ต้นฤดูหนาว สายลมยามเช้าเย็นเยือก
เด็กชายหลายคนรวมกันอยู่ที่ลานฝึก พวกมันสวมเสื้อผ้าธรรมดาและมีรูปร่างแข็งแรง ใบหน้ามีเลือดฝาดและมีแววตาดุดัน
ที่ตรงหน้าพวกมัน ครูฝึกร่างสูงดวงตาคมดุจนกอินทรีกำลังเอ่ยปากสอน
“ตระกูลหยางสามารถขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ของอาณาจักรต้าเฉียนได้ก็เพราะวิทยายุทธ์และวิชาลมปราณของพวกเรา คนของตระกูลหยางจำเป็นต้องเข้ารับการทดสอบและฝึกวิทยายุทธ์ตั้งแต่อายุแปดปี… พวกเจ้าล้วนไร้พรสวรรค์และไม่สามารถเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนได้ แต่ว่า พวกเจ้าทุกคนยังสามารถฝึกวิทยายุทธ์ได้! ตราบใดที่เจ้าสามารถผ่าน 12 ประตูทองและขึ้นเป็นอู่จงได้ ก็ยังคงมีความหวัง!”
“แน่นอนว่า เป็นอู่จงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเจ้าทำได้สำเร็จ อย่างน้อยเจ้าก็ได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโสของตระกูลและมีสถานะในตระกูลสูงขึ้น พวกเจ้าก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นแล้ว!”
ตระกูลหยางนั้นเป็นตระกูลใหญ่ที่มีกฎเข้มงวด
สมาชิกของตระกูลนั้นได้รับการปฏิบัติที่ต่างออกไปขึ้นกับสถานะของแต่ละคน
ดวงตาของเด็กหนุ่มทั้งหลายทอแสงวูบ พวกมันยืดตัวตรงเมื่อได้ยินว่ายังมีเส้นทางเช่นนั้นเปิดกว้างให้พวกมัน
ครูฝึกมองภาพนี้แล้วก็แอบถอนหายใจกับตัวเอง ‘อย่างน้อยข้าก็ควรให้ความหวังกับพวกมันบ้าง!’
มันยากมากที่จะเข้าสู่เส้นทางการฝึกตน ในสายตาของเขา มีเพียงเด็กหนุ่มไม่กี่คนตรงหน้าเขาที่จะขึ้นถึง 4 ประตูสวรรค์ได้ ในฐานะผู้ดูแลของตระกูล เด็กที่เหลือล้วนไม่สามารถเพียงนั้นแล้ว
‘พวกมันจะฝ่าประตูทองได้อย่างไรเมื่อไร้ทรัพยากร?’
ผุ้ดูแลก็เป็นสมาชิกของตระกูลหยาง หลังจากหลายปี จิตใจของเขาก็กระจ่างขึ้น
ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะมีพรสวรรค์หรือมีความสามารถเพียงใด หากไม่มีคำแนะนำและทรัพยากรที่เหมาะสม คนผู้นั้นก็ยังคงไม่สามารถประสบความสำเร็จใด เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้เมื่อตอนยังเยาว์และทิ้งเวลากว่าครึ่งของชีวิตไปโดยไม่สามารถทะลวงฝ่าประตูทองที่ 9 ได้ ในที่สุด เมื่อเขาได้รับการยอมรับเข้าสู่ตระกูลสาขาของบุตรชายคนโต เขาก็ได้รับ ‘ยาเม็ดทะลวงขีดจำกัด’ ซึ่งทำให้เขาสามารถรวมพลังหยินได้และกลายเป็นครูฝึกของตระกูลไป ทุก ๆ เดือน เขาจะได้รับอาหารวิญญาณ ในที่สุดวันเวลาของเขาก็ดีขึ้น
‘ความลำบากในวันนี้ของข้าไม่นับเป็นอะไรเลย อาหารคุณภาพที่ข้าได้รับสามารถมอบให้แก่บุตรชายที่รักของข้าได้ เช่นนั้นเขาก็จะมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและจะไม่เดินไปในเส้นทางเดียวกับที่ข้าเคยเดิน…’
‘พูดไปแล้ว แม้แต่ชีวิตของสมาชิกในตระกูลสาขาบุตรชายคนโตก็อาจจะไม่ราบรื่นได้เช่นกัน!’
ครูฝึกมองไปที่ด้านข้างสนามฝึกที่มีเด็กหนุ่มร่างผอมบางดูอ่อนแอยืนอยู่ เด็กชายมองมาด้วยสายตาริษยา
ครูฝึกถอนหายใจก่อนจะเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น “วันนี้ ข้าจะสอนเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนแก่พวกเจ้า วิชานี้มอบพื้นฐานแข็งแกร่งและยังพลังภายในอันอัดแน่น เมื่อทะลวงผ่านประตูชางได้ มันจะช่วยเสริมพลังภายในให้มีระดับเหนือธรรมดา หลังจากขึ้นสู่อู่จงแล้ว ก็จะสามารถใช้ลมปราณยิ่งใหญ่ได้ นี่เป็นวิชาอันดับหนึ่งในต้าเฉียน! โอกาสเช่นนี้ยากที่จะได้รับ! พวกเจ้าควรจะยินดีกับมัน!”
“เข้าใจแล้ว!”
เด็ก ๆ ทั้งหลายตะโกนรับ แม้แต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง
ที่นอกลานฝึก เด็กหนุ่มมองภาพตรงหน้าแล้วก็กำหมัดแน่น
ชื่อของเขาคือหยางฟาน เขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในตระกูลสาขาของบุตรชายคนโตของตระกูลหยาง มันน่าอับอายที่เขาเป็นเพียงไอ้เด็กไร้ค่า
สำหรับตระกูลหยางแล้ว ภรรยาคนแรกและอนุนั้นได้รับการปฏิบัติต่างกันมาก บุตรของภรรยาคนแรกนั้นเป็นที่รักและได้รับการเลี้ยงดูเพื่อสืบทอดตระกูลและมีชีวิตอันสุขสบาย
ส่วนบุตรของเหล่าอนุ ก็ต้องดูแล้วว่าบิดารักใคร่เพียงใด ถ้าตระกูลฝ่ายมารดาแข็งแกร่งและมีอิทธิพล พวกเขาก็โชคร้ายแล้ว ชีวิตพวกเขาจะยากลำบากเพราะตระกูลฝ่ายมารดา และในเวลาเดียวกัน ก็ไม่ได้รับความรักจากบิดา
โชคร้ายนัก หยางฟานเองก็ได้รับการปฏิบัติเลวร้ายเช่นนั้น
บิดาของเขาไม่รักเขาและตระกูลฝ่ายมารดาก็ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องยากสำหรับเขา กระทั่งคนรับใช้ของเขายังกล้ากลั่นแกล้งเขาด้วยซ้ำ
เมื่อเขาอายุแปดปีและต้องเข้ารับการทดสอบพลัง เขาได้รับการบอกเวลามาผิดและพลาดการทดสอบ ทำให้พ่อของเขาโกรธเกรี้ยว จากนั้นมา เขาก็ไม่สามารถฝึกวิทยายุทธ์และทำได้เพียงศึกษาเล่าเรียนเท่านั้น
ในอาณาจักรต้าเฉียน ผู้ที่เก่งกาจในด้านการศึกษาสามารถเข้ารับราชการได้ สำหรับคนทั่วไปแล้ว นี่ก็ไม่ใช่หนทางเลวร้ายอะไร แต่ว่า ในตระกูลหยาง เมื่อไร้ความสามารถในการป้องกันตนเอง เขาจะรับมือกับคนนอกได้อย่างไร?
“ข้าต้องโดดเด่นให้ได้ในสักวัน!”
หยางฟานกำหมัดแน่น ‘ถึงไม่มีใครสอนวิชาลมปราณให้ข้า ข้าก็จะฝึกวิทยายุทธ์! ทุกตระกูลจะมีกฎของตระกูลอยู่ ข้าก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกุลหยางและมันก็ไม่มีเหตุผลให้ข้าไม่สามารถฝึกวิทยายุทธ์ได้ ปัญหาเดียวก็คือข้าจะไม่ได้รับทรัพยากรและอาหารเท่านั้น!’
การฝึกวิทยายุทธ์นั้นใช้พลังมาก ดังนั้น ศิษย์ในตระกูลจะได้รับเงินส่วนหนึ่งมากพอให้ซื้อเนื้อและสุรายาเพื่อบำรุงร่างกายของพวกตน
นอกจากนี้ หากใครขึ้นสู่อันดับสูง ๆ ได้ยังได้รับรางวัลเป็นข้าววิญญาณทุกเดือนด้วย
ถ้าหากสามารถเป็นศิษย์วิญญาณ ศิษย์แปรธาตุ หรือศิษย์แห่งฝัน ก็จะได้รับการปฏิบัติด้วยดีขึ้นและยังได้รับอาหารวิเศษทุกวัน
แย่นักที่เขาแทบไม่เคยเห็นเนื้อบนโต๊ะอาหารเลย อาหารวิเศษและสุรายาเพื่อบำรุงร่างกายย่อมไม่ต้องถามถึง
“เคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุณนั้นสำคัญที่พื้นฐาน กินอาหารให้มากในแต่ละวันเพื่อให้ร่างกายและเลือดเนื้อแข็งแกร่ง! หลังจากพวกเจ้าทั้งหมดกลับบ้านไปวันนี้ กินเนื้อให้มาก เนื้อสัตว์วิญญาณยิ่งดี! แล้วก็ ยังต้องกินยาวิเศษ…”
บนลานฝึก คำพูดของครูฝึกพรั่งพรูไม่หยุด
ถึงตอนนี้ เด็กทุกคนบนลานฝึกก็ได้เพียงหัวเราะแห้ง ๆ
พวกมันอาจจะสามารถกินข้าววิญญาณและเนื้อได้ทุกวันอยู่ระยะหนึ่งหากตระกูลของพวกมันประหยัดให้มาก แต่กินยาวิเศษทุกวัน?
มีเพียงสมาชิกของตระกูลบุตรชายคนโตที่จะทำเช่นนั้นได้
ครูฝึกถอนหายใจเมื่อเห็น
ถ้าหากคนผู้หนึ่งจะเป็นอัจฉริยะได้ ก็เป็นเพราะว่าได้รับทรัพยากรจำนวนมาก
คุณชายน้อยคนรองของตระกูลสาขาบุตรคนโต หยางหู่ นั้นเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ ตอนที่เขาอายุ 100 วัน เขาก็ได้รับ ‘ยาเม็ดชีพจรพยัคฆ์ยิ่งใหญ่’ ซึ่งทำให้เขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังภายในของเขานั้นเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 8) อย่างไม่น่าเชื่อ เขายังเคยเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูหยินและหยางสิบคนได้ และหลังจากนั้นยังรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 11) ได้โดยไม่มีท่าทีเหนื่อยล้า เขาเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นจอมยุทธ์รุ่นเยาว์อันดับ 1 ของตระกูลหยาง
แต่ว่า เขาไม่ได้เป็นอันดับ 1 อย่างแท้จริงในการจัดลำดับเพราะยังมีผู้ฝึกตน!
คุณชายน้อยคนโตของตระกูลสาขาบุตรคนโตและคุณหนูสามล้วนมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก พวกเขาทะลวงผ่านสู่ขอบเขตของศิษย์วิญญาณได้ตอนอายุสิบห้าถึงสิบหกปี และยิ่งพิเศษยิ่งกว่าสำหรับคุณชายน้อยที่ว่ากันว่าสู้ได้กับนักรบศักดิ์สิทธิ์และยังกำลังจะทะลวงสู่การเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย!
‘สาขาหลักของตระกูลนั้นมีผู้มีพรสวรรค์มากมาย เทียบกันแล้ว คุณชายน้อยคนที่สี่นั้นธรรมดามาก… ไม่ ไม่สำคัญแล้ว… ตั้งแต่ข้าเลือกที่จะอยู่กับพวกเขา ข้าก็ควรภักดี หยางฟานผู้นี้…’
ครูฝึกเหลือบมองหยางฟานและเห็นว่าเขายังไม่ไปไหน เขาก็ถอนหายใจ เขาจงใจเพิ่มเสียงดังขึ้นและอธิบายเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนอย่างละเอียดกว่าเดิมมาก
‘หืม? เขาไม่ได้มีเจตนาดี!?’
ถ้าเขาเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป เขาคงคิดว่าครูฝึกผู้นี้ตั้งใจมอบความรู้นี้ให้และรู้สึกยินดี
แต่ว่า หยางฟานไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาไวรับกับอารมณ์ของผู้คนเมื่อเทียบกับผู้อื่นแล้ว และสามารถบอกได้ว่าครูฝึกนั้นมีเจตนาร้ายแฝงอยู่ มันเหมือนกับหยางฟานสามารถได้ยินเสียงในหัวใจของตัวเอง
‘ฝึกวิทยายุทธ์ต้องมีทรัพยากร! หากข้าฝืนฝึกอย่างดันทุรัง ข้าอาจจะทำร้ายร่างกายของข้าเองได้! นอกจากนี้… ในเมื่อตระกูลได้ห้ามผู้อื่นจากการฝึกฝน บิดาข้าเพียงอนุญาตให้ข้าศึกษาเล่าเรียน เหตุใดเขาจึงพบว่าข้ากำลังลอบฝึกฝน? ข้าเกรงว่าข้าอาจจะถูกลงโทษอีกแล้ว!’
หยางฟานหันกลับและออกไปจากลานฝึกหลังจากเขาคิดเรื่องนี้
“หืม? แปลก!”
ครูฝึกลดเสียงลงและเก้อไปเมื่อเห็นหยางฟานจากไป
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปเล่า? เขาเพียงต้องการแสดงความภักดีเท่านั้นเอง!
…
หยางฟานกลับมาที่ห้องของตน เขามองผนังว่างเปล่าแล้วหัวเราะขื่น
พี่น้องคนอื่นของเขามีเรือนของตัวเองและมีคนรับใช้คอยรองมือรองเท้าแม้ว่าจะเป็นแค่ไอ้เด็กไร้ความสามารถเหมือน ๆ กัน แต่สำหรับเขา เขากระทั่งต้องเย็บม่านเอง
“อย่างน้อยน้องห้ากับน้องหกของข้าก็รู้ว่าแม่ของพวกเขาเป็นใคร แต่ข้า…”
หยางฟานเงียบไป
ตอนที่น้องชายทั้งคู่ของเขาเกิดจากเมียบ่าว เมียบ่าวผู้นั้นก็ได้เลื่อนขั้นและขึ้นเป็นอนุของบิดาของเขา
ส่วนแม่ของเขานั้น นาง…หายตัวไป!
ว่ากันตามตรง นี่เป็นเรื่องแปลกและน่าอับอายมาก โดยเฉพาะเมื่อบิดาของเขาเป็นบุตรคนโตของตระกูล
เพราะอย่างนี้ เขาจึงไม่ได้รับความรักจากเหล่าญาติพี่น้อง ถ้าไม่เพราะลำดับ คงไม่มีใครรู้ว่าตระกูลสาขาบุตรคนโตนั้นมีคุณชายน้อยคนที่สี่อยู่
ห้องเก่าโทรมนั้นหนาวเย็นและไม่มีอะไรมากั้นสายลมฤดูหนาว
หยางฟานพลิกเปิดหนังสือบนโต๊ะและจ้องมองมันก่อนจะปิดมันลงและถอนหายใจ “เรียนมาหกปี มันคงจะดีถ้าข้าได้เข้าสอบและเข้ารับราชการได้หลังจากสามปี บางที ข้าอาจจะสามารถประสบความสำเร็จสักอย่างและคอยช่วยธุระของตระกูล ข้าอาจจะแต่งภรรยาดีงามและครึ่งชีวิตของข้าก็ผ่านไปเช่นนั้น… แต่ข้าไม่ต้องการ!”
เขาโกรธและดวงตาสว่างวูบขึ้น “เหตุใดพวกเราที่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหยางเหมือนกันแต่กับได้รับการปฏิบัติต่างกันเช่นนี้? ตอนข้ายังเล็ก ข้าถูกคนรับใช้รังแก และเมื่อข้าโตขึ้นมา ข้าก็ยังต้องคุกเข่าให้พี่ชายและแม่ใหญ่ เรื่องตลกอะไรกัน?”
“ข้าต้องการฝึกวิทยายุทธ์ ข้าต้องการเข้าฝึกตน วันหนึ่งข้าจะมีอำนาจเหนือตระกูลหยาง แล้วถามบิดาว่าเหตุใดข้าจึงถูกปฏิบัติเช่นนี้และตามหาท่านแม่!”
ในเรือนเก่าโทรม เด็กหนุ่มกำมือแน่นและมีท่าทางแน่วแน่
ปัง!
ตอนนี้เอง ประตูถูกผลักเปิดออกและหญิงผู้หนึ่งก้าวเข้ามา
หญิงผู้นี้อายุราวสี่สิบปี เธอสง่างามและสวมอัญมณีหลายชิ้น ถัดจากเธอเป็นคนรับใช้ร่างใหญ่ที่อุ้มแมวขนละเอียดสีทองดวงตาสีน้ำเงินเอาไว้ เสื้อผ้าของนางที่สวมใส่อยู่ยังดีกว่าของหยางฟานด้วยซ้ำ
“คารวะท่านแม่!”
หัวใจของหยางฟานหล่นวูบขณะโค้งตัวลง
หญิงผู้นี้คือภรรยาหลวงของบิดา ฮูหยินหวัง ผู้มีบุตรชาย 2 คนและบุตรสาวอีก 1 คน สถานะของนางในเรือนนั้นมั่นคงและนางยังกุมอำนาจในการจัดการกับคนในเรือน
“เจ้าเด็กไม่รักดี วันนี้เจ้าทำอะไรลงไป? กล้าไม่ฟังคำสั่งสอนของบิดาเจ้ารึ? หืม?”
ฮูหยินหวังพูดด้วยท่าทางโหดร้าย
หยางฟานตัวสั่น ราวกับมองเห็นเงาร่างของครูฝึกผู้นั้นและทำได้เพียงแค่ยอมรับออกไป “ข้าเพียงเดินผ่านลานฝึกและหยุดดูครู่หนึ่งด้วยความสงสัย ได้โปรดยกโทษให้ข้าเถิดท่านแม่!”
“ดีมาก เจ้ายอมรับ? พ่อบ้าน เฆี่ยนเขา 10 ทีให้ผู้อื่นดูเป็นตัวอย่าง!”
หลังจากฮูหยินหวังออกคำสั่ง นางก็หมุนตัวกลับเดินออกจากประตูไป
นางสามารถจัดการกับไอ้เด็กเหลือขอนี่ได้เพียงแค่พูดคำเดียว
ด้านหลังนาง เสียงตวัดแส้หนังดังขึ้น ทิ้งรอยแผลแตกเลือดอาบไว้บนแผ่นหลังหยางฟาน
ท่ามกลางความเจ็บปวดสุดแสน พลังเวทย์ของเขาก็ค่อย ๆ กลับมา ‘หนี้แค้นนี้ต้องได้รับการชำระ… เดี๋ยวนะ ข้าเป็นใครกัน? ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่?’
พอคิดเช่นนี้ จู่ ๆ เขาก็ตระหนักขึ้นมา “ข้าไม่ใช่หยางฟาน ข้าคือฟางหยวน!”