสู้กับสำนักกุยหลิงก็ง่ายดายยิ่งแล้ว”
ฟางหยวนสูดลมหายใจลึก ๆ และเริ่มนั่งสมาธิ เขาปล่อยให้วิญญาณล่องลอยไปแสนไกลและไม่รู้ขอบเขตขณะหลับตาลง
…
โลกเฉียนหยวน ดินแดนเทียนหยวน
“โอ้… ยังคงเป็นที่นี่อีกครั้งแล้ว!”
ระหว่างการปรากฏตัวก่อนหน้านี้ ฟางหยวนก็รู้สึกตัวและสามารถบอกได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ
“การจะเป็นจ้าวแห่งฝัน ข้าจำเป็นต้องควบคุมโลกแห่งจินตนาการของข้านี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ สำหรับตอนนี้ ข้าทำสำเร็จได้เพียงแค่ครึ่งเดียว…”
ฟางหยวนมองมือทั้งคู่ของเขาและปลุกสัมผัสทั้งหมดของตนขึ้นมา
รู้สึกถึงพลังเวทย์มหาศาลและความรู้สึกที่ได้เชื่อมต่อฟ้าและดิน ฟางหยวนรู้ว่าทักษะของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว
น่าเสียดาย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกแห่งจินตนาการนี้ไม่มีผลต่อความจริง
“สลาย!”
เพียงแค่คิด พลังมหาศาลแต่เดิมที่เขาสัมผัสได้ก็หายไปในทันทีขณะที่เขากลับสู่ร่างเดิม
ขณะที่เขานึกถึงข้อความในหยกชิ้นนั้นในโลกจริง ทุกเส้นประสาทของเขาและความแข็งแกร่งภายในก็พุ่งขึ้นในร่างของเขา พลังภายในร่างถูกปลุกขึ้นและเกิดเป็นพายุลูกหนึ่งในร่าง เพียงครู่เดียวก็สร้างสิ่งที่เหมือนพลังธาตุก่อกำเนิดที่เกิดจากการรวมพลังหยินและหยาง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ประตูสวรรค์ก็เปิดออก และฟางหยวนก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสุดของประตูทองที่ 12
“กรงเล็บอินทรี!”
ฟางหยวนหลับตาลง มือขวาผลักไปด้านหน้า
“ฉัวะ!”
ในทิศทางที่ฟางหยวนผลักมือออกไป ต้นไม้บนเส้นทางการออกกระบวนท่าของเขาแยกออกจากกัน รอยตัดนั้นเรียบลื่นราวผิวกระจก พลังของฟางหยวนมากกว่าในโลกจริงเสียอีก!
แต่ว่า ฟางหยวนยังไม่พอใจ “มันดูไม่เหมือนจริงเกินไป!”
พลังการต่อสู้ของจ้าวแห่งฝันนั้นค่อนข้างด้อยในช่วงเริ่มต้น หลังจากได้ขึ้นเป็นจ้าวแห่งฝันแล้ว จุดมุ่งหมายสูงสุดก็คือไปให้ถึงระดับสวรรค์สูงสุด!
ระดับสวรรค์สูงสุด?
ความคิดของคนผู้หนึ่งมีผลต่อแต่ละเหตุการณ์ และความตระหนักรู้ย่อมมีผลในชีวิตจริง!
มีเพียงจ้าวแห่งฝันที่สามารถนำเอาของที่อยู่ในโลกแห่งความฝันออกไปสู่โลกแห่งความจริงได้ที่จะสมควรได้เป็นผู้ตั้งกฏ และคนพวกนั้นจะทำได้อะไรก็ย่อมได้!
แน่นอนว่า เส้นทางสู่ระดับสวรรค์สูงสุดนั้นยากมาก การสร้างสิ่งของขึ้นมาจากความว่างเปล่าไม่เคยเป็นเรื่องง่าย!
ดังนั้น สิ่งแรกที่จ้าวแห่งฝันต้องทำได้ก็คือการกำหนดกฎ อาจจะมีทางลัดก็คือการควบคุมโลกแห่งความฝันโดยเลียนแบบโลกจริง!
ไม่ว่าอย่างไร ในระดับปัจจุบันของเขานั้น ฟางหยวนยังอยู่ห่างจากการทำเช่นนั้นได้อีกไกล
และเขาก็ยังคงไม่คุ้นเคยกับกฎแห่งความเป็นจริงและยังต้องสะสมประสบการณ์อีกมาก แม้แต่ตำแหน่งชีพจรของร่างของเขาในโลกความฝันก็ยังห่างไกลจากร่างจริงของเขาอีกมาก
“แล้วข้ายังกล้าคิดจะลองเพิ่มระดับของเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กทั้งที่มีพื้นฐานอ่อนด้อยเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ฟางหยวนส่ายหน้าอย่างละอาย
การไม่สามารถทำให้ร่างในโลกจินตนาการนั้นหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับในโลกจริงได้นั้นบ่งบอกปัญหาของฟางหยวน มันหมายความว่า สิ่งใดที่เขาสามารถทำได้ในโลกนี้ไม่สามารถนำออกไปสู่โลกจริงได้ และมันอาจจะทำให้เกิดความเสียหายที่อาจจะรุนแรงถึงแก่ความตายอย่างสยดสยองหากเขาพยายามจะทำเช่นนั้น
“ดูเหมือนว่า… การหลอมรวมวิชายุทธ์จากโลกแห่งจินตนาการสู่โลกแห่งความเป็นจริงจะยังต้องพยายามอีกมาก! เป็นไปได้ไหมว่าการเพิ่มความแข็งแกร่งจะเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะทำให้เรื่องนี้สำเร็จได้?”
ขณะที่เขากำลังจมอยู่ในห้วงความคิด ก็มีตัวตนระดับสูงที่มีพลังมหาศาลมากมายรีบร้อนหนีไปด้วยความหวาดกลัว
“เป็นเจ้าปิศาจนั่น!”
“เจ้าปิศาจล้างโลกนั่นอยู่ที่นี่!”
“หนีไป! เร็ว!”
ภายในระยะหลายลี้รอบตัวฟางหยวน ผู้ฝึกตนอมตะล้วนอยู่ในความวุ่นวายความตึงเครียดเข้าครอบงำทั่วพื้นที่ ราวกับการล่มสลายของโลกกำลังจะมาถึง
“นี่ข้าน่าหวาดกลัวถึงเพียงนั้นเลย?”
ฟางหยวนลูบหน้าตัวเอง รู้สึกเป็นปัญหาเล็กน้อย
ทั้งหมดที่เขาทำก็เพียงกวาดล้างสำนักเมฆาเขียว เขาไม่อยากเชื่อว่าเพียงแค่นั้นก็ทำให้เขามีชื่อเสียงน่าเกรงขามเพียงนี้
แต่ว่า หากมองจากด้านผู้ฝึกตนอมตะแล้ว ฟางหยวนไม่เพียงกวาดล้างสำนักใหญ่ เขายังลากเอาผู้อาวุโสระดับอมตะชนที่เก่งกาจของสำนักลงมาและสังหารเขา นี่ทำให้เขามีชื่อเสียงว่าโหดเหี้ยมและป่าเถื่อน
“ทั้งหมดนี่ล้วนเกิดจากความคิดยุ่งเหยิงของข้าและมันก็ยังพัฒนาไปด้วยตัวเอง…”
เมื่อเห็น ลึก ๆ แล้วฟางหยวนก็รู้สึกคลายใจ
การควบคุมทั้งโลกแห่งความฝันนั้นอันที่จริงเป็นจุดประสงค์ส่วนตัวของเขา เขาไม่อยากจะต้องทำการประนีประนอมกับผู้ใดเพื่อให้เป็นไปตามที่ตั้งใจ
เขายิ้มกับตัวเองและเดินไปข้างหน้า ไม่ให้ความสนใจกับความวุ่นวายรอบ ๆ
“ปัง!”
ทันใดนั้น ภาพเบื้องหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
สภาพแวดล้อมที่เดิมทีเป็นหมู่เทือกเขา กลายเป็นมีหมอกหนามาปกคลุม การเปลี่ยนแปลงรุนแรงฉับพลันนี้ดูราวกับมีโลกเสมือนเล็ก ๆ มากมายมารวมกันอยู่
“อืม… เพียงแค่พวกเจ้าสามารถหาค่ายกลเช่นนี้มาได้ ก็คิดว่าจะหยุดข้าได้จริง ๆ งั้นหรือ?”
ฟางหยวนยิ้มเยาะขณะที่สายตาเพ่งมองผ่านค่ายกลออกไป เห็นอมตะชนหลายคนอยู่เบื้องหลัง
“คราวนี้ เพื่อจัดการกับเจ้า ปรมาจารย์ระดับหายนะจากทั้งเทียนหยวน ตี้จือ ตงเชิง และหนานจ๋ายล้วนอยู่ที่นี่แล้ว ปรมาจารย์จากระดับที่สูงกว่ายังกำลังเดินทางมาที่นี่ และนำเอาค่ายกลซวนหวงอันล้ำค่าและหายากมาด้วย ค่ายกลนี้สามารถแบ่งได้เป็นฟ้าและดินและนับเป็นสมบัติล้ำค่า มันเกิดจากพลังซวนหวง อัญมณีอันเยี่ยมยอด และสามารถจัดการกับเจ้าได้ไม่ว่าเจ้าจะเป็นปิศาจร้ายจากระดับใดก็ตาม!”
น้ำเสียงมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมนี้ดังต่อเนื่องมาจากด้านนอกค่ายกล
“เจ้าว่าอัญมณีอันยอดเยี่ยมงั้นรึ?”
ฟางหยวนแค่นเสียงและก้าวไปด้านหน้าทันที
“ปัง!”
ค่ายกลเปลี่ยนไปทันที สายฟ้าเส้นใหญ่แลบขึ้นจากพื้นและกระจายไปทั่วทุกทิศทาง โลกแห่งจินตนาการเล็ก ๆ ทั้งหมดนั้นหายไปอย่างไม่คาดคิดกลายไปเป็นกลุ่มก้อนพลัง ที่รวมตัวกันแล้วพุ่งเข้าใส่ฟางหยวน
ภายใต้ค่ายกลเช่นนี้ กระทั่งกับอมตะชนจากขอบเขตสูงกว่านี้ก็ยังยากที่จะเอาชีวิตรอดได้!
“ข้าบอกว่า… ข้าต้องการแสง!”
เสียงราวกับฟ้าผ่าของฟางหยวนสั่นสะเทือนโลกแห่งจินตนาการที่เขาอยู่
“ชู่!”
ขณะที่เขาตะโกน ลำแสงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจริง ๆ
ลำแสงนี้ไม่ได้สว่างจ้านัก แต่แผดเผา มันดูราวกับเป็นแสงแรกบนโลกมันมืดมิดอนธการ มันแผ่กระจายออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!”
ไม่ว่าแสงจะส่องผ่านไปถึงที่ใด มันก็ก่อให้เกิดหายนะและการทำลายล้าง แม้ว่าจะเป็นการกำจัดพลังอันชั่วร้ายและเลวทรามบนโลกนี้ไปอย่างหมดจรด แต่มันก็เพียงแค่สลายไปอย่างช้า ๆ ภายใต้แสงนี้
“ปัง!”
หลังจากการระเบิดหลายครั้ง ก็เกิดโพรงขนาดใหญ่ เมื่อมองผ่านไป สามารถเห็นท้องฟ้าสีฟ้าและปุยเมฆขาวของโลกแห่งจินตนาการนี้ได้
“เป็นไปไม่ได้!”
อมตะชนจากขอบเขตสูงกว่าที่มาสู้กับฟางหยวนตะโกนออกมาด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อ
“อาวุธที่มีอำนาจที่สุด? ไม่มีผลกับข้าหรอก!”
ฟางหยวนถอนหายใจและยื่นมือทั้งสองข้างไปตรงหน้าคนผู้นั้น ทันใดนั้น แสงทั้งหมดก็มารวมกันอยู่บนแขนของเขา สิ่งที่เหลือจากค่ายกลซวนหวงก็หลอมรวมกันเป็นหยกลั่วผานและตกลงมาอยู่บนฝ่ามือเขา
ขณะที่หมอกกระจายหายไป มันก็เผยให้เห็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นตาไปแล้วกับอมตะชนจากขอบเขตสูงกว่าที่มาเพื่อสู้กับฟางหยวน พวกมันทั้งหมดล้วนมีสีหน้าตกใจและไม่อยากเชื่อ
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”
“นี่เป็นอาวุธที่ล้ำค่าและมีอำนาจที่สุดบนโลก เหตุใดจึงพ่ายแพ้และถูกทำลายง่ายดายเพียงนี้? มันไม่ควรถูกทำลายได้!”
“หรือว่านี่จะเป็นลิขิตฟ้า?”
…
เหล่าอมตะชนมองฟางหยวนอย่างหวาดกลัวและไม่แน่ใจ
“พอ!”
ฟางหยวนตะโกนออกมาเสียงเย็น ทำให้เกิดความเงียบสงัดขึ้น
“เหตุใดพวกเจ้าจึงกล้ามาที่ดินแดนนี้โดยพลการ? เตรียมรับผลที่จะเกิดตามมาเสีย!”
ฟางหยวนหรี่ตาลงจ้องไปที่ผู้อาวุโสหลายคนที่เป็นผู้ก่อเหตุและพูด “พวกเจ้าทำผิด ย่อมต้องถูกลงโทษ!”
“ทัณฑ์สวรรค์?”
อมตะชนหลายคนนั้นก้าวถอยหลัง ในเวลาเดียวกัน ประตูหยกสีขาวหลายบานก็เปิดออกที่เหนือศีรษะพวกเขา เมื่อมันเปิดออก สายฟ้าหลายสายก็ตวัดลงมาจู่โจมใส่พวกเขา
“นี่… ภัยพิบัติระดับหายนะ? มิใช่ข้าเพิ่งผ่านมันมาเพียง 42,000 ปีหรอกหรือ? เหตุใดมันจึงเริ่มอีกครั้งแล้วเล่า?”
อมตะชนผู้หนึ่งดึงหนวดตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ
“อย่าตระหนกไป มันน่าจะเป็นเพียงมายา หลอกพวกเราเข้าสู่กับดัก!”
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!”
อมตะชนผู้มีประสบการณ์สูงและมีทักษะล้วนถือทิฐิ หลังจากสงบลงแล้ว หลายคนก็เริ่มดึงเอาอาวุธวิเศษของตนออกมาและเริ่มตรวจสอบ
เกือบจะทันใดนั้น สายฟ้าเวทย์อันรุนแรงก็พุ่งลงมากระทบเข้ากับดาบวิเศษที่ส่องประกายเล่มหนึ่ง
เกิดเสียงกึกก้อง ดาบเล่มนั้นแตกออกเป็นสองส่วน
เจ้าของของมันซึ่งเชื่อมวิญญาณเข้ากับอาวุธนั้นหน้าซีดเผือดและกระอักเลือดสีอมม่วงออกมา “ไม่ดีแล้ว! มันเป็นของจริง!”
“หลังจากกลายมาอมตะชน พวกเราก็สามารถเสพสุขกับความอิสระ เหตุใดจึงต้องรับทัณฑ์สวรรค์เยี่ยงนี้อีก?”
สายฟ้าแลบออกไปทุกทิศทาง พื้นดินสั่นสะเทือน ท่ามกลางมหันตภัยนี้ อมตะชนหลายคนถูกบีบค้นจนสิ้นหวังและเรียกใช้วิชาที่ทรงพลังที่สุดของตนออกมาเพื่อรับมือ
แต่นี่ไม่ใช่เชื้อโรค ที่ได้รับครั้งหนึ่งแล้วจะมีภูมิคุ้มกัน
เหมือนแผลมีดบาด ไม่ใช่ว่าคนที่เคยมีแผลเป็นจากมีดแล้วจะไม่กลัวถูกมีดบาดอีกต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ นี่คือการลงโทษที่น่าหวาดกลัวและรุนแรงที่สุดสำหรับทุกผู้นาม แม้แต่อมตะชนก็ยังหวาดกลัว
“เจ้าปิศาจผู้นี้… สามารถบัญชากระทั่งสวรรค์ได้!”
“เจ้าปิศาจผู้นี้เอาชนะไม่ได้ และยังบัญชาสวรรค์ได้… โลกกำลังจะถึงจุดจบแล้ว!”
เห็นอมตะชนที่เหลือล้วนทุกข์ทรมานและเสียชีวิตไปในความวุ่นวายนี้ พวกที่เคยเจอกับหายนะครั้งก่อนเมื่อ 42,000 ปีที่แล้วล้วนมีสีหน้ายอมรับชะตากรรม
“โลกแห่งอมตะชนก็คือโลกแห่งอมตะชน และโลกมนุษย์ก็คือโลกมนุษย์ พวกเราใช้ความพยายามและฝึกฝนอย่างหนักเพียงใดเพื่อให้มาถึงระดับนี้ เหตุใดพวกเราถึงยังจะลงไปวุ่นวายกับเหตุการณ์บนโลกที่พวกเราทิ้งไว้เบื้องหลังแล้ว?”
ฟางหยวนมองสายฟ้าสุดท้ายที่พุ่งลงไปหาอมตะชนผู้หนึ่งเป็นเหตุให้เขากรีดร้องออกมา ฟางหยวนคำรามอยู่เงียบ ๆ ไม่พอใจที่กฎของโลกนี้และจักรวาลนั้นเกิดขึ้นจากความคิดของตนเอง
“เอาละ ตอนนี้คนนอกล้วนจากไปหมดแล้ว ได้เวลารับมือกับสถานการณ์ที่นี่แล้ว!”
ขณะที่ฟางหยวนมองไปที่อมตะชนที่กำลังทุกข์ทรมาน เขาก็ยิ้มออกมา นี่ทำให้เขายิ่งดูคุกคามคนพวกนั้น
TL note: ทางผู้แปลต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะว่า บทนี้ รวมถึงอีกสองสามบทต่อไป อาจจะอ่านแล้วเข้าใจยากกว่าปกติ (ที่ก็เข้าใจยากอยู่แล้ว) ทั้งนี้ได้พยายามถอดความอย่างเต็มที่แล้ว หลายจุดที่ชวนงงมากนั้น ได้ลองเทียบกับต้นฉบับภาษาจีนแล้ว พบว่าต่างกันไปโดยสิ้นเชิงในฉบับจีนและอังกฤษ ทั้งนี้ ได้คงการแปลตามต้นฉบับภาษาอังกฤษเอาไว้ ก็คาดหวังว่าจะไม่ทำให้เสียอรรถรสในการอ่านมากเกินไป
Thank you for your support ^^
ป.ล. ทางผู้แปลไม่มีแฟนเพจหรือว่าช่องทางโซเชียลใดสำหรับการนี้โดยตรง และยังไม่มีแพลนที่จะทำด้วยเพราะว่าจะไม่มีเวลาดูแลหรืออัพเดทข่าว ถ้าหากผู้อ่านมีคำติชมแนะนำใด ฝากมาทางแอดมินเวบได้ ถ้าพิจารณาว่าพอจะสามารถแก้ไขตามคำแนะนำติชมได้ ทางผู้แปลก็ยินดีทำตาม