กลับมาที่อี้ซานฝู
ครึ่งเดือนผ่านไป สงครามจบลงแล้ว ชาวเมืองที่ทิ้งบ้านหนีสงครามไปล้วนกลับมาแล้วและทำให้เมืองมีชีวิตชีวาขึ้นได้เล็กน้อย
ที่ห้องรับแขกงดงามห้องหนึ่งในคฤหาสน์เจ้าเมือง ฟางหยวนนั่งหลับตาล่องลอยอยู่ในโลกแห่งความฝัน
ไม่นานนัก เขาก็ลืมตาขึ้นและคิด “หนทางการเป็นจ้าวแห่งฝันนี้…ช่างมหัศจรรย์และลึกลับนัก!”
เมื่อเขาขึ้นมาถึงระดับจ้าวแห่งฝัน เขาก็สามารถควบคุมโลกแห่งความฝันของตนได้อย่างสมบูรณ์ มันมั่นคงแล้ว ถ้าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บทางจิตใจใดซึ่งทำให้จิตใจพังทลาย เขาย่อมสามารถอยู่เหนือโลกแห่งความฝันของตนได้!
จากนั้น เขาก็กลับไปยังวันเวลาที่เขายังเป็นเด็กและสำรวจโลกนั้นอีกครั้ง เขายังกลับไปในความฝันในเวลานั้นและดำเนินชีวิตของเขาที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานอีกครั้ง
ความรู้สึกที่เขาได้รับนั้นไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“โลกใบนั้น… เหมือนจริงเกินไป…”
ฟางหยวนยังตั้งข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับโลกแห่งความฝันนี้
“หรือบางที… ความฝันนี้มีอยู่จริงและข้าเคยอยู่ที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าข้าเกิดที่ไหนและข้าก็ได้พบกับ ‘การข้ามโลก’ สองวิญญาณจากโลกจริงและโลกแห่งความฝันเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกันและทำให้ความฝันสมัยข้ายังเป็นเด็กปรากฏขึ้นอีกครั้งในความทรงจำของข้า?”
เขาคิดถึงเรื่องนี้และมองไปที่หน้าต่างสถานะของตัวเอง
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 10.0
พลังลมปราณ: 10.0
พลังเวทย์: 8.6
สายวิชา: จ้าวแห่งฝัน (ผู้แฝงฝัน)
การฝึกตน: [จ้าวแห่งฝัน (ขั้นที่ 1)(รวมพลังธาตุ)], อู่จง
วิทยายุทธ์: [กรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 13) (???)], คาถาสะกด, ก้าวมายา
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 4)]”
เมื่อเขาเข้าไปในโลกแห่งความฝัน เขาก็จะมีโอกาได้ฝึกฝนตัวเอง ฟางหยวนนั้นพึงพอใจกับระดับพลังเวทย์ของเขาที่เพิ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว
“พลังเวทย์ตอนนี้ของข้าน่าจะสูงกว่าหลิวเอี๋ยนแล้ว… ข้ายังเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นด้วย…”
เขาเองก็ตระหนักดีว่าหลังจากเขาจัดการลู่เหรินเจีย พลังที่เขาเปิดเผยออกไปนั้นค่อนข้างน่าตะลึง
ตอนที่ยังมีสงครามอยู่ มันก็ดีกว่าที่พวกเดียวกันจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อสงครามจบลง มีพลังแข็งแกร่งเกินกว่าผู้อื่นนั้นจะทำให้เกิดการอิจฉาริษยาเท่านั้น
เพราะว่าคิดถึงเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นเหล่านี้ไว้แล้ว เขาจึงจงใจทำตัวเงียบ ๆ เขาไม่แสดงท่าทีต้องการอำนาจใดเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นอิจฉาเขา
แต่ด้วยระดับทักษะของเขาตอนนี้ มีผู้ที่กล้าท้าทายเขาหรือแย่งชิงกับเขาไม่มากนัก มันเป็นเรื่องดีสำหรับฟางหยวนที่เก็บตัวอยู่เงียบ เขาถือเป็นผู้ที่มีพลังแต่ไม่มีอะไรขัดแย้งกับคนอื่นที่เหลือ เหมือนนักพรตมู่หลี่
อันที่จริง หลิวเอี๋ยนนั้นพอใจในตัวฟางหยวน และฟางหยวนก็ยินดีอยู่รับการต้อนรับขับสู้ของเขามาเป็นระยะหนึ่งแล้ว
“อาจารย์ฟางหยวนอยู่ที่นี่หรือไม่?”
ตอนที่เขาคิดอยู่ ก็มีเสียงนักพรตมู่หลี่ดังมาจากข้างนอก ฟางหยวนส่ายหน้าและรู้สึกหงุดหงิด
ในคฤหาสน์เจ้าเมือง ทุกอย่างนั้นย่อมคัดมาแต่สิ่งดีที่สุด แต่กลับมีนักพรตมู่หลี่ผู้นี่ที่หาสารพัดเหตุผลร้อยแปดเพื่อมาหาฟางหยวนและพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับนกวิญญาณ เขาแสดงความสนใจอย่างยิ่งในตัวอินทรีดำหางเหล็กและดูจะยอมแลกอะไรก็ได้เพื่อเจ้าอินทรีตัวนั้น นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกค่อนข้างรำคาญ
ถ้าไม่เป็นเพราะทักษะการเลี้ยงดูนกวิญญาณรวมทั้งคาถาธาตุไม้อันทรงพลังของเขาที่ฟางหยวนก็ได้เรียนรู้จากเขามามาก ฟางหยวนคงจะไล่ตะเพิดเขาไปนานแล้ว
“เป็นหัวหน้านักพรตมู่หลี่นี่เอง!”
ดังนั้น ฟางหยวนจึงไม่ต้องการทำอะไรไม่ดีกับเขา และเขายังต้อนรับด้วยรอยยิ้มและพูด “วันนี้ท่านก็จะมาคุยเรื่องนกวิญญาณกับข้าหรือ?”
“ไม่เชิง! วันนี้ข้ามีเรื่องอื่นมาบอกท่าน!!”
ใบหน้าของเขาดูค่อนข้างจริงจัง “มีข่าวจากแนวหน้าในสนามรบ แม่ทัพเซียงจื่อหลงนำทหารของเขาเข้าไปกำจัดกองกำลังกบฏที่เหลืออยู่ ในที่สุดอี้ซานฝูก็สงบสุขแล้ว!”
“นั่นเป็นข่าวดีมาก!”
ฟางหยวนยินดี แต่เขาก็ไม่เชิงประหลาดใจนักเรื่องนี้
แม่ทัพและผู้ฝึกยุทธ์ระดับพลังธาตุจากกองกำลังกบฏนั้นถูกสังหารไปแล้ว กองกำลังที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงทหารระดับต่ำที่ง่ายต่อการจัดการ ดังนั้น ฟางหยวนจึงคาดหวังชัยชนะจากสงครามนี้
“ไม่เลว พี่หลิวน่าจะเรียกพวกเราไปรับรางวัลเร็ว ๆ นี้แหละ!”
นักพรตมู่หลี่หัวเราะและพูด “แล้วก็อาจารย์ฟาง ท่านมีผลงานมากที่สุด ข้าพนันเลยว่าท่านเจ้าเมืองต้องเห็นด้วยถ้าท่านต้องการสักมณฑลเป็นรางวัล…”
“อืม… นี่ไม่จำเป็น ข้ามีชีวิตอยู่คนเดียวอย่างอิสระและแยกจากโลกภายนอก ข้ายังไม่ได้มีมิตรสหายสนิทที่ต้องดูแลมากมาย…”
ฟางหยวนส่ายหน้าและพบข้อเสียอีกข้อของนักพรตมู่หลี่
เขาไม่สนใจเรื่องการบ้านการเมืองจนเกินไป! หรือบางที เขาก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!
‘การกบฏครั้งนี้เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนและมีหรือที่หลิวเอี๋ยนจะยอมให้อำนาจของเขาถูกสั่นคลอนโดยผู้มีพลังในพื้นที่? แล้วยัง… สำนักกุยหลิง สำนักสลายกระดูก และสำนักพี่น้องเสื้อเหลืองล้วนถูกกำจัด ฝ่ายตรงข้ามในทั้งสามมณฑลล้วนถูกกำจัดไปทั้งหมด สำนักห้าผีจากมณฑลเลี่ยหยางก็ปิดตัวลงไป และอีกสองมณฑลที่เหลือล้วนแต่ถูกควบคุมโดยหลิวเอี๋ยน ถ้าเขาไม่ต้องการพึ่งพาดินแดนในอาณัติเพื่อสร้างชื่อเสียงและอำนาจ เช่นนั้นเขาจะกำลังรออะไรอยู่? หลิวเอี๋ยนดูเหมือนอยากจะกำจัดทิ้งสำนักและสมาพันธ์ต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนสภาขุนนางของประเทศ’
‘ถ้าตอนนี้ข้าเรียกร้องขอรางวัล ข้าคงสามารถได้สักมณฑลหนึ่งจริง ๆ นั่นแหล่ะ แต่ข้าก็จะต้องมาคอยวิตกว่าต่อไปอาจจะมีปัญหากับหลิวเอี๋ยน! ข้าไม่ควรร้องขอรางวัลเช่นนั้นและจะได้ปลอดปัญหาพวกนั้นไปด้วย!’
แน่นอน เขารู้ว่ามันจะต้องมีการถกเถียงกันต่อไปเรื่องการรวมอำนาจสู่ศูนย์กลางประเทศควรหรือไม่ควร ฟางหยวนไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเช่นนั้นและเลือกที่จะนั่งดูอยู่ห่าง ๆ
แย่หน่อย ที่เขาได้เมืองชิงเย่มาแล้ว และไม่มีทางที่จะคืนเมืองนี้ให้
…
“คารวะท่านเจ้าเมือง!”
ในห้องโถงหลัก ฟางหยวนและนักพรตมู่หลี่ทักทายเจ้าเมือง
อำนาจคือยาที่ดีที่สุดของมนุษย์เรา หลิวเอี๋ยนมีอำนาจอยู่ในมือแล้วตอนนี้ เขารู้สึกสบายใจมากและดูมีพลัง
“ฮ่าฮ่า! พวกเจ้าทั้งสองมาได้เวลาพอดี!”
หลิวเอี๋ยนโบกมือและทหารสองคนก็เข้ามา พวกเขาคลี่วางแผนที่ของอี้ซานฝูลงบนพื้น
“ข้าสังหารลู่เหรินเจียได้ก็เพราะความช่วยเหลือของพวกเจ้า น้องฟาง เจ้ามีผลงานมากที่สุดและข้ายินดีแบ่งปันอี้ซานฝูกับเจ้าทั้งสอง”
เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ “พวกเจ้าทั้งสองเลือกพื้นที่ที่เจ้าชอบและข้าก็จะตกลงตามนั้น!”
นักพรตมู่หลี่กลืนน้ำลาย เขาอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าเขาสามารถเลือกพื้นที่ใดของอี้ซานฝูก็ได้จากแผนที่กว้างใหญ่ที่แผ่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้
อย่างน้อยที่สุด เขาก็รู้ขีดจำกัดความสามารถของตัวเองดี เขามีบทบาทเพียงผู้สนับสนุนในสงครามและไม่ได้มีส่วนร่วมในการโจมตี และผลงานที่เขามียังไม่มากเท่าฟางหยวน เขาจึงเงียบอยู่ จากนั้นก็มองฟางหยวน
“เหอเหอ… ข้าเพียงแค่ยืนมือเข้าช่วยในสงครามนี้เพียงเล็กน้อยและไม่กล้าเรียกร้องขอรางวัลใด! อย่างไร ข้าก็อาศัยอยู่ตัวคนเดียวและไม่มีความตั้งใจจะเปิดสำนักหรือว่าสมาพันธ์ของตนเอง…”
ฟางหยวนโบกมือและพูดต่อ “ถ้าท่านจะอนุญาต ข้าหวังจะได้ตำราจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุของลู่เหรินเจีย ได้คำแนะนำเล็กน้อยจากท่านเกี่ยวกับนักรบศักดิ์สิทธิ์ และข้าอยากได้ของวิเศษสักสองสามชิ้นเป็นรางวัล เพียงเท่านี้ข้าก็ยินดียิ่งแล้ว!”
“รางวัลที่เจ้าเรียกร้องมันน้อยเกินไปแล้ว! น้อยเกินไป! รางวัลเพียงเท่านี้จะเทียบกับผลงานที่เจ้าทำได้อย่างไร?”
หลิวเอี๋ยนส่ายหน้า
แต่ว่า ฟางหยวนที่มีพลังเวทย์มากเป็นพิเศษนั้นสามารถจับความดีใจเพียงนิดที่หลิวเอี๋ยนมีในใจได้ ฟางหยวนเก็บความไม่ชอบใจนี้เอาไว้ในใจและแสดงออกมาเพียงท่าทางจริงใจ “ฟังข้าก่อน ท่านเจ้าเมือง เพราะการกระทำของลู่เหรินเจีย ทั้งอี้ซานฝูนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอันแก้ไขไม่ได้แล้ว และดินแดนก็ถูกแบ่งแยกออกจากกันมากเกินไป สำนักและสมาพันธ์นั้นต้องลำบากกับการปกครองดินแดงของตน ดังนั้น พวกเราไม่ควรแบ่งแยกเช่นนั้นอีก!”
“อืม… ที่เจ้าพูดก็ถูก…”
หลิวเอี๋ยนพูดต่ออย่างยินดี “ข้าตั้งใจที่จะยกเลิกการครอบครองดินแดนต่าง ๆ ของแต่ละสำนัก ข้าจะสั่งให้คนของข้าไปดูแลแต่ละมณฑลและมณฑลเหล่านี้จากนี้ไปจะอยู่ภายใต้การดูแลของข้า พวกเจ้าทั้งสองคิดว่าอย่างไร?”
ถึงตอนนี้เอง ที่หลิวเอี๋ยนเผยความตั้งใจจริงของตนออกมา
“เป็นการตัดสินใจที่ดีมาก!”
ฟางหยวนรู้สึกเคืองนิดหน่อยแต่ก็ยังคงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“การตัดสินใจเช่นนี้… ดูไม่เลว!”
นักพรตมู่หลี่พยักหน้าและดูเคร่งเครียดนิด ๆ
“ฮ่าฮ่า…ดีมาก!”
หลิวเอี๋ยนหัวเราะอย่างยินดีที่สุด “หัวหน้านักพรตมู่หลี่ ข้าจะยกพื้นที่รัศมี 100 ลี้จากอารามไม้ของเจ้าให้เจ้าครอบครองและสามารถส่งต่อให้สู่รุ่นถัดไปได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีสำหรับที่ดินผืนนี้!”
“ส่วนน้องฟาง ข้าจะมอบสิ่งที่เจ้าต้องการให้ แต่ข้ายังคิดว่ามันน้อยเกินไปอยู่ดี!”
หลิวเอี๋ยนลุกขึ้นและเดินเข้ามาสองสามก้าว “เจ้าสามารถแนะนำเจ้าเมืองคนต่อไปของมณฑลชิงเหอได้ และยังมี ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ 10 หมู่ของสำนักกุยหลิง เจ้าเอาไปทั้งหมด! เช่นนี้เป็นอย่างไร?”
“ขอบพระคุณมากที่ท่านเจ้าเมืองเห็นด้วยกับคำร้องขอของข้า!”
ฟางหยวนกล่าวขอบคุณออกไปทันที
“ฮ่าฮ่า… ข้ายังมีของขวัญเล็ก ๆ ให้เจ้าอีกชิ้น น้องฟาง เจ้าจะเข้าใจที่ข้าพูดเมื่อเจ้ากลับไปที่ห้อง!”
หลิวเอี๋ยนหัวเราะและพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนล้อเล่น
“หืม?”
ฟางหยวนงุนงงเล็กน้อย เมื่อเขากลับมาที่ห้องของตัวเอง เขาก็เข้าใจความหมายของหลิวเอี๋ยน เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นหลิงอิ๋นนอนอยู่บนฟูก เขาพูดไม่ออก “เกิดอะไรขึ้น?”
“นายท่าน!”
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างเขาหัวเราะอย่างยินดีและตอบ “ท่านเจ้าเมืองบอกว่า ในเมื่อนางเป็นนักโทษของท่าน ก็ให้ท่านตัดสินใจว่าจะจัดการกับนางเช่นไรขอรับ!”
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปได้แล้ว!”
ฟางหยวนยังคงพูดไม่ออกและโบกมือเป็นสัญญาณให้พ่อบ้านออกไปจากห้อง เขามองหลิงอิ๋นที่มีใบหน้าซีดเผือดแต่ก็ยังคงดงามและหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ตอนนี้ข้าก็มีเรื่องให้ต้องจัดการมากขึ้นอีกหนึ่งแล้ว!”
พูดตามหลักแล้ว เมื่อฟางหยวนสังหารอาจารย์ของนางไปแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะสังหารนางด้วย
ดูเหมือนหลิวเอี๋ยนจะต้องการให้ฟางหยวนสังหารนางแทนที่จะทำด้วยตัวเอง
‘เจ้าเมืองอี้ซานฝูผู้นี้… ผู้อื่นร่วมเป็นร่วมตายกับท่านได้ แต่ผู้อื่นอย่าหวังจะได้แบ่งปันของดี ๆ กับท่าน…’
ฟางหยวนหลับตาลงและนึกถึงตอนที่เขาพบหลิวเอี๋ยนครั้งแรก เขาสรุปบางอย่างได้ในใจ
“ความทะเยอทะยานของชายผู้นี้นั้นไร้ขีดจำกัด ก่อนหน้านี้ หลิวเอี๋ยนต้องการเพียงอย่างเดียว คือกำจัดกองกำลังกบฏที่เริ่มต้นขึ้นจากลู่เหรินเจีย ตอนนี้ เมื่อสงครามจบลง เขาก็ต้องการรวมอำนาจของทั้งอี้ซานฝูขึ้นมาทันที ต้องการให้ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา หลังจากเขาควบคุมทั้งอี้ซานฝูได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาอาจจะเพ่งเล็งไปถึงอีกสองรัฐของประเทศนี้และขึ้นครอบครองทั้งประเทศเซี่ยหรือไม่?”
“ข้าควรจากไปได้แล้ว! หลังจากเขาได้ตามที่เขาต้องการ ข้าก็ควรไป!”
นึกถึงสิ่งที่เพิ่งพบมา ฟางหยวนก็ตัดสินใจ
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาและตรวจหลิงอิ๋น เขาพบว่านางแค่หมดสติไป ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสใด นางแค่อ่อนแรง
“ข้าควรจะสังหารนางหรือไม่?”
ฟางหยวนลูบคางตัวเองและส่ายหน้า “ข้าไม่จำเป็นต้องรีบทำเช่นนั้น แล้วก็…หลังจากลู่เหรินเจียถูกสังหารไป นางน่าจะเก็บความลับมากมายเอาไว้ หลิวเอี๋ยนอาจจะไม่สามารถทำให้นางบอกความลับพวกนั้นออกมาได้ แต่สำหรับข้า ข้าสามารถใช้นางเป็นเป้าหมายในการฝึกทักษะของผู้แฝงฝันและผู้สร้างฝันได้…”
ในฐานะจ้าวแห่งฝัน เขามีความสามารถในการเข้าสู่ความคิดของผู้อื่น แม้ว่าหลิวเอี๋ยนอาจจะคิดว่าหลิงอิ๋นนั้นตอนนี้ไร้ประโยชน์แล้ว ฟางหยวนก็ยังสามารถใช้ประโยชน์บางอย่างจากนางได้