ในทะเลสาบ มีเรือหลายลำ
ตั้งแต่มีเทศกาลจันทราเมามาย ก็มีผู้ฝึกยุทธ์ที่มาจากทุกแห่งหนและดูจะเป็นบ้าไปกับพวกชาวประมงที่นี่ พวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ที่ทะเลสาบจันทราเมามาย
อย่างไรเสีย การเริ่มต้นขึ้นของเทศกาลจันทราเมามายก็หมายถึงว่าจะมีปลาเงินเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เหมือนปีที่ผ่าน ๆ มา
ไม่ต้องพูดถึงว่า ท่ามกลางปลาเงินธรรมดา อาจจะมีปลาเงินจันทราเมามายอันมีค่าสูงลิบ
พวกเขาจับปลาเหล่านี้ได้ไม่ว่าเท่าไหร่ ร้านอาหารริมทะเลสาบก็จะรับซื้อด้วยเงินก้อนที่ราคามาตรฐาน
ด้วยความล่อลวงใจเช่นนี้ ทุกคนตั้งแต่อายุสามปีจนแก่ล้วนเข้าร่วมการตกปลาอย่างบ้าคลั่งนี้ บางคนกระทั่งยอมลอยอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบบนแผ่นไม้บาง ๆ โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตนเอง
แน่นอนว่า ภายใต้ผลกำไรมหาศาล หลายชีวิตก็สูญสิ้นไป มีศพนับไม่ถ้วนอยู่ที่ใต้ทะเลสาบ
แต่เหล่าผู้ฝึกตนนั้นมีรสนิยมต่างออกไป
พวกเขาจะพอใจกับเพียงปลาธรรมดาได้อย่างไร
พวกเขาทั้งหมดล้วนสนใจในปลาวิญญาณและของวิเศษที่ส่วนลึกของทะเลสาบจันทราเมามาย และยังสุรากำเนิดวสันต์ซึ่งมีพูดถึงในตำนานว่าเปลี่ยนน้ำทั้งทะเลสาบนี้ให้กลายเป็นเหล้า!
“แน่นอนว่า สุรากำเนิดวสันต์นั้นลึกลับและดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมา…”
ตั้งแต่รู้ถึงการมีตัวตนของ ‘ท่านผู้นั้น’ ฟางหยวนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง
คนผู้นั้นอาจจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ทะเลสาบจันทราเมามายก็ได้ ด้วยพลังที่ราวกับเทพเจ้าของเขา มันให้ความรู้สึกน่ากลัวและแทบจะทำให้ฟางหยวนอยากจะกลับบ้านไป
อย่างไรเสีย ‘ท่านผู้นั้น’ นั่นก็ไม่ใช่อาจารย์ของเขาที่สอนเขาทุกอย่างที่รู้โดยไม่ลังเล ตรงกันข้าม โอกาสที่คนผู้นั้นจะเป็นคนชั่วร้ายนั้นสูงมากทีเดียว และนั่นอาจจะเป็นอันตราย
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
อินทรีดำหางเหล็กกระพือปีกของมัน เกิดสายลมหอบใหญ่
ขณะที่สายลมพัดมาทางเขา เสื้อผ้าของฟางหยวนก็ยังคงทิ้งตัวปกติ
“เหล่าอวี้พูดถูก บรรพบุรุษของเจียงเทียนหวังเคยทำมาหากินอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบ และแผนที่ใต้น้ำของเขาย่อมวาดขึ้นมาอย่างปราณีต…”
ฟางหยวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังอินทรี เขาเปิดแผนที่ที่ซื้อมาดูและเทียบมันกับแผนที่ของเขาเอง ขณะที่เขาหาบทสรุปได้
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
อินทรีดำหางเหล็กส่งเสียงร้อง มันรู้สึกมึนเมาเล็กน้อยจากอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นสุรา ทันใดนั้น มันก็พุ่งตัวลงและทำให้เกิดคลื่นบนผิวทะเลสาบด้วยกรงเล็บของมัน ในตอนที่มันโผขึ้นจากน้ำ มันก็จับปลาสีเงินสองตัวที่กำลังดิ้นรนเอาไว้ด้วยกรงเล็บของมัน
“หืม?”
ปลาสีเงินที่กำลังดิ้นไปมานั้นมาพร้อมกับกลิ่นสุรารุนแรงที่แทบทำให้น้ำลายสอ
ฟางหยวนมองแผนที่สมบัติในมือตัวเอง จากนั้นก็แผนที่ใต้น้ำ รู้สึกจนปัญญา
“ยิ่งข้าเข้าใกล้สมบัติมากเท่าไหร่ ปลาเงินจันทราเมามายก็ยิ่งมากขึ้น ถ้าเป็นไปตามนี้ ข้าเกรงว่า…”
อันที่จริง ถึงตอนนี้ อินทรีดำหางเหล็กก็กินปลาทั้งสองตัวลงไปแล้ว ขณะที่มันเล็งไปที่ฝูงปลาอีกฝูง ก็เกิดบางอย่างขึ้น!
“ซ่า!”
ท่ามกลางวงน้ำที่กระเซ็นขึ้นมา มีปลาสีเงินยวงตัวหนึ่งยาวประมาณ 25 นิ้วกระโดดขึ้นจากทะเลสาบตรงเข้าสู่กรงเล็บของอินทรีดำหางเหล็ก
เกล็ดของมันเป็นประกาย ผิวของมันราวกับหยก ทันใดนั้น มันก็อ้าปากออกและพ่นน้ำใส่ตาของอินทรีดำหางเหล็ก
“ซู่!”
สายน้ำที่ถูกพ่นออกมายิ่งมายิ่งรวดเร็ว อินทรีดำหางเหล็กสามารถหลบได้อย่างฉิวเฉียดและเมื่อน้ำสายนั้นกระทบถูกลำคอของมัน ขนหลายเส้นก็หลุดออก มันเบี่ยงตัวเล็กน้อยในระหว่างการต่อสู้และแทบจะพุ่งลงไปในน้ำ เสียงร้องด้วยความโมโหดังมา
ปลาสีเงินตัวนั้นเจ้าเล่ห์นัก เมื่อน้ำที่มันพ่นออกมาถูกตัวเจ้านกอินทรี มันก็พลิ้วลงไปในน้ำและเพียงพลิกหาง มันก็หายวับไป อินทรีดำหางเหล็กทำได้เพียงกรีดร้องยาว
“ปลาวิญญาณที่ยอดเยี่ยม!”
ฟางหยวนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากบนหลังของอินทรีดำหางเหล็ก ปลาเงินตัวนี้มีความคิดของมันเอง ไม่เหมือนปลาเงินทั่วไป มันต้องเป็นสัตว์วิญญาณอย่างแน่นอน!
ถ้าผู้ฝึกยุทธ์ได้กิน ก็จะแข็งแกร่งขึ้น ถ้าจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุได้มันไป เขาก็สามารถสกัดพลังจากมันแล้วเปลี่ยนเป็นเม็ดยาวิญญาณได้!
อวี้เฟยฉุยใช้เงินตั้งมากสร้างเรือเหาะโลหะขึ้นมาและส่งผู้ช่วยทั้งหมดออกมาเพื่อปลาวิญญาณเช่นนี้แหละ
“สัตว์วิญญาณนั้นมีค่ามาก ด้วยขนาดของทะเลสาบนี้ น่าจะมีปลาวิญญาณจำนวนมากอาศัยอยู่… บางทีปลาพวกนี้อาจจะพอให้สร้างจอมยุทธ์ขึ้นมาสักกลุ่มก็ได้ด้วยซ้ำ?”
เมื่อคิดถึงการฝึกตนหรือการฝึกวิทยายุทธ์ พื้นฐานและทรัพยากรนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
แล้วทรัพยากรที่ว่านั้นมาจากไหน? ก็ย่อมได้มาจากเหล่าของวิเศษ!
ถ้าคนผู้หนึ่งมีพรสวรรค์และยังมีของวิเศษมาสนับสนุนอย่างเพียงพอ คนผู้นั้นย่อมก้าวตามรอยเท้าอันราวกับปาฏิหาริย์ของฟางหยวนและทะลวงฝ่าทุกประตูทองสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
“แน่นอนว่า หลังจากประตูสื่อ ประตูสู่อู่จงนั้นอาจจะต้องมีความสามารถและมีพลังเวทย์สูงพอ ไม่ใช่ของวิเศษทุกอย่างจะมีความสามารถในการเพิ่มพลังเวทย์ได้”
ฟางหยวนชี้เกาะเล็ก ๆ และสั่งให้อินทรีดำหางเหล็กไปร่อนลงที่นั่นและพักผ่อน มองผิวน้ำที่สะท้อนแสงเป็นระยะ ฟางหยวนก็จมลงในภวังค์ความคิด “ปลาวิญญาณนี้ไม่เลวเลย ถ้าสามารถเอามาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ ข้าอาจจะลองสร้างบ่อน้ำสักบ่อไว้บนยอดเขาชอุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์…”
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
หลังจากฟางหยวนลงจากหลังอินทรีดำหางเหล็ก มันก็บินไปที่ทะเลสาบเพื่อสร้างปัญหาให้กับพวกปลา เพียงแค่รอบเดียว มันก็จัดการจับปลาเงินเมามายมาได้ถึงสิบตัว แต่ไม่มีตัวไหนพิเศษ
ตรงกันข้าม อินทรีดำหางเหล็กถูกพ่นน้ำใส่โดยปลาวิญญาณนั่นหลายครั้งและมีสภาพน่าอดสูนัก
“ฮ่าฮ่า…”
ขณะที่ฟางหยวนมองภาพตรงหน้า เขาก็เข้าร่วมอย่างยินดี “ข้าจะแก้แค้นให้เจ้า! ไปกันเถอะ!”
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ด้วยความช่วยเหลือของเขา อินทรีดำหางเหล็กก็มีแรงขึ้นมาทันที มันเล็งไปที่ปลาฝูงหนึ่งและพุ่งลงไป
“ซ่า!”
ปลาฝูงนั้นกระเจิงหนีไป ที่ด้านข้าง วงน้ำปรากฏขึ้นขณะที่ปลาวิญญาณกระโดดขึ้นมา พร้อมกับการพ่นน้ำ สายน้ำพุ่งตรงไปที่อินทรีดำหางเหล็ก
อย่างไรเสีย อินทรีดำหางเหล็กก็เป็นนก และมันก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบที่จะเล่นซ่อนหากับปลาวิญญาณในน้ำ
“จะหนีเหรอ?”
ฟางหยวนหัวเราะ เขาตวัดมือข้างขวาและทำลายน้ำที่พุ่งเข้ามาทิ้ง
“ฝุบ!”
ไม่เพียงแค่นั้น พลังของเขาที่นุ่มนวลราวเส้นไหมแต่แข็งแกร่งราวกับเหล็ก เมื่อพุ่งลงไปในทะเลสาบ มันก็หายไป
ฟางหยวนหลับตาลงและใช้พลังเวทย์ของเขาในการควบคุมพลัง ทันใดนั้น เขาก็คำรามออกมา
“ขึ้นมา!”
“ซ่า!”
ขณะที่ผิวน้ำแตกกระจายออก ปลาวิญญาณที่พ่นน้ำใส่เจ้านกอินทรีก็ถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ หางของมันสะบัดไปมาไม่หยุด
กระบวนท่าลึกลับนี้เป็นข้อพิสูจน์ความสามารถในการควบคุมพลังธาตุที่ส่งออกมานอกร่างกายของเขาเช่นเดียวกับการพัฒนาทักษะของจ้าวแห่งฝันในการแฝงฝัน
“ฝุบ! ฝุบ!”
เพียงแค่พลิกข้อมือ เขาก็โยนปลาวิญญาณไปที่บนเกาะและกวาดตามองทะเลสาบหาตัวอื่น ๆ พร้อมกับอินทรีดำหางเหล็ก เขาจัดการจับปลาวิญญาณได้อีก 5 ตัวในระยะเวลาอันสั้น
“เอาละ พอแล้ว!”
หลังจากประเมินความกระหายอยากของเจ้าอินทรีดำหางเหล็ก ฟางหยวนก็หยุดจับปลาเพิ่มและกลับไปที่เกาะ เขาเก็บกิ่งไม้แห้ง ๆ มาและเริ่มก่อกองไฟและปรุงปลาพวกนั้นเป็นอาหาร
ปลาเงินจันทราเมามายนั้นเป็นความภูมิใจของประเทศจู
เขาเคยชิมมาก่อนแล้วที่ตำหนักจันทร์เคลื่อนคล้อย และมันก็ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ เห็นปลาวิญญาณนี้อีกครั้ง เขาก็อดจะกินเข้าไปให้มากไม่ได้
“รมควันปลาพวกนี้ ข้าก็จะเอากลิ่นคาวออกไปได้ ในเมื่อในเนื้อของมันมีสุราอยู่แล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรุงอื่น… ข้าเพียงแค่ย่างมันก็พอ…”
ฟางหยวนกรีดเปิดท้องปลาอย่างรวดเร็ว ทำความสะอาดก่อนที่จะรมควันไว้เหนือกองไฟ เขาเพียงแค่ใส่เกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
หลังจากนั้นครู่เดียว กลิ่นหอมจรุงก็ลอยอวลออกมาจากเนื้อปลาวิญญาณ เขาน้ำลายสอ
“อืม…”
ฟางหยวนกัดเนื้อปลาเข้าไปคำโต ในปากเขาเต็มไปด้วยรสชาติสดใหม่และชุ่มฉ่ำของเนื้อปลา มันอร่อยมากจริง ๆ
“เนื้อปลานี้นุ่มและไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด อันที่จริง มันยังมีรสหวานในเนื้อ ร่วมกับกลิ่นสุรา ยังมีความเผ็ดชาเล็กน้อย ดี! อร่อย!”
เพียงขยับมือ ก้างปลาก็แยกออกจากเนื้ออย่างง่ายดาย
หลังจากกินหมดตัว ฟางหยวนก็เลียริมฝีปากและเริ่มเตรียมตัวที่สอง
ที่ข้าง ๆ เขา อินทรีดำหางเหล็กก็กำลังอร่อยกับเนื้อปลาเช่นกัน
หลังจากนั้นอีกเป็นนาน ฟางหยวนและอินทรีดำหางเหล็กก็นอนแผ่ลงที่ชายหาด ทั้งอิ่มท้องทั้งอิ่มใจ
“อืม… พลังของพวกมันคือการรักษาด้วยคุณสมบัติของน้ำ มันมีผลคล้ายกับข้าวหยกเพลิง…”
ฟางหยวนหลับตาลงและลูบท้องไปมา เขารู้สึกถึงพลังวิญญาณที่แผ่ไปทั่วร่างกายพร้อมกับความอบอุ่น ทุกรูขุมขนบนผิวของเขาผ่อนคลายอย่างที่สุด ราวกับอยู่บนสวรรค์
“หลังจากกินอิ่มแล้ว ก็นอนพักสักนิดก่อนจะไปตามหาสมบัติ!”
ฟางหยวนวางมือทั้งสองข้างไว้หลังศีรษะ รู้สึกพอใจและผ่อนคลาย
แผนที่สมบัติทุกชิ้นอยู่กับเขา และไม่มีใครอื่นเป็นคู่แข่งของเขา ดังนั้น เขาจึงรู้สึกว่าไม่เป็นไรที่เขาจะช้าไปอีกสักวันหรือสองวัน
หลังจากพักครู่หนึ่ง คิ้วของเขาก็ขมวดขณะลุกขึ้นมองที่ผิวทะเลสาบ
“ซ่า! ซ่า!”
เรือเหาะโลหะสามลำล่องอยู่บนคลื่นและปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฟางหยวน
เรือพวกนี้ใหญ่โตและมีรูปร่างโดดเด่นมาก ทั้งลำปกคลุมด้วยโลหะ และยังมีไม้พายแผ่ออกมาทั้งสองข้างลำเรือ แม้ว่ามันจะล่องต้านลมมันก็ยังคงแล่นได้ด้วยความเร็วอันน่าตระหนก
“เรือเหาะโลหะ?!”
เพียงแค่นี้ ฟางหยวนก็เดาได้ว่าใครเป็นเจ้าของเรือพวกนี้
เห็นธงสีแดงสดมีรูปวาฬวาดเอาไว้ที่หน้าลำเรือ ฟางหยวนก็พูดกับตัวเองอย่างขำ ๆ “ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้!”
“ท่านปู่ ตรงนั้นมีควัน?!”
ขณะที่เรือเหาะโลหะมาถึง พวกมันก็เห็นควันจากบนเกาะ
“อืม?”
ที่กราบเรือ อวี้เฟยฉุยลูบเครา “ไม่มีเรืออยู่ที่นี่ แต่มีควัน ข้าเกรงว่าจะมีคนติดอยู่ที่นี่ ส่งเรือเล็กลงไปดู!”
เขาฉลาดและดูเหมือนจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้
แต่ว่า ไม่นาน ดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกมา เขาเห็นนกสีดำตัวใหญ่แบกคนไว้บนหลังขณะที่มันร่อนลงบนกราบเรือ
“นี่มัน… นกวิญญาณ!?”
อวี้เฟยฉุยไม่อยากจะเชื่อและยั้งคนของเขาเอาไว้จากการใช้อาวุธ เขาก้าวออกไปสองก้าวและทักทายฟางหยวนอย่างเคารพ “ข้าน้อยอวี้เฟยฉุยคารวะท่านผู้อาวุโส!”
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถรับมือกับนกตัวนี้ได้ และคนที่จะกล่อมสัตว์ร้ายเช่นนี้ได้ต้องเป็นผู้อาวุโสสักคน!
ไม่ว่าเขาจะดูเยาว์วัยเพียงใด เขาก็นับเป็นผู้อาวุโส!
“อืม…”
ฟางหยวนหัวเราะอยู่ในใจเมื่อเห็นอวี้เฟยฉุยจำเขาไม่ได้ “ข้าได้ยินที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ เจ้าช่างมีเมตตา ดี ดีมาก!”
อวี้เฟยฉุยผ่อนลมหายใจโล่งอกและมองหลานของตนด้วยสายตาภูมิใจ