“ครืน! ครืน!”
ขณะที่พื้นดินแตกออก เถาวัลย์หนาหนามแหลมก็ยืดตัวออกราวกับเป็นมือปิศาจ
ที่บนลำต้น มีหญ้าวงเดือนที่มีใบบางคมกริบอยู่มากมาย
“ฉัวะ!”
ใบหญ้าวงเดือนเป็นประกายจากเงาสะท้อน แม้แต่ทหารที่เก่งกาจที่สุดก็ยังต้องตายตกลงเมื่อถูกพืชร้ายกาจพวกนี้ล้อมเอาไว้
“สวบ! สวบ!”
บุปผากงจักรสีสดอ้าปากใหญ่ของมันและกลืนทหารทั้งคนลงไปโดยไม่ลังเล พวกมันดูพึงพอใจเป็นที่สุด
ราวกับค่ายกลธรรมดาชิ้นหนึ่ง ดอกไม้และหญ้าวิเศษปกคลุมไปทั่วเมืองซางชาน กลืนกินทหารจากประเทศอู่ไปเกือบครึ่ง
แม้ว่าจะมีผู้ที่เก่งกาจพอที่จะทำลายบุปผากงจักรไปได้หนึ่งหรือสองก้านก็ไม่สามารถหลบพ้นได้
ปริมาณของต้นไม้และความจริงที่ว่าพวกมันสามารถเติบโตได้ทันทีที่สัมผัสพื้นดินและยังมีความสามารถพิเศษที่จะคลั่งขึ้นมาทำให้พืชวิญญาณที่วิวัฒน์ไปทั้งสองอย่างนี้กลายเป็นเครื่องบดเนื้อขนาดเท่าคนจริง
“อา… นี่มัน…”
ด้านนอกเมือง แม่ทัพเฟยหลงงุนงง ดวงตาแดงก่ำ เห็นศพทหารมากมายของตนแล้ว เขาก็โมโหและกระอักเลือดออกมา
แม้ว่าบางคนจะเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังไม่ใช่คู่มือของทั้งเมืองอี้ซานฝู
ความสูญเสียครั้งใหญ่นี้ไม่เพียงทำลายเป้าหมายของประเทศอู่แต่ยังทำให้กองทัพอันแข็งแกร่งของเขาอ่อนแอลง แม้แต่ประเทศอู่ก็ไม่มั่นคงอีกต่อไปแล้ว!
แม้ว่าตัวเขาเองผู้เป็นแม่ทัพจะเสียหน้าให้กับการพ่ายแพ้ครั้งนี้ แม่ทัพคนอื่นก็โกรธเกรี้ยวเช่นกันและพยายามโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
“พวกมันดูเหมือนบุปผากงจักรและหญ้าวงเดือนเลย…”
ขณะที่อู่อู๋เต๋ามองภาพตรงหน้า เขาก็ขมวดคิ้ว “พวกมันเป็นพืชวิญญาณธรรมดา ทำไมมันถึงพัฒนากลายเป็นร้ายกาจเช่นนี้ได้?”
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ขนาดของมัน ความร้ายกาจและความสามารถในการทนไฟ พวกมันก็สามารถก่อตัวขึ้นเป็นค่ายกลได้ด้วยตัวมันเองและโจมตีไปพร้อม ๆ กัน ไม่มีใครสามารถบอกว่ามันเป็นแค่พืชวิญญาณธรรมดาได้อีกต่อไป
…
“ท่านเจ้าเมือง? นี่มันอะไรกัน?”
หนิวติ้งเทียนและจางชิงเฟิงรู้สึกยินดีมาก
ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขาเรียกว่าหมดหวังและหดหู่ การป้องกันอันแข็งแกร่งครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขายินดีจนพูดไม่ออก
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ว่ามันยังนำมาซึ่งโอกาส พวกเขาอาจจะพลิกเอาชนะได้!
“นี่เป็นค่ายกลพืชวิญญาณที่ข้าตั้งเอาไว้! ต้องขอบคุณอวี้ซินโหลวที่ทำให้ข้าสามารถสร้างมันขึ้นมาใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้…”
ฟางหยวนพยักหน้า
“ทั้งหมดนี่เป็นแผนการของนายท่าน ข้าจะกล้ารับความชอบนี้ได้อย่างไร?”
อวี้ซินโหลวรีบคุกเข่าลงตอบ
เขาเองก็ประหลาดใจมาก ในฐานะพ่อค้า เขารู้ว่าที่นี่มีพืชวิญญาณจำนวนมาก แต่มันก็เป็นแค่ดอกไม้และหญ้าวิเศษธรรมดา ๆ เขายังคงไม่เข้าใจว่ามันกลายมาเป็นสิ่งน่ากลัวขนาดนี้ได้อย่างไร
ฟางหยวนยิ้ม แบบที่ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความลี้ลับ
ทักษะ [การดูแลพืช (ระดับ 5)] กับดอกไม้และหญ้าวิญญาณจำนวนมาก กับปุ๋ยวิเศษและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และที่ร้ายกาจที่สุดก็คือสภาพแวดล้อมอันเฉพาะของสนามรบ ทั้งหมดสร้างเป็นกับดักแห่งความตายขึ้นมา!
‘แม้ว่าบุปผากงจักรและหญ้าวงเดือนกลายพันธุ์จะร้ายกาจ พวกมันเติบโตได้อย่างรวดเร็วและไม่ได้ต้องการพื้นดินที่ดีงามมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเลือดและเนื้อมาเลี้ยง…’
ปริมาณการเสียชีวิตในซางชานตอนนี้นั้นมากกว่าหนึ่งหมื่นแล้ว! มันเทียบได้กับโรงเรือนเพาะปลูกที่ดีที่สุดสำหรับพืชพวกนี้
เดิมทีก็เป็นพืชโตเร็วอยู่แล้ว เมื่อได้ปุ๋ยวิเศษและทักษะ [การดูแลพืช (ระดับ 5)] ของเขา ใต้ดินเมืองซางชานก็เต็มไปด้วยต้นอ่อนของดอกไม้และหญ้าวิญญาณ ขณะที่พวกมันกลายเป็นค่ายกล
ด้วยทักษะการดูแลพืชปัจจุบันของฟางหยวน โอกาสที่พืชวิญญาณธรรมดาจะกลายพันธุ์นั้นมีสูงมาก โดยเฉพาะกับพืชที่มีจำนวนมาก
เขายังคงไม่พอใจ และกลับไปที่ยอดเขาชอุ่มนำราชาบุปผากงจักรมาด้วย ใช้มันเป็นศูนย์กลางควบคุมบุปผากงจักรอื่นให้เชื่อฟังคำสั่งของเขา
ไม่อย่างนั้น เหตุใดดอกไม้และหญ้าวิญญาณพวกนี้ถึงกลายเป็นเชื่อฟังและกระทั่งรู้ว่าต้องสังหารอย่างไร? เหตุใดพวกมันจึงซ่อนอยู่เงียบ ๆ ใต้ดินและไม่สร้างความวุ่นวายภายนอก?
“หญ้าวงเดือนและบุปผากงจักรนั้นเป็นมิตรกัน ขณะที่บุปผากงจักรสามารถเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ได้ มันก็พาหญ้าวงเดือนไปด้วย และก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าเครื่องมือสังหารจะทำได้…”
เขามีประกายเย็นชาในดวงตา “ด้วยความช่วยเหลือของทักษะเจ้าแห่งความฝันของข้า มันก็ง่ายมากที่จะหลบเลี่ยงการตรวจสอบพบจากนักรบศักดิ์สิทธิ์หรืออู่จงของฝ่ายศัตรู และยังสามารถทำให้พวกมันประหลาดใจ…”
เมืองดอกไม้และหญ้าวิเศษตรงหน้าเขานั้นกลายเป็นนรกบนดิน และยังออกดอกออกผลแล้ว
“จางชิงเฟิง!”
ฟางหยวนเรียก
“ขอรับนายท่าน!”
จางชิงเฟิงตอบอย่างตื่นเต้น
“จัดกลุ่มทหารใหม่ และเตรียมการโต้ตอบกลับ!”
“ขอรับ นายท่าน!”
ทั้งเมืองซางชานนั้นยากจะบรรยาย
เพราะการจัดขบวนทหารแบบพิเศษ กองทัพของฟางหยวนจึงไม่ได้สูญเสียมากนัก แม้แต่ทหารยามตลอดทางจากกำแพงเมืองก็สามารถวิ่งเข้ามาในเมืองได้และไม่ได้รับกระทบจากการโจมตีนัก เขาสามารถจัดทหารใหม่ราวห้าพันคน
แต่ว่า กองทัพอู่นั้นส่งทหารทั้งหมดมาเป็นแนวหน้า หลังจากสู้กันอยู่ครึ่งวัน พวกมันก็ล้มตายไปจำนวนมาก และการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ทำให้พวกมันเริ่มเสียเปรียบ ทั้งกองทัพถูกทำลาย
“ฆ่า!”
ขณะที่จางชิงเฟิงเข้าสู่สนามรบ ความตั้งใจของเขาก็ชัดเจน
พืชปิศาจนั้นเลี่ยงทหารของอี้ซานฝู และโจมตีใส่เพียงทหารของประเทศอู่ ทั้งทหารและแม่ทัพที่มองจากไกล ๆ ก็ล้วนรู้แล้วว่าสงครามจบลงแล้ว
“ถอย!”
“รีบถอย!”
ทหารที่เข้าไปในเมืองกลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ และทหารที่ด้านหลังก็รีบถอยราวกับเป็ดแตกฝูง พวกมันวิ่งไปโดยไร้ผู้นำ สิ่งเดียวที่มันรู้ก็คือ ยิ่งไปให้ห่างจากเมืองยิ่งดี
“ครืน!”
ราชาบุปผากงจักรไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป! เสียงครืนดังมา เถาวัลย์ผุดขึ้นจากพื้นและขวางทางถอยของเหล่าทหาร มันมีความสุขกับอาหารของมัน
“ฆ่า!”
จางชิงเฟิงเปิดทางภายในดงดอกไม้วิเศษและไล่ตามไป เขาลงมือสังหารราวกับไม่มีผู้อื่นลงมือแล้ว ราวกับตัวเองเป็นหญ้าวงเดือนเสียเอง
“ถอย! ถอย!”
ถึงตอนนี้ แม่ทัพเฟยหลงจึงได้สติขึ้นมา
เขาสูญเสียมหาศาล! ไม่มีความหวังให้พลิกกลับมาแล้วกับการพ่ายแพ้ขนาดนี้
สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือถอยและลดการตายลง
“เจ้าสัตว์ประหลาด!”
อู่อู๋เต๋าและนักพรตชราซวนเชิงร่วมกับนักรบศักดิ์สิทธิ์คนอื่นเริ่มลงมือสู้กับพืชวิญญาณ
เมื่อเขายื่นนิ้วออกมา เถาวัลย์หนามก็แตกกระจายเป็นชิ้น ๆ ราวกับถูกงูพิษกัด ไม่เพียงเท่านั้น บุปผากงจักรทั้งต้นก็ร่วงสู่พื้น และไม่นานก็ตายไป
“ดัชนีสังหารเทพ!”
นักพรตชรามองอู่อู๋เต๋าราวกับสามารถมองเห็นผ่านกระบอกตากลวงเปล่าได้ เขาโบกแขนเสื้อและตัดหญ้าวงเดือนสองต้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“นี่ไม่ดีแล้ว…”
แรงสะเทือนจากการทำลายพืชเหล่านี้ทำให้เขากังวล
“ดอกไม้และหญ้าวิเศษเหล่านี้ทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ พวกมันเหี้ยมโหดและกินเลือดเป็นอาหาร… แต่ละต้นเทียบได้กับผู้ใช้กำลังภายใน…”
นักพรตชราซวนเชิงถอนหายใจ “ถ้าพวกเรารออยู่ที่นี่และติดอยู่ภายในดงต้นไม้พวกนี้ จะเป็นปัญหามากขึ้น ถ้าใครสักคนที่ระดับเดียวกับพวกเราเข้ามาลอบสังหาร เช่นนั้นพวกเราก็คงไม่รอดได้…”
“พวกเรายังคงรับมือกับพวกมันหนึ่งหรือสองต้นได้ แต่ดูจำนวนมากมายนั่นแล้ว…”
อู่อู๋เต๋านั้นมีสายตาที่ดี และสามารถตรวจพบบุปผากงจักรที่ใหญ่ที่สุดท่ามกลางพืชทั้งหมดได้ มันกินทหารเข้าไปสามคนและพ่นดอกตูมหลายดอกออกมาท่ามกลางกองเลือด
เมื่อดอกตูมแตะพื้น พวกมันก็รับเลือดเข้าไปและเติบโตขึ้นด้วยความเร็วน่าตระหนกระดับที่มองเห็นได้ ไม่นานหลังจากนั้น มันก็กลายเป็นความน่ากลัวด้วยอีกต้นหนึ่ง พร้อมที่จะกินเลือดเนื้อมากขึ้น
บุปผากงจักรและหญ้าวงเดือนเพียงต้นเดียวนั้นทำอะไรไม่ได้มาก ต่อให้มันกลายพันธุ์ไปก็ตาม
แต่ว่า ถ้ามีจำนวนมากพอ ระดับความน่ากลัวก็เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า
“ใครจะรู้ว่าเจ้าเมืองอี้ซานฝูจะมีกระบวนท่าเช่นนี้… ควบคุมพืชวิญญาณ?”
ในหัวใจของอู่อู๋เต๋า ความระแวงต่อฟางหยวนพุ่งสูงขึ้น
“ไปกันเถอะ พวกเราได้เวลาออกไปแล้ว!”
เมื่อผลของสงครามเห็นได้ชัดเจนแล้ว ฟางหยวนก็เรียกหาหนิวติ้งเทียน พวกเขาขี่ไปบนหลังราชานกหงเอี่ยนป๋ายด้วยกันข้ามกำแพงเมืองออกไป พวกเขาวนอยู่บนฟ้า ไม่นาน ก็สามารถระบุตำแหน่งอู่อู๋เต๋าและพวกได้
ใช้ความสามารถของนักรบศักดิ์สิทธิ์และอู่จง จอมยุทธ์ระดับพลังธาตุพวกนี้ก็สามารถเปิดทางหนีอันปลอดภัยได้สายหนึ่งให้ทหารธรรมดาได้หนีออกมา
นักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งใช้คาถาเวทย์ธาตุไฟ
ไฟศักดิ์สิทธิ์ของเขาต่างไปจากของหลิวเอี๋ยน มันมีสีดำราวหมึก ราวกับน้ำมันสีดำที่ลุกเป็นไฟ และยังมีความสามารถในการเผาทุกอย่างที่สัมผัสกับมัน
แม้ว่าบุปผากงจักรและหญ้าวงเดือนจะทนไฟ พวกมันก็ยังคงกลายเป็นเถ้าหลังจากสัมผัสเข้ากับไฟศักดิ์สิทธิ์ แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของไฟศักดิ์สิทธิ์
แต่ว่า แม้แต่นักรบศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังเหงื่อกาฬหลั่งไหล ดูเหมือนจะใช้คาถาเวทย์จนหมดแรงแล้วเช่นกัน
“เจ้านั่นเอง!”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกาย
ท่ามกลางจอมยุทธ์ระดับพลังธาตุทั้งสาม เขามีระดับการฝึกตนต่ำที่สุด เขาพบจุดอ่อนที่สุดให้ลงมือแล้ว
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
พอราชานกหงเอี่ยนป๋ายร้อง ขนของมันก็ย้อมสีแดงขณะพุ่งตัวลงไปเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
“ตายซะ!”
ฟางหยวนใช้คำรามหยุดฟ้าที่รับมือได้ยาก
เมื่อนักรบศักดิ์สิทธิ์งันไป กรงเล็บอินทรีก็ตวัดเข้าใส่เขา เมื่อเขาตื่นจากภวังค์ มันก็สายไปแล้ว
“อ๊า…”
เขามีระดับการฝึกตนเพียงพอให้หลบกรงเล็บและถอย แต่ก็ปรากฏรอยเลือด 5 สายบนหน้าอกของเขาไปแล้ว
“ตาย!”
ฟางหยวนไร้ปรานีขณะพุ่งผ่านไป ครั้งนี้เขาเตะขาออก
การตวัดกรงเล็บและเตะขาออกนี้เป็นกระบวนท่าที่วางแผนมาแล้วว่าจะปิดทางหนีทั้งหมดที่เป็นไปได้ของนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ ต่อมาเขาก็จะเอาชีวิตคนผู้นี้เสีย
“อย่าได้กำแหงเกินไป!”
ขณะที่ขาของเขาตวัดไปด้านข้าง นักรบศักดิ์สิทธิ์ก็ล้มลงและกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ทันใดนั้น ก็ปรากฏเงาขึ้นที่ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ ขวางฟางหยวนจากการเตะเขาให้ตายไป
“แม่ทัพเฟยหลง?”
ขณะที่ฟางหยวนมองชายวัยกลางคนตรงหน้า เขาก็คิดถึงแม่ทัพเฟยหลง
มีเพียงอู่จงผู้มากประสบการณ์ที่จะสามารถช่วยชีวิตนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ได้ในเวลาพริบตาเดียวเช่นนี้
เทียบกับเขาแล้ว อู่อู๋เต๋าและนักพรตชราซวนเชิงยังด้อยกว่านัก
‘น่าเสียดายที่ข้าจัดการเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรเช่นกัน… นักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นใช้การไม่ได้แล้วตอนนี้ และไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับการต่อสู้ได้แล้ว!’
เมื่อเขามองไปที่นักรบศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเป็นครึ่งตายแล้ว เขาก็อารมณ์ดีขึ้น และกวาดตามองคนที่เหลือ