สิ่งที่นอนอยู่ภายใต้พุ่มไม้ใบหนาและดอกไม้สีสดคือกองกระดูกพูนสูง!
เมื่อคิดว่าพืชทั้งหมดนี้เพิ่งปลูกลงไปเพียงไม่นาน ความสามารถในการทำลายล้างช่างเกินหยั่งถึง!
“เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นเหตุให้ฮวาหูเตียวล่าเหยื่อได้น้อยกว่าแต่ก่อน… ทำให้ลูกนกจำนวนมากอดตาย?”
ฟางหยวนมองไปทั่วทั้งผืนพุ่มไม้และผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา
“จิ๊บ จิ๊ว!”
ในตอนนั้นเอง นกกระจอกตัวเล็ก ๆ สีเทาตัวหนึ่งปรากฏขึ้นบนฟ้าและบินวนอยู่เหนือพืชเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ามันถูกกลิ่นหอมแรงของน้ำหวานดึงดูดมา แต่มันก็ยังกังวลและยังไม่ตัดสินใจลงมือ
“เป็นเจ้าแล้วกัน!”
ประกายวับวาวปรากฏขึ้นในดวงตาฟางหยวนขณะเขาหยิบก้อนหินเล็ก ๆ ขึ้นมาขว้างใส่นกกระจอกตัวนั้น
“ฉัวะ!”
ตอนที่ก้อนหินพุ่งออกไป ก็ปรากฏเสียงฝ่าผ่านอากาศด้วยความเร็วดังก้อง มันพุ่งวาบไปและเจ้านกกระจอกก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหล่นลงพื้น
ด้วยพลังของฟางหยวนในตอนนี้ ก้อนหินที่เขาขว้างออกไปแทบจะมีพลังมากกว่าลูกศรที่ปล่อยออกจากแล่ง สังหารเจ้านกตายในทันที
“ฉัวะ!”
เมื่อนกกระจอกหล่นถึงพื้น หญ้าวงเดือนที่บนพื้นก็มีปฏิกิริยาทันที ใบหนาใหญ่ราวมีดของต้นหญ้ามีประกายเงาวับราวโลหะโบกผ่านเจ้านกตัวนั้น ตัดมันออกเป็นสองส่วนขณะที่เลือดกระจายไปบนพื้น
“ความเร็วและพลังของมัน…”
ฟางหยวนเบิกตากลมกว้างด้วยความตกใจและคิด “ข้าเกรงว่ามันจะมีพลังมากกว่านักดาบในกองทัพเสียอีก!”
“ขวับ!”
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปตรงหน้าทำให้ฟางหยวนตะลึงยิ่งกว่าเดิม
พืชที่บนพื้นขยับไต่ไปมาอย่างโหดร้าย ขอบคมของใบและกลีบดอกราวกับฟันคมกริบและซากครึ่งหนึ่งของเจ้านกก็ถูกกลืนกินเข้าไปท่ามกลางพืชที่ขยับมากองกัน
“กร้วม กร้วม!”
ที่ด้านข้าง ประกายแสงมากมายสะท้อนจากขอบใบคมเรียบของหญ้า ซากของนกที่เหลืออยู่กลายเป็นเลือดกองหนึ่งกระจายไปทั่วผืนหญ้าวงเดือน
“เป็นเรื่องปกติที่หญ้าวงเดือนและบุปผากงจักรจะโหดร้ายถึงเพียงนี้หรือ?”
ฟางหยวนทำตาโตขณะคิด “พวกมันต้องมีวิวัฒนาการ! นอกจากนี้…”
เขามองเห็นหย่อมดอกไม้และใบไม้ที่แห้งและตายอยู่ข้าง ๆ พรมหญ้าวงเดือน เขาคิดอย่างเกรง ๆ “พืชวิญญาณที่เติบโตขึ้นใหม่นั้นจัดการพวกพืชธรรมดาที่อยู่ที่นี่มาก่อนพวกมันและใช้พวกพืชนั่นเป็นปุ๋ยไปแล้ว…”
พรมพืชวิญญาณผืนนี้เปื้อนเลือดตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!
“แต่ ข้าคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าพืชทั้งสองนี้จู่โจมและป้องกันได้มากกว่านี้ สิ่งที่ข้าไม่รู้ก็คือวิธีดั้งเดิมที่ใช้ในการรับมือกับหญ้าวงเดือนและบุปผากงจักรนั้นยังจะได้ผลกับพืชวิญญาณที่มีการวิวัฒน์ไปแล้วหรือไม่”
ฟางหยวนคิดและกระโดดลงจากต้นไม้
“ฉัวะ ฉัวะ!”
ตอนที่เท้าทั้งคู่ของเขาสัมผัสพื้นดิน พื้นดินก็ระเบิดออกและรากหนาใหญ่มีหนามก็ม้วนขดเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วอันน่าตกใจ!
“แม้แต่รากของต้นไม้นี้ก็ยังเป็นอาวุธชิ้นหนึ่ง นี่เป็นความสามารถใหม่ของพืชวิญญาณทั้งสอง”
ฟางหยวนคว้าจับรากเอาไว้ด้วยมือขวาและรู้สึกได้ทันทีถึงความเจ็บปวดแผ่ซ่านเข้ามาที่ฝ่ามือของเขา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและคิด “ถ้าผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาจับมันเอาไว้เช่นที่ข้าทำ ผิวหนังก็คงจะฉีกขาดและเลือดถูกสูบผ่านรากนี้ไป… หนามบนรากนี่อาจจะยังมีพิษ…”
แน่นอนว่า เขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา
ในฐานะอู่จงผู้หนึ่งซึ่งเชี่ยวชาญเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก ร่างกายของเขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
“ออกไป!”
ฟางหยวนระเบิดหัวเราะเสียงดังและกระทืบเท้าเบา ๆ แล้วเขาก็ลอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ปุ!”
จากแปลงดอกไม้ เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขณะฟางหยวนดึงทึ้งบุปผากงจักรและรากออกมาจากพื้นดิน มันปล่อยเสียงคำรามอย่างสัตว์ออกมาตอนที่ฟางหยวนลงมือ
และรากที่หลุดออกมานี้ยังนำเอาใบคมกริบของหญ้าวงเดือนลอยมาทางฟางหยวนด้วย
“กร้วม กร้วม!”
ประกายแสงสีดำสะท้อนออกมาจากใบหญ้าที่คมกริบราวมีด
ใบของหญ้าวงเดือนนั้นหมุนอย่างรวดเร็วอยู่กลางอากาศราวกับกงล้อใบมีดและลอยเข้าหาฟางหยวน
“อืม?”
ฝ่ามือของฟางหยวนเปลี่ยนสีไปเป็นสีเดียวกับเหล็กกล้า เขาดีดหินหลายก้อนออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ละก้อนหลบพ้นขอบใบคมของหญ้าและกระแทกเข้าตรงก้านใบอย่างแม่นยำ
“เพี๊ยะ เพี๊ยะ!”
.ใบหญ้าวงเดือนหลายใบถูกตัดออกจากก้านโดยก้อนหินที่ฟางหยวนดีดออกมา ของเหลวสีเขียวไหลออกมาตามรอยตัดจากก้อนหินของฟางหยวน
“ฉูด!”
สัมผัสได้ถึงความอันตราย บุปผากงจักรอ้า ๆ หุบ ๆ ปากของมันและพ่นน้ำหวานออกมาเป็นสาย กลิ่นของน้ำหวานนั้นเย้ายวนและชวนให้รู้สึกสับสน
ฟางหยวนหลบน้ำหวานนั่นและมันก็พุ่งลงพื้น น้ำหวานนั่นกลับก่อให้เกิดกลุ่มเล็ก ๆ บนผิวดินและมีควันหนาสีขาวลอยออกมา
“กระบวนท่าอันเกินคาด!”
ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ฟางหยวนคว้าเอารากของมันและดึงบุปผากงจักรออกจากพื้นดินไปไว้บนก้อนหินสีเขียว
“แกร่ก กราก!”
มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่ต้นไม้วิญญาณในที่สุดก็เงียบและสงบลง แต่รากก็ยังคงดิ้นรนและคืบคลานออกราวกับพยายามมองหาพื้นดิน
“นี่มัน…ดียิ่งนัก!”
ภาพที่เห็นทำให้ฟางหยวนยากนักที่จะเก็บสีหน้าดีใจเอาไว้ได้
เมื่อครู่นี้ การเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงนั้นทั้งเร็วและฉับพลัน ไม่ต่างไปจากการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกยุทธ์สองคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญชาตญาณของพืชวิญญาณที่วิวัฒน์แล้วทั้งสอง
“ทั้งสองต้นล้วนเป็นเพียงพืชวิญญาณที่อยู่รอบนอกพื้นที่…”
ขณะที่ฟางหยวนจ้องอยู่ที่บุปผากงจักรที่มีขนาดประมาณอ่างน้ำ จู่ ๆ เขาก็คิดว่ามันเหมือนจะเป็นศูนย์กลางของพรมพืชผืนนี้ บุปผากรงจักรที่ตรงกลางนั้นเป็นเหมือนมีดบด ต่อให้เป็นวัวป่าตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา มันก็ต้องถูกตัดแขนตัดขาและถูกกลืนกินไปอย่างแน่นอน!
“ใช้พวกมันก็เพียงพอที่จะปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”
เขาจุดคบไฟขึ้นและเดินไปตรงหน้าหญ้าวงเดือน
“ปุ!”
แค่พริบตาเดียว ใบสีดำของหญ้าวงเดือนก็ตัดคบไฟออกเป็นสองท่องและบาดหลังมือของฟางหยวน เหลือไว้เป็นรอยสีขาวชัดเจน
“มันไม่กลัวกระทั่งศัตรูคู่อาฆาต… มันดูควบคุมยากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้!”
ก่อนที่พืชวิญญาณทั้งสองจะพัฒนาไป พวกมันมีศัตรูโดยธรรมชาติ ก็คือไฟ!
อันที่จริง พืชส่วนมากล้วนกลัวไฟเป็นปกติ
แต่สิ่งที่หญ้าวงเดือนทำเมื่อเผชิญหน้ากับไฟทำให้ฟางหยวนประหลาดใจขึ้นมา ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นกังวล
“รากสามารถเคลื่อนที่ได้และขยับได้ด้วยตัวของมันเอง แต่การเคลื่อนย้ายมันและจากนั้นก็ใช้มันในพื้นที่ใหม่ย่อมเป็นปัญหาแล้ว!”
ฟางหยวนมองต้นไม้ที่อยู่บนก้อนหินบิดตัวไปมาเพื่อให้หลุดออกจากก้อนหินกลับลงไปในดินและจากนั้นก็ถอยไปอยู่ในตำแหน่งเดิมด้วยความหวั่นเหรง
พืชวิญญาณในตอนนี้นั้นแสดงลักษณะของสัตว์ออกมา
นี่ทำให้ฟางหยวนตื่นตัว ถ้าเขาปล่อยให้มันเติบโตต่อไป มันอาจจะวิวัฒน์ไปจนไม่สามารถควบคุมได้และก่อหายนะอย่างคาดไม่ถึง
แต่ว่า คิดถึงนิทานที่เขาเคยได้ฟังมา เขาจำได้ว่าเคยฟังเรื่องเกี่ยวกับนางไม้ในป่าตะวันตกและภูติดอกไม้ในป่าตะวันออก มันไม่ได้น่าประหลาดใจที่พืชจะพัฒนาความฉลาดขึ้นมาแต่อย่างใด
“นอกจากนี้… มันก็เป็นเรื่องดีที่พวกมันมีความคิดเป็นของตัวเอง!”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายขึ้นมาทันใด
ส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของเส้นทางการเป็นเจ้าแห่งฝันคือวางตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!
นี่ล้วนเป็นเพราะความสามารถพื้นฐานที่สุดในการเข้าสู่โลกแห่งความฝัน!
ของทุกอย่างล้วนมีจิตวิญญาณ! ทุกต้นหญ้าและต้นไม้ ดอกไม้หรือก้อนหิน หรือแม้แต่ภูเขาสูงก็ล้วนมีจิตวิญญาณและมีความคิดของตนเองเช่นกัน!
สิ่งที่แตกต่างไปก็คือมันใช้เวลานาน บางทีอาจจะเป็นร้อยปีเพื่อกำเนิดความคิดขึ้นมา ถ้าเจ้าแห่งฝันจู่ ๆ ก็เข้าไปในโลกแห่งความฝันเช่นนั้น ในที่สุดก็จะทำให้ตัวเองตายตกลง!
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากไปถึงระดับสูงที่สุดแล้วเล่า?
ถ้าแฝงเข้าสู่โลกแห่งฝันระดับเริ่มต้น โครงสร้างและข้อกำหนดของโลกจะเผยออกมาให้เจ้าแห่งความฝันเห็นหรือไม่?
ถึงตอนนี้ มันก็ให้ผลลัพธ์อันมหัศจรรย์!
“วิชาผู้แฝงฝันของข้ายังไม่ได้ลองกับพืชชนิดใด แต่ว่า หญ้าวงเดือนและบุปผากงจักรนั้นเผยความเดือดดาล ความกลัว และอารมณ์อื่น ๆ คล้ายสัตว์ป่าออกมา… นอกจากนี้ จิตใจของพวกมันย่อมบริสุทธิ์กว่าสัตว์ป่าพวกนั้นด้วยซึ่งเป็นสภาวะที่ดีที่สุดสำหรับข้าที่จะโน้มนำพวกมัน…”
ฟางหยวนลุกขึ้นและมองไปที่พรมพืชวิญญาณขณะความคิดต่าง ๆ แล่นไปมาในจิตใจ
…
“กิกี๊!”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฮวาหูเตียวที่คอยระวังอยู่ไกล ๆ ก็ดีดตัวขึ้นอย่างตื่นตัวเต็มที่และพุ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความตระหนกและตกใจ
ตรงหน้ามัน ต้นไม้ที่ตายไปแล้วจู่ ๆ ก็มีชีวิตชีวาขึ้น
“ปุ ปุ!”
รากมากมายพุ่งทะลุพื้นดินขึ้นมาและยื่นออกไปราวกับแขนขาของมนุษย์ มันหอบหิ้วต้นหญ้าวงเดือนไปด้วยกันกับพวกมัน และมันก็เริ่มอพยพครั้งใหญ่
พืชวิญญาณทั้งผืนเริ่มขยับออกไป ภาพตรงหน้าช่างผิดปกติไปจนไม่น่าเชื่อและประหลาดมากพอที่จะทำให้ผู้อื่นตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว
ผืนดินที่เดิมมีพืชวิญญาณอยู่นั้นไม่ได้อยู่ห่างจากฟางหยวนที่นั่งขัดสมาธิอยู่นัก เขาใช้พลังเวทย์ควบคุมการเคลื่อนที่ของพืชวิญญาณ
“การแฝงเข้าสู่โลกแห่งความฝันในครั้งนี้ของข้าประสบความสำเร็จยิ่งกว่าที่คาดเอาไว้!”
เขาเต็มไปด้วยความดีใจขณะคิด “ไม่น่าเชื่อ มีเพียงบุปผากงจักรต้นเดียวที่วิวัฒน์ไป ต้นอื่น ๆ เติบโตขึ้นขึ้นจากเกสรของต้นเดิมและเชื่อมโยงกันอยู่ ข้าเพียงแค่ควบคุมดอกไม้นั้นและที่เหลือก็ตามไป หญ้าวงเดือนนั้นก็เพียงเติบโตขึ้นโดยรับสารอาหารจากบุปผากงจักรเท่านั้น!”
โลกแห่งความฝันของพืชนั้นบริสุทธิ์และเรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่มีปฏิสัมพันธ์ด้วยเล็กน้อย ฟางหยวนก็รู้สึกว่าพืชเหล่านั้นก็สนิทสนมกับเขาและเริ่มเชื่อฟังเขา เขายังสามารถโน้มน้าวให้มันเคลื่อนที่ไปตามที่เขาคิดได้
“อย่างไรก็เป็นเพียงต้นไม้… ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ได้พัฒนาส่วนสำนึกของเผ่าพันธุ์!”
ฟางหยวนมองเนินเขาว่างเปล่าและออกคำสั่ง “พิรุณพร่ำใบไม้ผลิ จงมา!”
“ซู่ ซู่!”
เมฆขยายตัวออกและรวมตัวกันเกิดเป็นเมฆฝนก้อนใหญ่ก่อนที่จะฝนจะกระหน่ำลงมาบนเนินเขา
นี่เป็นคาถาเวทย์ธาตุไม้ที่บำรุงดินให้เหมาะกับการเติบโตของพืชได้อย่างดีเยี่ยม เขาเรียนรู้มาจากนักพรตมู่หลี่
แต่ว่า คาถาเวทย์นั้นก็ยากอย่างไม่น่าเชื่อ และฟางหยวนก็เพิ่งทำได้หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง
แต่ว่า เมื่อฟางหยวนเข้าสู่โลกความฝันของบุปผากงจักร เขาก็รู้สึกว่าความเข้าใจในโลกของต้นไม้ของเขานั้นก็ลึกล้ำขึ้น ทำให้เขากระโดดข้ามส่วนที่ยากลำบากในการเรียกใช้คาถาไปได้
“ความสามารถนี้ช่วยสนับสนุนการเติบโตของต้นไม้…”
แม้ว่าพิรุณพร่ำใบไม้ผลิจะเป็นคาถาพื้นฐานให้ศิษย์วิญญาณเรียนรู้ใช้งาน แต่นักพรตมู่หลี่ก็บอกว่าเขาใช้เวลาหนึ่งปีในการฝึกจนใช้งานได้แต่ฟางหยวนกลับใช้เวลาเพียงไม่นาน!
ความแตกต่างนี้เกินจะอธิบายได้แล้ว!
“การฝึกฝนในฝันนั้นช่วงชิงพลังจากฟ้าและดิน ด้วยประโยชน์จากทั้งสามโลก… ไม่น่าเชื่อ! ไม่น่าเชื่อ!”
ฟางหยวนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นซ้ำ ๆ ตอนนี้เขาเข้าใจกระจ่างแล้วว่าทำไมจ้าวแห่งฝันถึงอยู่จุดสูงสุดบนโลกของผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรต้าเฉียน
แม้ว่าจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้ จ้าวแห่งฝันก็ยังสามารถเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งด้วยพลังความช่วยเหลืออันร้ายกาจซึ่งเป็นสิ่งที่มีคนทำได้เพียงไม่มาก
“ไปกันเถอะ!”
ฟางหยวนลุกขึ้นและนำฮวาหูเตียวออกจากยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังอยู่ภายในระยะป้องกันของหมอกสะกด
“ซ่า ซ่า!”
บุปผากงจักรหลายต้นและหญ้าวงเดือนขยับไป ตามแผนการของเขา พวกมันหยั่งรากลงที่ตำแหน่งที่เขาได้เลือกเอาไว้และเกิดเป็นแนวป้องกันใหม่ขึ้นมา
“ดูเหมือนต่อให้อู่จงจะพยายามผ่านเข้ามา เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับหมอกสะกดเป็นอย่างแรกและถูกจู่โจมโดยพืชวิญญาณ นี่เป็นอุปสรรคมากพอที่จะรั้งเขาไว้ ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาที่พยายามจะฝ่าเข้ามาก็จะกลายเป็นปุ๋ยให้พืชวิญญาณพวกนี้…”
ฟางหยวนพยักหน้าอย่างพอใจ ยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาปลอดภัยมากขึ้นแล้ว