ท้องฟ้ามืดแล้ว
มันควรจะมีงานเลี้ยงฉลองหลังเสร็จสิ้นพิธีการ
แต่ว่าอี้ซานฝูนั้นกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตที่ใกล้มาถึง ผู้มีอำนาจทั้งหลายล้วนไม่อยู่ในอารมณ์สนุกสนาน พวกเขาล้วนออกจากพิธีการไปหรือไม่ก็รอให้ฟางหยวนออกคำสั่ง
“ท่านเจ้าเมือง!”
ฟางหยวนยืนอย่างสง่างามอยู่บนยกพื้นสูง
จางชิงเฟิงมาถึงด้านหลังเขาและโค้งตัวต่ำก่อนจะรายงาน “รายชื่อตระกูลและสำนักทั้งหลายที่ออกจากเมืองไปอยู่ที่นี่แล้วขอรับ!”
“ดีมาก ในเมื่อข้ารับตำแหน่งนี้แล้ว ข้าจะสั่งให้แม่ทัพหนิวนำทหารไปและเชือดคนพวกนั้นเป็นตัวอย่างให้พวกที่เหลือดู!”
ฟางหยวนลูบคาง ดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ
ประเทศอู่จะมีทีท่าอย่างไรต่อการสำแดงความแข็งแกร่งนี้ของเขากัน?
‘แต่ว่าประเทศอู่จะต้องชดใช้ที่สังหารหลิวเอี๋ยน ข้าก็ยังสามารถซื้อเวลาได้ถ้าข้าสำแดงความแข็งแกร่งของข้าออกไปและทำให้พวกมันสับสน’
‘ไม่มีเวลาฝึกฝนกองทัพ แต่ว่ายังพอมีเวลาชำระล้างตระกูลและสำนักทรยศออกไป!’
ห้องโถงหลัก
เทียนจุดสว่างไสวอยู่รอบ ๆ
ที่รอบ ๆ เสาทองแดงทั้งสี่ต้นนั้นวางก้อนน้ำแข็งเอาไว้เพื่อให้แผ่ความเย็นออกมาแต่ผู้คนในห้องก็ยังรู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวาย
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครรู้สึกสบายใจได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับประเทศอู่
“เจ้าเมืองขึ้นนั่งบัลลังก์!”
พร้อมกับเสียงดนตรี ทั้งห้องโถงเงียบลง
ฟางหยวนนั่งอยู่บนบัลลังก์เก้ามังกรทองและมองลงมาที่กลุ่มคน
ที่ด้านล่างเขา แม่ทัพหนิว จางชิงเฟิง อวี้ซินโหลว จางเฉิง และผู้ช่วยที่เชื่อถือได้อีกหลายคนอยู่ตรงนั้น
เมื่อเห็นเขามาถึงแล้ว ผู้ที่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ก็ดูราวกับพบที่มั่นให้เกาะประคองตัว พวกเขาเงียบลงและรอคำสั่ง
“จางชิงเฟิง อธิบายสถานการณ์!”
ฟางหยวนโบกมือและรักษาสีหน้าไร้ความรู้สึกไว้
“ขอรับ นายท่าน!”
จางชิงเฟิงก้าวออกมาข้างหน้า คารวะฟางหยวนก่อนจะหันหน้าไปหาผู้คน “ตามรายงานของข้า กองทัพประเทศอู่รวมตัวกันอยู่ที่ชายแดนประเทศ พวกมันมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งแสน! นอกจากนี้ แม้ว่าเซี่ยหยางฝูจะยังวุ่นวาย ก็ยังมีกองทัพของชิงฉวนฝูและเมืองหลวงของประเทศเซี่ย พวกเราไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของการเผชิญหน้าหลายด้านได้! กองทหารที่เราต้องเผชิญอาจจะมากกว่าสองแสนนาย!”
คนในห้องโถงตัวสั่น
“แล้วทางด้านของเราล่ะ?”
ฟางหยวนไม่สนใจและถามต่อ
“พวกเรารวมกองทัพจากในหกมณฑล รวมถึงบางส่วนในเซี่ยหยางฝู พวกเรามีทหารประมาณสามหมื่นนาย นอกจากนี้… ส่วนมากแล้วเป็นทหารใหม่ที่เพิ่งได้รับการฝึกฝน!”
จางชิงเฟิงพูดอย่างฝืน ๆ
อี้ซานฝูนั้นขาดนักรบที่มีทักษะสูงเป็นอย่างมากอยู่ตั้งแต่แรก ตอนนี้ แม้แต่ทหารธรรมดาก็ยังไม่พอเมื่อเทียบกับรัฐหรือประเทศอื่น
มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างการพ่ายแพ้แต่ว่าเป็นการสูญเสียที่เอากลับคืนไม่ได้!
“ดีมาก! ข้าในฐานะเจ้าเมือง จะออกคำสั่งแรก!”
ใบหน้าของฟางหยวนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะได้ยินข่าวเลวร้ายทั้งหมด “สำนักและตระกูลที่ภักดีกับอี้ซานฝูให้มารวมกันที่เมืองอี้ซานฝูนี้และเสริมกำลังป้องกัน!”
“ในเวลาเดียวกัน แม่ทัพหนิว นำทหารไปกำจัดทุกผู้ที่มีรายชื่ออยู่บนกระดาษแผ่นนี้!”
“ข้าต้องการให้แน่ใจว่าศัตรูจะไม่สามารถแม้แต่จะฉวยข้าวสักเมล็ดหรือคนสักผู้ไปจากแผ่นดินของข้าได้!”
…
ใบหน้าของทุกคนที่ตรงนั้นเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำสั่ง
“นายท่าน…”
จางชิงเฟิงพูด “ศัตรูมีอำนาจมากเกินไป แผนการนี้ทำได้เพียงซื้อเวลาให้พวกเราได้เล็กน้อย แต่ที่สุดแล้ว มันก็หาได้ใช้การได้ไม่… อี้ซานฝูกำลังจะจมลงไปในปลักแล้ว!”
“ความภักดีของเจ้าสมควรได้รับการยกย่อง!”
ฟางหยวนพูด “ข้ามีแผนการของข้าและเตรียมการเอาไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องพูดอะไรมาก ถอยไปได้แล้ว!”
จางชิงเฟิงถอยออกไป เขาสีหน้ามืดมนก่อนที่จะตระหนักขึ้นได้
เจ้าเมืองผู้นี้อายุยังไม่ 20 ปีดีและมีวิทยายุทธ์และเวทย์ถึงระดับนี้ได้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาก็เป็นอัจฉริยะในด้านอื่นด้วย?
เขากังวลเพราะว่าเคยได้พบอัจฉริยะยุทธ์หลายคนสร้างความวุ่นวายเมื่อพยายามยื่นมือเข้าไปทำเรื่องอื่น
“ขอรับ นายท่าน!”
แม่ทัพหนิวรับคำเสียงดังและเต็มไปด้วยพลัง “ข้ารอจะสอนบทเรียนให้คนพวกนั้นมานานแล้ว! ตอนนี้ พวกมันต้องได้รับรู้พลังจากปลายแส้ของข้า!”
แน่นอนว่าเขาต้องการจัดการกับตระกูลทรยศพวกนั้นที่หักหลังเขาในเซี่ยหยางฝู และจะไม่เบามือกับคนพวกนั้นง่าย ๆ
“ส่วนแม่ทัพเซียง ท่านต้องรักษาบาดแผลของท่านเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง!”
ฟางหยวนยังปลอบใจเซียงจื่อหลง
ทั้งสองคนเป็นผู้ที่มีวิทยายุทธ์สูงที่สุดที่เขามี
“ข้ารอคอยที่จะได้รับใช้ท่านเจ้าเมืองและแก้แค้นให้ท่านเจ้าเมืองคนก่อน!”
เซียงจื่อหลงใช้แขนข้างที่ยังดีอยู่ทำท่าคารวะ “เซียงจื่อหลงรับคำสั่ง!”
“ดีมาก มีพวกเจ้าทั้งสองคนทำงานให้ ข้าจะทำไม่สำเร็จได้อย่างไร?”
ฟางหยวนหัวเราะอย่างยินดีและมอบคำสั่งอื่น “อวี้ซินโหลว ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้ากักตุนของบางอย่าง ยิ่งมากยิ่งดี ส่วนเจ้า จางเฉิง ข้าต้องการให้เจ้าเดินทางไปที่เมืองหลวงประเทศเซี่ยและชิงฉวนฝูเพื่อส่งสาสน์สองฉบับ!”
“ขอรับ นายท่าน!”
“เข้าใจแล้วขอรับ!”
อวี้ซินโหลวและจางเฉิงรับคำสั่งขณะที่เซียงจื่อหลงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถาม “ท่านเจ้าเมือง ไม่ใช่ว่าท่านตัดขาดกับประเทศเซี่ยไปแล้ว?”
เขาขัดจังหวะขึ้นมาทำให้จางชิงเฟิงรู้สึกรำคาญขึ้นมาเล็กน้อยและอวี้ซินโหลวเหลือบมองเขา
“นั่นเป็นกรณีปกติ อย่างไรเสีย อี้ซานฝูก็ถูกยกให้ประเทศอู่ไปแล้ว หลิวเอี๋ยนเองก็ตายไปแล้ว ยังมีเหตุผลอะไรให้เราต้องเป็นศัตรูกันต่อ?”
ฟางหยวนส่ายหน้า “แม้ว่าพวกเขาจะส่งทหารไปช่วยประเทศอู่ มันก็เป็นเพียงแค่ฉากหน้า และทำให้ประเทศข้างเคียงนั้นมีการป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น นี่จะซื้อเวลาให้พวกเราและทำให้พวกเราได้สู้กับประเทศอู่เพื่อตัดสินว่าใครกันแน่ที่จะชนะ!”
“ท่านเจ้าเมืองชาญฉลาดยิ่งนัก!”
เซียงจื่อหลงพอใจกับคำอธิบายและขอตัวออกไป
…
ปลายเดือนเจ็ด หนิวติ้งเทียนจัดการกับตระกูลและศิษย์ในสำนักที่ทรยศทั้งหมดเรียบร้อย
ประเทศอู่ไม่สามารถช่วยอะไรคนทรยศพวกนี้ได้ หนิวติ้งเทียนนั้นเป็นอู่จงและยังมีกองทัพใหญ่สนับสนุน ไม่มีใครสู้เขาได้
ยกเว้นคนที่รู้บางอย่างที่รอดไปได้และหนีออกไปจากรัฐนานแล้ว ผู้อื่นล้วนไม่โชคดีเช่นนั้น
ผู้คนมีการย้ายถิ่นฐานตั้งแต่นั้นเช่นกัน
การเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ได้เป็นที่รู้กันทั่วไปและฟางหยวนก็ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวนั้นในฐานะเจ้าเมืองคนใหม่
ค่ายทหารประเทศอู่
ทหารอู่ตั้งค่ายพร้อมยกธงของกองทัพขึ้นสูง แต่ละส่วนขุดคูล้อมและวางยามแน่นหนา ทหารทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองและเป็นไปไม่ได้ที่จะรบกวนหรือวางยาพิษในกองทัพ
พวกมันทุกคนแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อ ใบหน้าดูพร้อมที่จะลงมือสังหารทุกเมื่อ
ประเทศอู่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับกองกำลังทหารที่ราชาเป็นผู้ถือครองอำนาจเด็ดขาด กองทัพมีตำแหน่งลดหลั่นกันถึง 20 ขั้น และทหารยังได้รับตกรางวัลอย่างหนักสำหรับความพยายาม ทั้งทอง เงิน ผู้หญิง ที่ดินและแม้แต่ตำรายุทธ์ ดังนั้น ทหารจึงยินดีที่จะออกรบและขวัญและกำลังใจของกองทัพประเทศอู่ยังเหนือกว่าประเทศข้างเคียงอื่น ๆ มีเพียงทหารม้าของประเทศหยวนที่เหนือกว่าพวกมันในด้านการรบในทุ่งหญ้า
“ท่านราชครู!”
ในกระโจมหลังใหญ่ พื้นปูด้วยพรมทอจากด้ายทองคำถูกก้าวเหยียบลงไปอย่างไม่เกรงใจ ธูปจุดอยู่สี่มุมปล่อยควันสีเขียวออกมา
อู่อู๋เต๋านั่งขัดสมาธิอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมองนักพรตซวนเชิง
“เนตรหกวิญญาณของเจ้านับเป็นเอกในสามเคล็ดวิเศษแห่งประเทศอู่ เมื่อคิดว่ามันถูกทำลายไปแล้ว?”
หัวใจของอู่อู๋เต๋ากระตุกไปครั้งหนึ่งขณะมองโพรงที่เคยมีลูกตาอยู่
“เจ้าเมืองคนใหม่ของอี้ซานฝูไม่ใช่คนธรรมดา เขาอันตรายต่อประเทศอู่!”
ซวนเชิงพูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้องพูดถึงการฝึกตนภายนอกของเขา เพียงแค่พลังเวทย์ของเขาก็แข็งแกร่งมากถึงจุดที่เรียกได้ว่าน่าหวาดเกรง!”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น? เขาต้องเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งที่สามารถฝ่าขอบเขตแยกธาตุได้!”
อู่อู๋เต๋าถอนหายใจ “แรกเลยก็หลิวเอี๋ยน ต่อมาก็ฟางหยวน เหตุใดผู้ที่เก่งกาจเช่นนี้จึงไม่เกิดในประเทศอู่? เฮ่ย… สวรรค์ปฏิบัติกับประเทศอู่อย่างไม่เป็นธรรมและปฏิบัติกับประเทศเซี่ยอย่างใจกว้างเกินไปแล้ว!”
“ไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นจากการไม่ยอมรับลิขิตฟ้า!”
ซวนเชิงตอบ “ประเทศเซี่ยนั้นอ่อนแอและไม่สามารถใช้ประโยชน์จากผู้มีพรสวรรค์ได้ นี่เป็นสาเหตุของปัญหาทั้งหมด มันเป็นโอกาสอันดีที่สวรรค์มอบให้ประเทศอู่!”
“พูดได้ดี!”
อู่อู๋เต๋าปรบมือและหัวเราะ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เขารีบโยนยาเม็ดหนึ่งเข้าปากแล้วกลืนลงไป
เม็ดยานั้นมีสีขาวราวหิมะและเก็บเอาไว้ในขวดหยกสีดำ หลังจากเม็ดยาออกจากขวดหยกแล้ว ที่ด้านในกระโจมก็ราวกับมีลมเย็นโชยเข้ามาและอุณหภูมิก็ลดลงหลายระดับ
“ยาเม็ดอาคมน้ำแข็ง? บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ซวนเชิงขมวดคิ้ว
“กระบวนท่าของหลิวเอี๋ยนรุนแรงจริง ๆ แม้จะมียาอาคมน้ำแข็ง ข้าก็เกรงว่าข้าจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือนเพื่อให้สะกดอาการบาดเจ็บไว้ได้!”
อู่อู๋เต๋าลดเสียงลง “ข้าส่งข้อความไปบอกศิษย์ไร้ประโยชน์ทั้งสองของข้าและแม่ทัพเฟยหลงให้มาช่วยแล้ว!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น อี้ซานฝูก็ไม่นับเป็นปัญหาแล้ว!”
ซวนเชิงพยักหน้าและดูพอใจ
ราชครูเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่ถึงระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุแล้ว เขายังมีทักษะการสอนที่โดดเด่นและมีศิษย์กว่า 300 คน สองคนในนั้นเพิ่งฝ่าขึ้นเป็นจอมยุทธ์ผู้ใช้พลังธาตุได้
ส่วนแม่ทัพเฟยหลง ก็เป็นอัจฉริยะผู้มีชื่อเสียงของประเทศอู๋ เขาเข้าร่วมการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนและชนะมาทั้งหมด เขายังเป็นจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจที่สามารถรับมือและเอาชนะอู่จงได้สามคน! เขาอยู่ในตำแหน่งอันดับสองของประเทศอู่รองจากราชครู!
ด้วยกำลังทหารเช่นนี้ อี้ซานฝูที่มีผู้ใช้พลังธาตุเพียงสามคนย่อมต้องเผชิญกับหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย!
“นอกจากนี้…”
นักพรตชราซวนเชิงทำท่าลึกลับ เขาก้าวเท้ามาข้างหน้าสองสามก้าว “ข้ามีแผนการที่ข้าค่อนข้างแน่ใจว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จสูง!”
“หืม? ว่ามา!”
อู่อู๋เต๋าเลิกคิ้ว
“บอกท่านตามตรง ข้าได้แฝงคนของข้าหลายคนเอาไว้ในอี้ซานฝู ขณะที่ส่วนมากถูกถอนรากถอนโคนออกมานั้น สายลับที่สำคัญที่สุดยังคงอยู่!”
ซวนเชิงพูดต่อ “ตามที่เขาพูด แม้ว่าเจ้าเมืองจะมีระดับวิทยายุทธ์สูง แต่เขาก็ไม่รู้เรื่องการทำสงครามและค่อนข้างใสซื่อ เขาเตรียมการที่จะจัดการกับทุกอย่างให้เสร็จภายในครั้งเดียว ทำไมเราไม่เล่นตามแผนการของคนผู้นั้นไป แม้ว่าพวกเราจะชนะ พวกเราก็ต้องทำให้พวกมันกลัวพวกเราโดยการชนะอย่างหมดจด!”